นุ่น ศิรพันธ์ หวนรับงานแสดง ในรอบหลายปี แนะวิธีทิ้งชุดตรวจโควิด


ให้คะแนน


แชร์

นุ่น ศิรพันธ์ หวนรับงานแสดง ในรอบหลายปี พร้อมอัพเดตความรักกับแฟนหนุ่มที่มีแต่หวานขึ้น และแนะวิธีทิ้งชุดตรวจโควิด ในฐานะที่เป็นผู้ที่เป็นห่วงด้านสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

เข้าปีที่ 7 แล้วของการครบรอบแต่งงาน สำหรับ นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา และสามีหนุ่ม ท็อป พิพัฒน์ ที่มีความรักต่อกันมากยิ่งขึ้น ทั้งยังทำงานรักษาสิ่งแวดล้อมร่วมกันในบริษัท คิดคิด จำกัด จนกลายเป็นคู่คิด คู่ชีวิตที่ดี

ล่าสุด นุ่น ศิรพันธ์ เปิดใจกับสื่อมวลชนในงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์ “One for the Road วันสุดท้าย ก่อนบายเธอ” ถึงการหวนกลับมารับการแสดงในรอบหลายปี พร้อมอัพเดตความรักกับแฟนหนุ่มที่มีแต่หวานขึ้น ก่อนที่จะแนะวิธีการกำจัดขนะอันตรายจำพวก แมสก์ และชุดตรวจ ATK ด้วยการแยกขยะ

คาแรกเตอร์เรื่อง One foe the road แตกต่างจากบทก่อนหน้านี้ยังไงบ้าง?“น่าจะเป็นอารมณ์ของหนังและผลงาน เรามองที่ภาพรวมมากกว่า ความแตกต่างจริง ๆ น่าจะเป็นวิธีการเล่น ที่มาเจอผู้กำกับอย่างพี่บาส ที่จะให้เป็นธรรมชาติมาก ๆ ค่ะ ถามว่านุ่นห่างจากการเล่นหนังมากี่ปี จริงๆ จำไม่ได้เลย ก็ห่างหายไปหลายปีอยู่ เรื่องล่าสุดก็ไปแจมๆ นุ่นว่าเป็นความสนุกมากกว่า หลังๆ จะเล่นเป็นซีรี่ส์หรือละคร วิธีการแสดงมันก็จะไม่เหมือนกันภาพยนตร์ ยิ่งมาเจอพี่บาสก็ยิ่งอยากได้ความเป็นธรรมาชาติมาก ๆ ก็มีการรื้อฟื้นบางอย่างใหม่เหมือนกันค่ะ”

ทำไมตัดสินใจรับแสดงเรื่องนี้? “จริง ๆ ไม่ได้ตัดสินใจรับหรอก แต่ขอบคุณที่เขาเลือกค่ะ (หัวเราะ) พี่บาสติดต่อมา บอกว่าสนใจ และมีคุณหว่อง กาไว เป็นโปรดิวเซอร์ด้วย ชื่อของสองคนนี้ เป็นคนที่เราอยากร่วมงานอยู่แล้ว เขาก็บอกตั้งแต่แรกว่ายังไม่ได้งานนะ ต้องมาแคสติ้งก่อน เราแค่รู้สึกว่าถ้าผลงานการแคสของเรา ถ้าพี่บาสหรือคุณหว่องได้เห็นเทปนั้น อาชีพการงานของนุ่นคือฟินแล้ว เพราะค่อนข้างมีโอกาสน้อยที่ระดับคุณหว่องจะมาเห็นเทปแคสติ้งของเรา แค่เขาได้เห็นก็โอเคแล้ว แต่เขาก็เซย์เยสให้เราอยู่ในโปรเจ็กต์นี้ อีกอย่างอาจเป็นเรื่องของเวลาด้วย ที่ผ่านมานุ่นเฟดไปทำธุรกิจของตัวเอง ค่อนข้างเยอะ ด้วยทามมิ่งที่พี่บาสเข้ามาด้วยโปรเจ็กต์นี้ มันค่อนข้างแมชท์กัน บางโปรเจ็กต์ที่ไม่มีโอกาสได้เล่น อาจเข้ามาในช่วงนุ่นงานแน่น ธุรกิจที่บ้านค่อนข้างเยอะ”

