“ว่าน” หวนรับงานแสดงร่วมก๊วนออฟฟิศติดฮา จับมือ “ฟาง” มาไกล รักหวานเรียบง่าย


ให้คะแนน


แชร์

บทบาทในซิทคอม “ออฟฟิศติดฮา”

“ตัวผมเองเบี้ยวงานแสดงไปประมาณ 6 ปีแล้ว ทำช่องยูทูบ Soloist Channel ด้วย ทำเพลงด้วย งานละคร งานแสดงมันทำให้นาฬิกาชีวิต รวนไปหมดก็เลยพักไว้ก่อนดีกว่า จนมาปี 2021 ก็มีรายชื่อนักแสดง มีคุณป๊อบ คุณโจ๊กและบทมา เราก็เอ๊ะหรือว่าเอาซะหน่อยไม่ได้เล่นนาน แม่ก็บอกว่าไม่ได้เห็นเราเล่นละครหรือซิทคอมเลยเลยรู้สึกว่ากลับมารับสักทีว่ายังไหวมั้ย เลยเป็นการกลับมารับงานแสดงในรอบ 6-7 ปีของผม เหตุผลหลักๆที่ตัดสินใจรับคือนักแสดงร่วมและบทที่ไม่ได้ตึงเครียดอะไร เป็นแนวบันเทิงร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเกือบทุกออฟฟิศมีกลุ่มผู้ชายที่ยียวนกวนประสาทงานก็ทำแต่ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องซะมากกว่า ผมส่วนใหญ่จะมีสติที่สุด หลักๆคาแรกเตอร์ “วิทย์” บทที่ผมเล่นจะกวนประสาทคล้ายๆ ผม”

3 หนุ่มสร้างความปั่นป่วนยังไง? “ออฟฟิศนี้ตั้งแต่ถ่ายกันมาไม่มีใครปกติเลย ฝั่งผู้ชายก็จะเป็นสารตั้งต้นของความ วุ่นวาย ส่วนผู้หญิงก็จะมีความห้ามความ บ่นแต่ก็พากันเละ ฝ่ายหญิงมี สไมล์–ภาลฎา รับบท มินท์ น้องใหม่ฝ่ายการตลาด, ดาว–ณัฐภัสสร รับบท ระพี เจ๊ใหญ่ฝ่ายบุคคล, ซาร่า–นลิน รับบท ส้มซ่า บ้างานเล่นใหญ่ฝ่ายขาย”

บรรยากาศการถ่ายทำเป็นไงบ้าง? “ด้วยความที่เค้าเขียนคาแรกเตอร์มีความใกล้กับตัวพวกเรา อย่างซาร่าก็เป็นซาร่าแบบนี้ ชอบแถมของแถมบทก็เต็มที่กัน”

มีแบบตั้งรับไม่ทันมุกกันมั้ย? “ไม่มีครับ รายชื่อที่กล่าว มาไม่มีใครยอมใคร จริงๆก็เป็นเรื่องราวตามบริษัททั่วไป บริษัทนี้เป็นแอป พลิเคชันหาคู่ มีทำบุญออฟฟิศ มีลูกค้าเรื่องมากเข้ามาบ้าง ป๊อบ–ปองกูล รับบท โป๊ป โปรแกรมเมอร์ปากมอม, โจ๊ก–กรภพ รับบท อ๊อด ครีเอทีฟสุดติ๊งต๊อง เป็นเพื่อนเรียนมาด้วยกันมาทำงานที่เดียวกัน”

เป็นก๊วนเพื่อนกันพอต้องมาอยู่ในบทบาทช่วยกันยังไงบ้าง? “เราช่วยกันทบทวนอยู่แล้ว จริงๆพี่ป๊อบกับโจ๊กเนี่ย เค้าเป็นนักแสดงมืออาชีพ เวลาเค้าเริ่มงานเค้าจริงจังนะ ถึงแม้จะดูไม่จริงจัง (ยิ้ม)”

เรียกว่าเรื่องนี้คนดูได้รับความสุขความบันเทิงเต็มๆ? “ในช่วงที่มีแต่ความวุ่นวายแบบนี้ อยากให้มีความบันเทิงก่อน มีข้อคิดบ้าง เช่น เวลาทำผิดก็ขอโทษกัน เป็นเรื่องชีวิตออฟฟิศ ก็ต้องเจอแบบนี้แหละ และออกอากาศทาง WeTV ด้วย โลกมันเปลี่ยนไป และผมคิดว่ามันน่าจะสะดวกขึ้น ดูสดได้ ย้อนหลังได้ ไม่จำกัดสถานที่ดูได้ตามอัธยาศัย ก็เป็นเรื่องแปลกใหม่ครับสำหรับนักแสดงยุคกลางอย่างผม”

สำหรับ “ว่าน” ยังมีตื่นเต้นกับอะไรในวงการบันเทิง?

