เปิดใจ ท็อป จรณ หมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาทรุนแรง รับกลัวเป็นอัมพฤกษ์


ให้คะแนน


แชร์

เปิดใจ ท็อป จรณ หมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาท หมอชี้อาการรุนแรง ใจหายกลัวเป็นอัมพฤกษ์ เพิ่มการรักษาแพทย์ทางเลือก ขอบคุณทุกกำลังใจ

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

ออกมาแจ้งข่าวให้แฟนๆ ได้ทราบกันว่าต้องพักรักษาตัวยาว สาเหตุจากอาการหมอนรองกระดูกคอเคลื่อนทับเส้นประสาท ล่าสุดพระเอกชื่อดัง ท็อป จรณ โสรัตน์ เปิดใจกับทาง “ข่าวสดบันเทิงออนไลน์” ยอมรับใจหายหลังคุณหมอประเมินอาการค่อนข้างรุนแรง รับแอบหวั่นเป็นอัมพฤกษ์ ห่วงกลัวกระทบงานแอ๊กชั่นที่ถ่ายทำค้างอยู่ ตอนนี้เพิ่มการรักษาแพทย์ทางเลือก เชื่อจะกลับมาหายในเร็ววัน พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมา

โดย หนุ่มท็อป เล่าให้ฟังว่า “เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วโน้นผมเล่นซีนแอ๊กชั่น แล้วมีช็อตที่ต้องกระโดดบนเครื่องแทรมโพลีน เพื่อที่จะสปริงให้สูงขึ้น จังหวะที่ลงมามันมีอาการตึงที่หลังคอไปทางขวา ตอนนั้นคิดว่าอาจจะเป็นที่กล้ามเนื้อ แล้วก็ถ่ายทำต่อไป จนกลับมาบ้านก็ยังรู้สึกตึงอยู่แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นถึงแบบกระดูกคอเคลื่อน ผมก็พยายามยืด”

“จนผ่านมา 4 วัน คืนวันศุกร์ที่แล้วมันเริ่มมีอาการหนักขึ้นคือบริเวณคอส่วนหน้าก็เริ่มตึงด้วย นิ้วมือและแขนเริ่มชา นอนไม่หลับเพราะมีอาการปวดมาก วันเสาร์เลยไปหาคุณหมอ ตอนแรกก็ยังคิดว่าเป็นที่กล้ามเนื้อ แต่คุณหมอบอกว่าเนื่องจากมันมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อในบางส่วนด้วย น่าจะเป็นเกี่ยวกับเส้นประสาท วันนั้นก็ได้ทำเอ็มอาร์ไอ ผลออกมาเมื่อวานนี้เอง(28มี.ค.) ปรากฏว่าเป็นหมอนรองกระดูกคอเคลื่อนทับเส้นประสาท

แต่ไม่ได้น่ากลัวถึงขั้นทั้งซีกขวาทำงานไม่ได้ แค่เป็นกล้ามเนื้อบางจุดที่มันอ่อนแรง อย่างของผมจะเป็นกระดูกคอข้อที่4 5 6 ที่ไปกดทับ ทำให้นิ้วโป้ง นิ้วชี้ ฝ่ามือทางซีกขวาอ่อนแรง ปกติผมจะแปรงฟันมือขวา พอเป็นก็จะหยิบแปรงและแปรงฟันไม่ค่อยได้ หรือกำมือก็อาจจะกำได้ไม่สนิทเท่าเดิม หลายคนก็เป็นห่วงว่าอาการหนักหรือเปล่า ผมเองก็ภาวนาให้ไม่เป็นหนัก”

ตอนที่มีอาการอ่อนแรง แอบกลัวว่าตัวเองจะเป็นอัมพฤกษ์ไหม?คิดครับ พอคุณหมอบอกคือใจหายเลย ความที่ตัวเราร่างกายแข็งแรงมาตลอด แล้วอยู่ดีๆ กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง บางจังหวะที่จับปากกาจะต้องเซ็นชื่อก็จับได้แบบมือสั่นๆ ใจหายเลยครับ ตอนนั้นคิดเลยว่าถ้าเป็นอะไรไปขึ้นมาหรือถ้ามันไม่หายกองถ่ายจะทำยังไง เพราะว่าเราเป็นพระเอกด้วยแล้วก็ถ่ายกันมาเยอะแล้ว ถ้าเราต้องหยุดงานมันก็จะลำบากทุกคนไปหมดเลย”

“ยอมรับว่าคิดเหมือนกันว่าตัวเองจะเป็นจะเป็นอัมพฤกษ์ไหม แต่ผมไม่กล้าถามคุณหมอ คือคุณหมอก็บอกว่าถ้าเรายังไม่หายดีแล้วเราไปมีกิจกรรมที่ทำให้มันเกิดอาการซ้ำขึ้นมาอีก มันก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นอัมพฤกษ์ได้”

