“ใบเตย อาร์สยาม” เผยช่วงชีวิตเสียสูญที่สุด ดิ่งจนไม่อยากมีชีวิตอยู่


ให้คะแนน


แชร์

“ใบเตย อาร์สยาม” เผยช่วงชีวิตเสียสูญที่สุด ดิ่งจนไม่อยากมีชีวิตอยู่

วันที่ 25 เม.ย. 2565 เวลา 15:01 น.

“ใบเตย อาร์สยาม” กับเรืองที่ไม่เคยมีใครรู้! เคยชีวิตเสียสูญที่สุด ดิ่งจนไม่อยากมีชีวิต

เป็นคุณแม่ลูกหนึ่งที่ดีกรีความแซ่บไม่เคยแผ่วเลยจริงๆ  สำหรับนักร้องลูกทุ่งเจ้าของฉายาสั้นเสมอหู “ใบเตย-สุธีวัน กุญชร” หรือ “ใบเตย อาร์สยาม” ที่ล่าสุดเธอนั้นได้มาย้อนเล่าถึงเบื้องหลังความสำเร็จกับตัวตนที่ชัดเจน จนถึงเรื่องราวดราม่าถาโถม เป็นซึมเศร้าหมดหวังในชีวิต จนไม่อยากมีชีวิตอยู่ เธอก้าวผ่านได้อย่างไร พร้อมเปิดอกในรายการ WOODY HELP ME PLEASE 

 

ภาพที่เห็นมาตลอด มั่นใจ สวย เซ็กซี่ รู้สึกว่าเรายังเป็นแบบนั้นอยู่ไหม ?

ใบเตย : อินเนอร์ยังเป็นแบบนั้นอยู่ทั้งหมดไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไปเลย ถึงแม้จะมีลูกแล้วก็ตามค่ะ มันคือข้างในของเรา มันคือตัวฉัน ความเป็นฉันที่ต่อให้กาลเวลาเปลี่ยนไปแค่ไหน ก็จะยังเป็นแบบนี้แหล่ะ เป็นคนที่มีพื้นฐานคิดว่า I AM WHO I AM มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่เริ่มประกวดร้องเพลง รู้สึกว่าการเป็นตัวตนการเป็นตัวเรามันแฮปปี้ที่สุดแล้ว

จำได้ไหมว่าเจอตัวตนของตัวเองตั้งแต่ตอนไหน ?

ใบเตย : ตั้งแต่ 6 ขวบแล้วมั้งคะ เพราะว่าที่บ้านต้องบอกก่อนว่าพื้นฐานที่บ้านอย่างคุณแม่คือเหมือนใบเตยชัดเจน เป็น Confident girl เป็น Working women พอเรามาเป็นใบเตยเป็นศิลปิน ฉันแค่เป็นเด็กปกติ คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงดูเราอย่างดีมากๆ หนูยังบอกที่ค่ายเลยว่าก่อนที่หนูจะเป็นศิลปิน หนูใส่สั้นกว่านี้อีกเยอะมาก ใบเตยเป็นเด็กที่ค่อนข้างมีโฟกัสตัวเองตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตเลยอยากเป็นนักร้อง มากรุงเทพฯ ต้องได้ออกอัลบั้มแน่นอน ปรากฏว่าก็ได้ออก เพราะว่าเราร้องลูกทุ่งได้ เขาก็เลยอยากโยกเราไปร้องลูกทุ่ง รุ่นใบเตยจะมี พี่ลีเดีย โฟร์-มด มีน้องหวาย คือในวันที่เซ็นสัญญาอีก 2 เดือนทุกคนได้ออก แต่หนูหลังจากน้องๆ พวกนี้อีก 4 ปี ณ วันนี้น้องๆ ทุกคนบอกว่าดีใจมากๆ ดีใจแทนพี่เตย เพราะเขารู้ว่าเราอดทนแค่ไหน เห็นเรามาตลอดว่าเราเป็นเด็กใต้ที่เข้ามาแล้ว เหมือนโดนเขม่น โดนด่าตลอด ดำมากๆ เลยนะเธอไปฝึกให้ทำยังไงก็ได้ให้ขาวขึ้น สวยขึ้น ต้องผอมลง เยอะมาก

โลกวันนี้เรื่องของสีผิว มันไม่เหมือนสมัยก่อนเลยรู้สึกยังไงบ้าง ?

