หันหน้ามาทำธุรกิจเพิ่มขึ้น แล้วงานในวงการกับครอบครัวต้องจัดสรรเวลามากขึ้นไหม?
“ไม่นะครับ เราทำรายการ “บักโพธิ์” ก็เป็นเหมือนธุรกิจครอบครัว อีกอย่างก็ไม่ได้รับละครทีเดียวสามเรื่องเหมือนเมื่อก่อนแล้ว มันอาจจะมีคาบเกี่ยวนิดหน่อย แต่สุดท้ายพอปิดกล้องก็ได้กลับมาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น และรอเรื่องใหม่เปิด จะมีเวลาว่างอยู่สักเดือนสองเดือน”

พอมีลูกก็แบ่งเวลาได้มากขึ้น?
“มันก็ด้วยครับ ทุกอย่างมาโดยธรรมชาติ อย่าเรียกว่าใช้ความตั้งใจเลย มันไม่ได้ต้องตั้งใจ เพราะมันเป็นสัญชาตญาณของเราที่ทุกอย่างจะจัดสรรให้ลงตัวเอง อย่างหากเราไปกองถ่ายหรือไปไหนนานๆ เราก็จะคิดถึงลูก คือลูกกับครอบครัวแทบจะมาก่อนอยู่แล้วครับ”

จะมีเวลาทำน้องให้น้องโพธิ์เพิ่มอีกคนไหม?
“เดี๋ยวรอลุ้น (ยิ้ม)”

แสดงว่าเริ่มมีแววแล้วใช่ไหม?
“รอลุ้นกันต่อไปครับ (ยิ้ม) ก็อยากจะมีแต่เราก็ยังไม่อยากพูดมาก รอให้มาก่อนแล้วค่อยพูดดีกว่า”

หรือเพราะเราถือเคล็ดด้วย เลยยังไม่อยากบอก?
“ถือเคล็ดว่าจะต้องมาครับ (หัวเราะ) ตอนนี้ก็ปล่อยแบบธรรมชาติ เราเพิ่งที่จะปล่อยนี่เองครับ ยังอยู่ในกระบวนการอยู่”

ดูเราค่อนข้างมั่นใจว่าหากเปิดอู่ปุ๊บก็ติดปั๊บเลย?
“โอ๊ย มีความมั่นใจสูงมาก (หัวเราะ)”

ชาคริต-แอน และน้องโพธิ์ ลูกชาย ขอบคุณภาพจากไอจี @shahkrit

แสดงว่าเพิ่งเปิดอู่ไปได้ไม่นาน?
“ใช่ ที่ผ่านมาเราก็ให้เขาได้ดูแลสุขภาพบ้างเนอะ เอาให้ชัวร์ก่อน และโพธิ์เองก็ซนเหลือเกิน ก็เลยให้เขาเริ่มเดิน เริ่มวิ่ง เริ่มพูดรู้เรื่อง เราถึงคิดว่าโอเค อีกคนก็น่าจะพร้อมมาได้แล้วมั้ง”

คาดหวังไหมว่าคนที่สองอยากได้ลูกผู้หญิงเลย?
“ถ้าถามจริงๆ เราได้ผู้ชายแล้ว คนต่อไปก็อยากได้ผู้หญิงแหละ แต่ตัวเราเองอะไรก็ได้ แค่ขอให้มาแค่นั้นเองครับ”

ได้บอกน้องโพธิ์ไหมว่าจะมีน้องให้แล้วนะ?
“ก็ถาม มีน้องไหม น้องมาไหม น้องอยู่ไหน เพราะหลังๆ ชอบมองใต้หว่างขาตลอด เลยมีคนทักว่าสงสัยมาจ่อแล้วมั้ง ผู้ใหญ่เขาก็บอกโบราณเขาว่ากัน แต่เราก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ ไม่ปล่อยให้ตัวเองเครียด”

ภรรยาพร้อมใช่ไหม?
“พร้อม นางแข็งแรงมากครับ”

ถามถึงเรื่องที่ลูกชายพี่ต่าย เพ็ญพักตร์ เสียไป?
“ครับ ก็แสดงความเสียใจกับคุณแม่ไป เราสนิทกับแม่ต่ายเหมือนแม่เหมือนลูก และพอได้รู้ข่าวมันกะทันหันมาก น่าจะรู้วันเดียวกับที่ทุกคนรู้ เลยโทรไปหา แม่ก็ไม่ได้บอกใครในไอจี”

เราพอทราบใช่ไหมว่าลูกชายพี่ต่ายป่วยมานานแล้ว?
“นานแล้วครับเท่าที่ทราบ แต่ไม่ตามข่าวหรืออัปเดตอะไรกัน เพราะปีหนึ่งกว่าเราจะได้เจอกันก็แค่ 1-2 ครั้ง ต่างคนก็ต่างทำงาน พอเราทราบข่าวก็เสียใจครับ เพราะด้วยความที่รักท่านเหมือนแม่คนหนึ่ง แต่พอได้คุยกับแม่ ท่านเองก็แข็งแรง มองให้เป็นสัจธรรม เกิดแล้วดับ ตั้งแต่วันที่คุยกันตอนนั้นก็ยังไม่ได้คุยกันอีกเลย แต่ผมเชื่อว่าด้วยความแข็งแรง แข็งแกร่งของแม่ และเข้าใจในธรรมะ ทุกอย่างต้องดีขึ้น เราต้องมีความเข้าใจ ผมว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจของกฎธรรมชาติ อยู่ที่จะเจอช้าหรือเร็วแค่นั้น”

วุ้นเส้น วิริฒิพา ขอบคุณภาพจากไอจี @vjwoonsen

ถามถึงเรื่องที่วุ้นเส้นออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านรายการหลังเลิกกันแล้ว?
“อันนี้ขอไม่คอมเมนต์ได้ไหม เพราะมันเป็นเรื่องของการให้สัมภาษณ์น่าจะอยู่ที่คำถามมากกว่านะ ผมมีสิทธิ์ที่จะไม่ตอบได้ เพราะมันไม่ใช่ชีวิตของผมแล้ว ชีวิตของผมตอนนี้อยู่กับภรรยาและลูก อันนี้คือสิ่งที่ผมต้องโฟกัส ผมขอไม่ตอบเรื่องอดีตดีกว่า”.