คุณหมอประเมินแล้วอาการรุนแรงแค่ไหน? “ประเด็นคือคุณหมอบอกว่าอาการค่อนข้างรุนแรงมาก เพราะเหมือนกระแทกแรง ดูจากฟิล์มแล้วคุณหมออธิบายให้ฟังว่าส่วนที่โดนกระทบและทับเส้นประสาทมันทับค่อนข้างเยอะมาก ถ้ากายภาพแล้วไม่ดีขึ้นก็อาจจะต้องผ่า ซึ่งผมไม่อยากผ่า เลยพยายามหาทางรักษา เบื้องต้นที่รักษาอยู่ตอนนี้ก็คือทานยา ทำกายภาพบำบัดอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง หลีกเลี่ยงการกระแทกในแนวดิ่ง การหันคอแบบรวดเร็ว หรือว่าก้มเงยเยอะๆ”

“เบื้องต้นคุณหมอให้พักอย่างน้อย 1-2 เดือน แต่ผมก็มีความหวังว่ามันจะหายเร็วกว่านั้น เนื่องจากซีรีส์ที่ผมถ่ายมันเป็นแอ๊กชั่น แล้วถ้าผมหันคอไม่ได้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปต่อ ฉะนั้นต้องรีบหาย เราก็เลยพยายามหาแพทย์ทางเลือกฝังเข็มด้วย ถามว่าจะมีโอกาสหาย 100% ไหม เท่าที่คุยคุณหมอบอกว่ามันก็อาจจะไม่ได้กลับมา 100% ขนาดนั้น แต่อาการชาและอาการปวดก็มีเปอร์เซ็นต์ที่จะหายไปสูง ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขอประเมินจากการกายภาพดูก่อน”

กระทบการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงานแน่นอน? “ใช่ครับ งานที่สามารถเลื่อนออกไปได้ก็ต้องเลื่อนก่อนเลย ผมก็ต้องขออภัยทีมงานและรายการต่างๆ ด้วยที่ทำให้วุ่นวาย ส่วนบางงานที่จำเป็นจะต้องไปทำในช่วงเวลาอันใกล้นี้เราก็พยายามจะฝืนไปให้ได้ ส่วนงานแสดงตอนนี้ผมมีถ่ายซีรีส์อยู่หนึ่งเรื่องคือด้ายดิบเป็นแอ๊กชั่นดราม่าที่หนักมาก ซึ่งก็ต้องพักไปก่อน เพื่อให้เวลาเต็มที่ในการจะรักษาตัวเอง”

ในอนาคตคิดว่าจะต้องเพลางานด้านบู๊แอ๊กชั่นไหม? “(หัวเราะ)คุณแม่บอกผมเหมือนกันว่าคราวหน้าก็ไม่ต้องรับละครแอ๊กชั่นแล้วนะลูก แต่อันนี้ก็พูดยาก ถ้าจำกันได้ผมเคยบาดเจ็บที่ขามาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นพักไป 3-4 เดือน แล้วก็คิดว่าจะไม่เอาแล้ว สุดท้ายก็รับอีกเพราะมันเป็นความชอบ เลยคิดว่าต่อไปคงไม่ใช่ว่าไม่รับหรอก แต่ต้องระมัดระวังมากขึ้น หรือพูดคุยกันว่าผมเคยมีปัญหาแบบนี้ อะไรที่เสี่ยงจะต้องมากระทบกระดูกตรงคอก็จะต้องเลี่ยงเป็นวิธีการอื่นแทนไหม”

“แต่ก็ยังอยากเล่นอยู่เพราะเราชอบ ถ้าจะให้เลิกเล่นเลยคงยากเพราะมันเหมือนอยู่ในสายเลือด ผมจะรู้สึกภูมิใจเวลาเราทำมันออกมาสำเร็จ ถามว่าไม่เข็ดเหรอ แรกๆ มันก็กลัวครับ แต่อย่างที่บอกว่ามันคือสิ่งที่เราชอบ อีกอย่างเราจะรู้ร่างกายตัวเองว่าทำได้แค่ไหน ถ้าถึงวันหนึ่งที่มันไม่ไหวจริงๆ เราก็คงอาจจะไม่เล่นแล้ว แต่ผมยังเชื่อมั่นในร่างกายตัวเองอยู่ว่ามันจะหาย”

กำลังใจส่งมาเยอะเลย?ใช่ครับ ดีใจและตกใจที่คนให้กำลังใจเยอะมากขนาดนี้ จริงๆ ไม่ได้อยากจะบอกเพื่อให้ทุกคนมาให้กำลังใจ แต่อยากลงเพื่อเตือนคนอื่นให้ระวังด้วยว่าถ้ามีอาการแบบนี้ให้รีบไปตรวจ แต่กลายเป็นว่ามีคนให้กำลังใจเยอะเลยก็ดีใจมาก ขอบคุณมากครับ (อยากหายไวไวต้องหาพยาบาลส่วนตัวหรือเปล่า?) โอ้โห! ตอนนี้ไม่เป็นไรให้คุณหมอกายภาพบำบัดดูแลผมต่อดีกว่า อันนั้นน่าจะถูกต้องกว่าครับ(หัวเราะ)”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6969893
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6969893