“มีตลอดเลยครับ เพราะงานมันโดนคัดกรองออกไปด้วยตัวผมเอง ถ้าไม่อยากทำเราก็จะไม่รับ อย่างเรื่องนี้อยากเล่นก็กลับมารับงานแสดง เพราะคิดว่าจะรู้สึกดีทุกวันที่เราไปทำงาน เรื่องงานเพลง ปีนี้เจอกันแน่ครับ ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่คาดคะเนอะไรลำบากจริงๆ เลยตั้งใจว่าไตรมาสแรกนี้จะปล่อยเพลง สักครึ่งทางของอัลบั้ม เพราะปีที่ผ่านมาผมออกเพลงไปแค่เพลงเดียวเอง เมื่อเดือน ก.พ. ปีนี้น่าจะลุยเพลง ช่องโซโล่อิสต์ เรื่องการสตรีมเกม ซึ่งในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาผมเล่นทุกวันเล่นจนเป็นอาชีพ”

งานเพลงจะเป็นทิศทางไหน? “ก็คงเป็นเพลงป๊อปฟังง่ายเหมือนเดิม เนื้อหาถ้าเป็นเพลงเศร้าผมก็จะกรีดแทงลงไปให้ลึกที่สุด เป็นเพลงแบบที่คนชอบ ผมทำอัลบั้มสุดท้าย 4 ปีก่อน พอออกมาเป็นซิงเกิลๆมาก็ประกอบร่างไม่ได้ เลยคิดว่าเริ่มใหม่ดีกว่า ยังทำเพลงกับค่าย Spicy Disc เหมือนเดิม”

ลุ้นมั้ยกับการฟังเพลง ของคนที่เปลี่ยนไป? “จริงๆแล้วก็ไม่คิดอะไรเลย ทุกครั้งที่จะปล่อยเพลงผมก็จะทำเหมือนเดิมว่าเราเต็มที่กับมันแล้ว ค่ายเต็มที่ เอ็มวีเต็มที่ เราส่งมันได้แค่นี้ แล้วมันจะใช่หรือไม่ใช่ จะดังหรือไม่ดังก็เป็นธรรมชาติของมัน ไม่ใช่เราก็ทำใหม่ เลิกคุยกันเครียดๆในห้องประชุมเพราะสุดท้ายคนฟังก็จะเป็นคนตัดสินอยู่ดี”

เห็นว่าไปปั้นศิลปินใหม่ด้วย? “ทำเพลงกับน้องแซนดี้-ญาณิศา ครับ ไปเจอกับน้องที่เดอะวอยซ์คิดส์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว คิดว่าทำงานกับเด็กน่าจะทำให้เราสดชื่นดีเหมือนกัน ตอนนั้นน้องอายุ 11-12 ปีเอง ประสบการณ์ที่ได้คือได้ความรู้สึกเหมือนส่งลูกไปโรงเรียน เพราะรู้สึกภูมิใจกับเค้าทุกครั้ง ที่เค้าขึ้นไปร้องเพลง หรือทำไลฟ์กับเค้าทุกครั้งก็จะเห็นพัฒนาการของเค้าที่โตเร็วมาก และเป็นคนที่ไม่เคยทำให้รู้สึกว่าทำงานยาก และเค้าทำให้ผมรู้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปเยอะ บางทีผมต้องใช้ Insight จากเค้าว่า แซนดี้ช่วงนี้เค้าฟังเพลงอะไรกันบ้าง อยากทำเพลงแบบไหน เราก็ต้องทำการบ้าน เราจะทำสิ่งที่เราชอบอย่างเดียวไม่ได้แล้ว เพราะโลกมันเปลี่ยนเจนอีกแล้ว ตั้งแต่เริ่มทำแซนดี้ ผมมองว่ามาถึงวัยกลางทาง ถ้าเราบอกต่อความรู้หรือให้โอกาสใครในการทำงานได้ เราควรจะเริ่มเป็นคนแบบนั้น คนในวัยผม อย่างเช่น โอ๊ต-ปราโมทย์ แทน ลิปตา ก็เริ่มสร้างคนให้โอกาสคน ส่วนงานของตัวเองก็ทำต่อไป”