การร่วมงานกับน้องๆ นักแสดงรุ่นใหม่เป็นยังไงบ้าง? “เอาจริง ๆ รองจากพี่บาส นุ่นก็อาวุโสสุดแล้ว รู้สึกว่าเป็นปูชนียบุคคลเบา ๆ เวลาเขากองถ่าย ๆน้องๆ ก็สวัสดี น้อง ๆ ทุกคนเก่ง และเราก็เห็นพลังของเด็กรุ่นใหม่ค่อนข้างเยอะ เหมือนนุ่นเห็นตัวเองเมื่อตอนสาวๆ คนที่อยู่กันใกล้กันมากที่สุด คือน้องไอซ์ซึ เพราะจะเข้าฉากด้วยกันบ่อย ก็จะคุยเรื่องเกี่ยวกับวิธีการแสดง กระบวนการความคิดในการทำงาน หรือแม้กระทั่งบรรยากาศในการใช้ชีวิตของเรา เราเห็นน้องมีความตั้งใจมาก และเรารู้สึกเชื่อมั่นว่าวงการภาพยนตร์ หรือวงการบันเทิงของไทย ถ้ามีคนรุ่นใหม่แบบนี้เยอะมากขึ้น เราน่าจะไปได้ไกล คำว่าสากลเราก็น่าจะไปได้ถึงค่ะ”

ถามถึงเรื่องถูกสามี “ท็อป พิพัฒน์” ล้อว่าเป็น “หมูตัวใหญ่” รู้สึกยังไง? “สามีนุ่นผอมค่ะ (หัวเราะ) จริงๆ ตอนนี้นุ่นกับพี่ท็อปเราเป็นเหมือนเพื่อนกันเลย เมื่อเช้าพี่ท็อปขับรถมาส่ง นุ่นก็หันไปบอกนางว่า ‘ขอโทษนะ ที่ฉันเป็นเมียผมสั้นให้เธอตลอดเลย’ คือเราสองคนยิ่งอยู่ มาในปีนี้ก็เข้าปีของการแต่งงานที่ 7 แต่ถ้านับเวลาจริงๆ ก็สิบกว่าปีที่เราอยู่ด้วยกันและรู้จักกันมา มันเหมือนเพื่อนคนนึงไปแล้วค่ะ ก็น่ารักดี เวลาเขาล้อ เมื่อก่อนยังมีความหวาน ๆ แต่นุ่นคิดว่าอันนี้มันคือความสัมพันธ์ที่ดีนะคะ เราคือเพื่อน คือบัดดี้ เวลาทะเลาะ เราก็ทะเลาะแต่เป็นการทะเลาะด้วยเหตุผล นุ่นกับท็อปทำธุรกิจด้วยกัน ความยากของมันคือเวลาเราทะเลาะกัน และเรารู้ว่าต้องกลับบ้านด้วยกัน นอนเตียงเดียวกัน เราจะบาลานซ์ชีวิตยังไง ทั้งเรื่องงานและเรื่อครอบครัวมันต้องสมดุลกัน ปีนี้นุ่นเข้าสู่เลข 4 อย่างเป็นทางการ ถ้าให้คำแนะนำของคนที่มีแฟน หรือใด ๆ ก็ตาม อย่าทำงานกับแฟนนะเธอ ฉันพลาดมาแล้ว แต่ฉันก็ต้องประคับประคองต่อไปค่ะ (ยิ้ม)”

