ล่าสุดในรายการ ตีท้ายครัว ได้พาไปเปิดบ้านของ แอนนา ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนสนิทและผู้จัดการส่วนตัวของ แตงโม นิดา โดยในรายการได้มี ฮิปโป และพุดเดิ้ล มาร่วมเล่าเรื่องของ แตงโม ด้วย

แอนนา เผยว่า ทุกวันนี้ เบิร์ด ก็ยังร้องไห้อยู่ ก็เลยบอกว่าให้ร้องไปเถอะไม่เป็นไร ถ้าเราคิดว่าต้องร้องก็ร้องไปอย่าไปฝืน อย่าไปอัดอั้น ร้องไปเลยระบายออกมา แต่ เบิร์ด จะต้องลุกขึ้นมาทำงาน หาเงินนะ ซึ่งเขาก็โอเค ตอนนี้ดีขึ้นมาแล้วเดี๋ยวจะลุกขึ้นมาทำงานหาเงินแล้ว เพราะว่าถ้าเบิร์ดนอนซมอย่างนี้ต่อไป โมคงจะไม่แฮปปี้ ตอนนี้ก็ดีไซน์เสื้อออกมาขายอยู่

จากนั้น แอนนา ก็ได้ยกมือไหว้พร้อมกับขอว่า “อย่าเอ็นดูเขาแค่ตอนช่วงนี้ อยากให้เอ็นดูเขาไปนานๆ อย่าเอ็นดูเขาแค่ช่วงที่มีข่าวโม อยากให้ดูกันไปนานๆ แล้วก็เอ็นดู ดูมาตรฐานสินค้าที่เขาขาย และช่วยอุดหนุนเขานานๆ”

แล้วบอกต่อว่า โมเลือกผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตเป็นคนสุดท้ายคือเบิร์ดได้ดีที่สุด ตนเองยังเคยถามโมเลยว่า ทำไมไม่เลือกผู้ชายที่รวยๆ หล่อๆ หรือเป็นดารา ซึ่ง แตงโม ได้ตอบกลับว่า ฉันผ่านมาหมดแล้ว รวยแค่ไหน หล่อแค่ไหน ถ้าเขาไม่ได้รักเราจริงๆ วันหนึ่งเขาก็ไป 

แอนนา เล่าต่อว่า เบิร์ดจะมาส่งแตงโมที่บ้านตนเองประมาณช่วง 3-4 โมงเย็น แล้วก็จะมารับประมาณเที่ยงคืนที่บ้านของแอนนา ซึ่งแต่ละครั้งที่มา ก็จะแค่มาส่งแต่ไม่เข้าบ้าน จะนอบน้อมมาก ไม่นั่งโซฟาแต่จะนั่งกับพื้น บางครั้งมานั่งดูแมว จะไม่กล้าเดินรอบบ้านตามแมวไปเพราะเกรงใจ

โมจะมานั่งตรงบ่อปลาบ้าง นั่งตรงโซฟาบ้าง ตอนหลังจะมานั่งคุยความหลังกัน เล่าแบบหมดเปลือกทุกอย่าง หรือบางอย่างที่พอจะแนะนำเราได้ คือแตงโมจะรู้จักทุกคนในวงการ หรือเวลาเราจะเล่าข่าวอะไรในรายการ เราก็จะโทรถาม แตงโม ก่อนว่าคนนี้เป็นยังไง ซึ่ง โม ก็จะบอกว่าคนนี้นิสัยเป็นยังไง เธอเล่าประมาณนี้ได้นะ เขาดีมาก

จากนั้น โอ๋ ภัคจีรา พิธีกรของรายการก็บอกว่า ทางรายการเคยขอคิวไปบ้านของ แตงโม นิดา แล้ว ซึ่ง แตงโม บอกว่า ขอเวลาจัดบ้านก่อน และได้คิวมาประมาณช่วงท้ายๆ เดือนกุมภาพันธ์ที่เขาบอกจะให้ไปเยี่ยมบ้าน ซึ่งบ้านนั้นของเยอะมาก ในวันที่ โม ขนของออกมาขายก็เพราะว่า แอนนา ได้ส่งรูปของ พิงกี้ ที่ไลฟ์ขายขนมไปให้ดู ซึ่ง แตงโม บอกว่าเขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต ไม่เคยเริ่มต้น ไม่เคยรู้และไม่เคยมีความเข้าใจ เลยไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง

เลยให้ ฮิปโป ไปช่วย เลยทำให้เพิ่งรู้ว่า แตงโม ใช้อินเทอร์เน็ตของข้างบ้าน ซึ่งก็คือเน็ตบ้านของ ลูกตาล (อาริษา วิลล์) ระหว่างไลฟ์คนก็อยากจะซื้อมากด้วยความที่เป็น แตงโม มาไลฟ์ขายของ แต่เน็ตก็กระตุกไม่หยุด 

มดดำ ก็ได้อธิบายเพิ่มว่า แตงโมเป็นคนที่กลัวมีรายจ่ายเพิ่มมาก ในเดือนๆ หนึ่งจะวางแผนไว้ว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เพราะรู้สึกว่าหาเงินได้แค่นี้ กลัวจะไม่มีเงินผ่อนบ้าน เลยไม่ได้ซื้อ WiFi ติดบ้านเพิ่ม แอนนาบอกต่อว่า แต่แตงโมไม่เคยลดเงินเดือนใครที่จ้างทำงานเลย

ช่วงที่ แตงโม ป่วยเป็นซึมเศร้าไม่ออกจากบ้านเลย 2 ปี และปล่อยให้น้ำหนักขึ้นกว่า 10 กก. ถ้าเดินออกไปข้างนอกก็ไม่มีใครจำได้ แต่เพื่อนกลุ่มนี้ทำได้ ให้ แตงโม ลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่ และได้ตั้งชื่อกลุ่มว่า “โค้งสุดท้ายของอีโม” ซึ่งชื่อนี้ แตงโม ได้ตั้งเอง 

แอนนา เล่าต่อว่า ตั้งแต่ก่อนที่พ่อจะเสีย ก็ได้ถามโมว่า ไหวมั้ย ซึ่งตัวพ่อเองก็อาการหนัก แต่ใจแตงโมเองก็อาการหนักเหมือนกัน เลยออกมาทำงานไม่ได้ เลยใช้วิธีโทรคุย ตอนหลังก็เริ่มกล่อมเกลา และได้กลุ่มเพื่อนชั้น 2 คือแก๊งที่เรียนปริญญาตรี และกลุ่มเพื่อนของ เบิร์ด มาช่วยผลัดกันดูแล แตงโม มาผลัดเวรกันนอน

เมื่อถามว่า แตงโม เคยไม่มีเงินถึงขั้นไหน แอนนา บอกว่า ไม่มีถึงขั้นที่ว่าตอนที่คุณพ่อป่วย รักษาด้วยคีโมจนไม่เหลือเงินแล้ว และคุณพ่อก็ไม่อยากให้รักษาแล้ว ก็เลยกลับมารักษาตัวต่อที่บ้าน เลยหาเครื่องออกซิเจนมาใช้เพราะคุณพ่อหายใจไม่ออก โมก็ไปเอาของมานั่งขาย และเวลาไปออกงานเจอนักข่าว ก็ฝากบอกกันว่า ถ้าใครมีงานให้บอกนะ จะเอาเงินทั้งหมดที่ได้จากการทำงานมาซื้อเครื่องออกซิเจน มารักษาพ่อ.