เรียกว่าได้เปิดโลกใหม่ๆ? “ตอนมาทำช่องออนไลน์ใหม่ๆผมว่าเหมือนได้ขยายยืดสมองไปเยอะอยู่นะครับ จากการนั่งคุยกับคนที่ชอบก็ต้องเริ่มเดินทางไปสนทนากับคนแปลกหน้า คนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จเพราะวิธีการสำเร็จมันมีล้านวิธีแล้ว”

จะได้เห็นอะไรใหม่ๆในช่อง? “ปีนี้อย่างรายการประชาชื่น ที่ผมเดินทางไปพูดคุยกับผู้คนที่มีความสุขในแบบต่างๆ ก็จะทำ คอนเทนต์ให้มันเข้มข้นขึ้น ให้คนดูได้ประโยชน์จากการชม อย่างคอนเทนต์เกมก็เข้มข้นไปแจมกับเกมเมอร์ตัวจริงมากขึ้น”

ตารางงานยังแน่นเหมือนเดิม? “เหมือนเดิมเลยครับ ช่วงโควิด-19 หลายคนถามผมว่าได้รับผลกระทบมั้ย มันก็กระทบแต่ถ้าเราปรับตัวเร็วที่สุดเราก็จะยังพอไปต่อ คงเป็นปีที่จะลุยอะไรตามวัยและตามความรับผิดชอบที่ยังสนุกและยังไหวกับงาน”

จริงๆก็ถึงวัยมีครอบครัวได้แล้ว ความรักกับฟาง–ธนันต์ธรญ์ ตอนนี้เป็นไงบ้าง?

“ปีนี้ก็เข้าสู่ปีที่ 6 กว่าๆ เราอยู่กันแบบธรรมดาไปเรื่อยๆ ด้วยความที่ผมเป็นคนรุ่นกลาง บ้านเค้าก็เติบโตมาแบบเค้า มันจะไม่ได้มีการย้ายมาอยู่ด้วยกัน มันก็เหมือนเป็นแฟนกันตลอดเวลา กินข้าวเสร็จไปส่งบ้าน จนกว่าจะถึงเวลาที่แต่งงานกัน ระหว่างทางมันก็เลยเหมือนเดิม คบกันไป ดูแลกันไปแบบปกติ เรียบง่าย ไม่มีหวานเป็นพิเศษ ไม่มีจืดเป็นพิเศษ”

คุยกันเรื่องอนาคตมั้ยว่าจะอยู่เป็นครอบครัวยังไง? “ก็คุยกันมาตลอดเวลา เพราะปีที่ผ่านมาฟางอายุ 30 ผมก็บอกว่าพี่ฟางอายุ 30 ขวบแล้วนะ พี่ฟางไม่ใช่พี่ฟางกามิกาเซ่ เราก็ต้องวางแผนว่าจะแพลนยังไง ซึ่งผมเองมองว่าตัวเองเป็นผู้ชาย ก็ต้องคิดเผื่อไว้แล้วว่าจะอยู่ กันยังไงตรงไหน คุณพ่อคุณแม่เดินทางมาหายังไง ต้องสะดวก กับทั้งสองบ้าน สะดวกกับชีวิตของเราด้วย ก็คิดเผื่อๆไว้ให้หมดแล้ว”

เรียกว่าเราพร้อมมาก? “ผมเคยตอบไปเมื่อปีกว่าว่าผมพร้อมตลอดเวลา ตอนนี้ก็พร้อมตลอดเวลาครับ”

ขึ้นอยู่กับความพร้อมของฝ่ายหญิง? “จริงๆมองว่ามันควรจะถึงความพร้อมได้แล้วในระยะเวลาที่เราคุยกันมาประมาณนี้ แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าคนเราที่คบกัน 6-7 ปีจะนานนะครับ พ่อแม่ผมยังมีเรื่องให้ถกเถียงกันอยู่เลย แต่สุดท้ายคือคนเราถ้าเริ่มยอมรับข้อเสียและอยู่กับใครสักคนนึงได้ มันโอเคแล้ว มันคงไม่มีที่จะดีที่สุดหรอก เราก็นั่งคุยกันบ่อยๆ”

การได้รู้จักฟาง เติมอะไรเข้ามาในชีวิตว่านบ้าง?