ตีกันเหรอ? “ไม่หรอกค่ะ นุ่นแค่รู้สึกว่าชีวิตมันคงจะง่ายกว่านะ ถ้าเราต่างคนต่างไปทำงานแล้วเราเอาเวลาที่ดีมาใช้ด้วยกัน แต่ของพาร์ตนุ่น เราเหมือนลงเรือลำเดียวกันแล้ว ซึ่งก็ไม่ได้รู้สึกอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขนะคะ แต่เหมือนเราเลือกวิถีนี้แล้ว มันเหมือนอยู่ด้วยกันที่ออฟฟิศแล้วมันต้องบาลานซ์ชีวิตผู้ร่วมงานกับชีวิตครอบครัว ซึ่งนุ่นว่ามันก็หนักอยู่ แต่ก็ยังดีอยู่ค่ะ ก็มีช่วงนี้ที่ขำๆ ล้อแซวกัน แต่ช่วงโควิดต้องยอมรับว่าเป็นช่วงที่เราหนักมาก เพราะ 2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจของเราวิ่งตลอดเวลา เหมือนเราวิ่งมาราธอนมาก เลยไม่มีโอกาสได้รู้สึกถึงการหยุดนิ่งเลยค่ะ”

ในฐานะที่เป็นผู้ที่เป็นห่วงด้านสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด อยากรู้ถึงความเป็นห่วงในการกำจัดขยะที่ตรวจโควิด หรือที่ตรวจแบบ ATK รวมไปถึงแมสก์ ซึ่ง ณ ตอนนี้เพิ่มมากขึ้น เรามีความเห็นเรื่องนี้ยังไง? “ช่วงนี้ทุกคนตรวจโควิดบ่อยมากนะคะ และงานอีกพาร์ตที่พวกเราทำก็คือเรื่องสิ่งแวดล้อม ๆ จริง ๆ ความรู้ที่ถูกต้องจริง ๆ นุ่นทำไว้ในเพจชื่อ ‘ECOLIFE’ ซึ่งในนั้นเราจะบอกว่าวิธีการจัดการขยะในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นที่ตรวจ ATK หน้ากากอนามัย หรือพลาสติกที่ได้จากการสั่งอาหารเดลิเวอรี่ เราควรจัดการยังไง ซึ่งตอนนี้จะมีองค์กรที่ชื่อ ‘N15’ เขารับ ATK ที่เราตรวจ เขาจะเอาไปเป็นพลังงานทางเลือก ไปจัดการให้ถูกวิธีแทนที่เราจะใส่ถุง
นุ่นว่าตอนนี้เราผ่านกระบวนการเรียนรู้ว่าพวก ATK หรือขยะติดเชื้อ เราใส่ถุงพลาสติก เขียนว่าขยะติดเชื้อแล้วก็ทิ้ง แต่มันก็มีโอกาสที่ขยะเหล่านี้เล็ดลอดไปที่รถขยะส่วนกลาง หรือหลุดออกจากถุงที่เราใส่และคนที่ได้รับผลกระทบคนแรกก็คือพี่ ๆ ที่เป็นคนเก็บขยะ ซึ่งเราก็เป็นห่วงเขา สิ่งที่เราทำได้ ข้อแรกต้องแยกขยะให้ถูกวิธี และหาวิธีการจัดการ ซึ่งนุ่นจะบอกทุกคนว่าไปห้าง ตอนนี้ที่ง่ายสุดสำหรับคนกรุงเทพฯ คือไปห้างสรรพสินค้า ห้างใหญ่ ๆ แต่ละที่เขาจะมีโซนของการแยกขยะ บ้านนุ่นจะแยกขยะเป็นหมวดหมู่แล้วไปทิ้งแยกที่ห้างสรรพสินค้าอีกทีนึง เพราะเราต้องซื้อของเข้าบ้านอยู่แล้ว อันนี้เป็นวิธีจัดการขยะแบบคนเมืองที่นุ่นว่าง่ายที่สุดค่ะ”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6846710
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6846710