“นาตาลี” ติดโควิดทั้งแม่-ลูกที่อเมริกา พร้อมเผยวิธีรักษาที่บ้านจนหาย


ให้คะแนน


แชร์

“นาตาลี” ติดโควิดทั้งแม่-ลูกที่อเมริกา พร้อมเผยวิธีรักษาที่บ้านจนหาย

วันที่ 16 ม.ค. 2565 เวลา 10:51 น.

“นาตาลี” เล่าประสบการณ์ติดโควิดทั้งแม่-ลูกที่อเมริกา เผยวิธีรักษาจนหาย

เรียกว่าสถานการณ์โควิด-19 ในทั่วโลกตอนนี้ก็ยังคงน่าเป็นห่วงอย่างหนัก และถึงแม้ว่าจะระระมัดระวังตัวเองขึ้นสุดแล้ว แต่ก็ยังติด รวมถึงสาว “ลี-นาตาลี เจียรวนนท์” ที่ล่าสุดเมื่อวานนี้ 15 มกราคม 2565 เจ้าตัวได้ออกมาเผยประสบการณ์การติดโควิด-19 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านช่อวยูทูบช่อง FlukeLee ในคลิป USA Ep.3

โดยทางสาว “ลี” และทางสามี “ฟลุค เกริกพล” ได้ฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม ก่อนเดินทางไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และเมื่อไปถึงทั้ง 2 คน ก็ได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 3 ก่อนจะไปเจอคุณทวด

และหลังจากนั้นทางสาว “ลี” ก็เริ่มมีอาการ ซึ่งจริงๆ แล้วในครอบครัวมีการตรวจโควิด-19 กันวันเว้นวัน เพราะ “ลี” เป็นคนที่นอยด์มาก กลัวโควิดมากๆ ระวังที่สุดในโลก เพราะลูกสาว “น้องนาตาชา” ยังเล็ก กลัวว่าจะเอาโรคมาติดลูก เพราะยังไม่มีวัคซีนโควิดสำหรับเด็กเล็ก

ส่วนคำถามที่ว่าติดมาได้ยังไงนั้น ตอบไม่ได้เลย เพราะไม่รู้ว่าติดมาจากไหน ตั้งแต่มาถึงก็พา “น้องนาตาชา” ไปสวนสาธารณะในหมู่บ้านแค่ครั้งเดียว ซึ่งไม่มีคนเลย มีออกไปซูเปอร์ 1 ครั้ง กินข้าวนอกบ้าน 3 ครั้ง พอเริ่มมีอาการก็แยกตัว และพักผ่อนให้เยอะขึ้น ซึ่ง “ฟลุค” ก็ดูแลด้วยการส่งข้าวส่งน้ำ ส่วนเรื่องการให้นมลูกยังสามารถให้ได้ ตอนปั๊มนมก็ดูแลเรื่องความสะอาดเป็นอย่างดี หวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ให้ลูก แต่สุดท้าย “น้องนาตาชา” ก็ติดไข้ขึ้นสูง

ในตอนที่ทั้ง “นาตาลี” และ “น้องนาตาชา” ติดโควิด ซึ่งที่นี่ส่วนใหญ่จะต้องอยู่บ้านเอง นอกจากว่าอาการหนักถึงจะเรียก 911 ซึ่งเป็นเบอร์ฉุกเฉิน เพื่อพาไปนอนที่โรงพยาบาล ผลจากการตรวจโรงพยาบาลปรากฏว่า นาตาลีและลูก รวมไปถึงพี่เลี้ยง ติดโควิด แต่ฟลุคไม่ติด ส่วนพี่สาวของนาตาลีก็แยกตัวออกไป

จากนั้น “ฟลุค” รู้ว่า “ลี” คิดถึงลูก จึงพาลูกไปส่งให้ และ “ฟลุค” ก็แบ่งบ้านเป็นโซนและแยกออกไปอีกห้อง ส่วนการรักษานั้น ที่นั่นถ้าอาการไม่หนักก็ต้องรักษาตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะรักษาตามอาการ แก้ไข้ แก้ไอ น้ำมูก แต่พอลูกยังเล็กก็เลยหายาให้ลูกไม่ได้ นอกจากยาแก้ไข้ และอาศัยยาสมุนไพร จนกระทั่ง 3-4 วัน ทุกคนเริ่มอาการดีขึ้น

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.posttoday.com/ent/news/673122
ขอขอบคุณ : https://www.posttoday.com/ent/news/673122