“ผมว่ามันเป็นจังหวะเวลาที่ถูกต้องที่ได้รู้จักกันตอนที่ผมเริ่มโตขึ้นก็จะนิ่งๆหน่อย ถ้าเจอคนที่อยากคุยด้วยที่หัวใจมันสดชื่นก็จงคุยกับเค้าดีๆ ทำตัวเป็นแฟนที่ดี จะได้ไม่ต้องไปเจ็บปวดกลางทาง ไม่ต้องไปหาใคร ไปเล่านิทานเรื่องเดิมอีกอะไรแบบนั้น ในเวลาที่พอเหมาะกับคนที่พอเหมาะผมว่ามันสามารถจับมือกันเดินทางไกลได้ และด้วยความที่ผมรู้สึกว่าฟางเป็นคนประหลาด บนภาพลักษณ์ที่เค้าดูจะต้องเรื่องเยอะกว่านี้ เค้ากลายเป็นที่ปล่อยให้ผมทำงานแบบเต็มที่ไม่งอแงถ้าไม่จำเป็น เราต่างเคารพในชีวิตซึ่งกันและกัน”

เวลาหวาน หวานมากจนหลายคนไม่คาดคิดว่าว่านจะโรแมนติกแบบนี้?

“ผมทำปกติ จริงๆผมอาจจะชื่อพี่หวานก็ได้ (หัวเราะ)”

มีคลิปร้องเพลงด้วยกันน่ารักมาก? “คนดู คงชอบครับ อย่างที่บอกว่าไม่ค่อยได้มีภาพแบบนี้ให้เห็น สักเท่าไหร่ จริงๆคือมันไม่ต้องทำอะไรยากเลยครับ ด้วยความที่ฟาง เวลาเค้ายิ้มเค้าดูน่ารัก ทำให้ภาพออก มาดูธรรมชาติ”

หวานน่ารักตามภาพที่เห็น? “เป็น 6.5 ปีที่เหมือนเดิมตลอดเวลา มันก็จะอยู่ของมันอย่างนั้นจนกว่าจะเปลี่ยนสถานะเป็นขั้นถัดไป”

การเป็นแฟนที่ดีของว่านคือหวานปกติ? “คนอื่นชอบบอกว่าผมเป็นคนโรแมนติก ผมว่าเปล่าเลยนะ ผมก็อยู่ธรรมดา ถ้าแบบนั้นเป็นคนปกติก็แปลว่าเป็นคนโรแมนติก”

การเติมเต็มชีวิตช่วงนี้ยังมีแพชชันอะไรอีก?

“ผมเอง ผมจะไม่ค่อยอยากได้อะไรที่ตื่นเต้นเท่าไหร่แล้ว เก็บความสุขระหว่างกันและระหว่างทาง กลับบ้านมาแล้วพ่อแม่หลับสบายดีทำอะไรไหว โทร.ไปแฟนยังรับสาย นัดกันไปกินก๋วยเตี๋ยว กลับไปร้องเพลงก็ยังมีแฟนๆไปรอดูความสุขของคนรอบๆ ทำให้ผมรู้สึกดีในทุกวัน”

ความสุขของตัวเองล่ะ? “ก็เป็นอย่างนั้น ตอนนี้ก็จะมีเพิ่มเติมเรื่องดูแลสุขภาพหน่อย พอเรา 35 แล้วร่างกายมันเริ่มแจ้งเรา”

คุณพ่อคุณแม่อยากให้มีครอบครัวหรือยัง? “เค้าก็แล้วแต่ แต่ถ้ามีแล้วเวิร์ก เรามีความสุขก็ดี ถ้ายังไม่มีใครก็เชิญอยู่คนเดียวไป ที่บ้านก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร”

ทำงานนานๆมีวิธีทำยังไงให้การทำงานมีความสุขเสมอ?

“พอผ่านเวลามาวันนี้น่าจะปีที่ 17-18 ตั้งแต่บ้านเอเอฟ มันเลยรู้สึกว่าถ้าเรายังทำตรงนี้ได้ มันไม่ใช่เรื่องรายได้อย่างเดียวแล้ว มันคืออาชีพที่ผมชอบและรักมันจริงๆ ผมชอบวิธีการทำเพลง การเป็นพิธีกร สำหรับผมมันก็สดชื่นถ้าเราได้ประกอบอาชีพที่เรารัก เราก็ทำในสิ่งที่เราอยากทำเดี๋ยวความสำเร็จมันก็จะค่อยๆมากระซิบเราเองว่าเรามาทางนี้เออมันใช้ได้ หรืออันนี้เลิกทำนะ (ยิ้ม)”.

เรื่อง: สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัย

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2288256
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2288256