ใบเตย : รู้สึกดีใจมาก เพราะใบเตยรู้สึกว่าความแตกต่างมันคือสิ่งที่ทำให้ทุกคนเหมือนโดดเด่นออกมา มันคือเสน่ห์ของแต่ละคน ใบเตยรู้สึกว่าคนที่มีสีผิวแบบนี้แล้ว มันยิ่งทำให้เรามั่นใจ ยิ่งทำให้เราโดดเด่น แตกต่างและสมบรูณ์แบบ

ชินแล้วถูกไหม ?

ใบเตย : การดราม่าในชีวิตใบเตย มันเป็นตั้งแต่ก่อนเข้ามาในวงการ ที่มีซิงเกิ้ลหรืออัลบั้มของตัวเองอีก ไปร้องเพลงเคยโดนแบบว่ามาแย่งถ้วยรางวัล มันมาอีกแล้วเหรออีใบเตย เหมือนโดนกระชากมงฟีลนั้นเลย ก่อนที่จะเข้ามาเป็นศิลปินด้วยซ้ำ มันเลยทำให้เราค่อนข้างสตรองตรงนี้มากๆ คุณพ่อคุณแม่ก็จะสอนแบบไม่เป็นไรลูกเวทีนี้แพ้เดี๋ยวกลับไปฝึกใหม่ เวทีต่อไปต้องชนะ ต้องได้

ผู้หญิงคนนี้ความสามารถไม่มี มีแต่ความเซ็กซี่ ร้องไม่ได้ขายแต่เซ็กซี่อย่างเดียว ใจตอนนั้นเราคิดยังไงถึงผ่านมันมาได้ ?

ใบเตย : เรารู้สึกว่าการเป็นนักร้องมันไม่ใช่แค่มองว่า อุ้ย! เต้นอย่างเดียว ดูในเอ็มวีอย่างเดียว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหน้าเวที คุณคอนโทรลคนทุกงานได้ยังไงในชีวิต The Show Must Go On ได้ ไม่ว่าต้นทางเราจะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม

ช่วงเวลาที่ผ่านมาในการเป็น “ใบเตย อาร์สยาม” ช่วงไหนที่เสียสูญที่สุด ?

ใบเตย :  คือเรื่องงานที่เยอะมากๆ จนเจ็บปวดบ่อยมาก เราค่อนข้างก้าวกระโดดความเป็นนักร้องที่ดังภายในปีเดียวเอง จากค่าตัว 5 พัน ภายในปีเดียวค่าตัว 3 แสน คือจำได้ว่าซิงเกิ้ลแรกๆ ออกครึ่งปีแรก เพลงแน่นอก ออกช่วง มิ.ย-พ.ค หลังจากนั้นชีวิตพลิกเลย ตอนนั้นเราตั้งตัวอะไรไม่ค่อยทัน รู้แค่ว่าฉันต้องไปขึ้นคอนเสิร์ตวันไหนบ้างแค่นั้นเอง ตอนนั้นงานเยอะจนเบลอ บอกได้เลยว่าขึ้นเวทีร้องเพลงเบลอมากๆ เต้นๆ อยู่ตอนนั้นมีพายุโซนร้อน ป้ายล้มลงมาทับขา ขาหัก เราต้องนั่งวิลแชร์ร้องเพลงอยู่ 1 เดือน ไม่มีอะไรที่สุดกว่านี้แล้ว

เจอกับเรื่องอะไรที่หนักหนาบ้างกับช่วงที่ผ่านมาและก้าวผ่านได้อย่างไร ?

ใบเตย :  ปัญหาซึมเศร้าหลังจากการมีบุตร Mama Blue นั่นเอง ตั้งท้องและน้องเวทมนต์คลอดเป็นช่วงโควิดทั้งหมด ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มันก็เลยออกไปไหนไม่ได้คือชีวิตเปลี่ยนมากๆ เลย จากที่ต้องตื่นไปร้องเพลง ไปโชว์ตัว กลายเป็นต้องมานั่งเลี้ยงลูกอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมให้นม ตอนนั้นชีวิตเหมือนมืดแปดด้าน ร้องไห้ทั้งวัน รู้สึกหมดหวังในชีวิต มีบางช่วงที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ตอนที่เป็นแรกพี่แมนก็พยายามจับมือ แล้วบอกพี่แมนว่าต้องจับมือกันให้แน่นนะ ก็เพิ่งรู้ว่ามีคนแมสเสจ มาใน Facebook ว่าเป็นอย่างนี้เยอะมากหลังคลอด เลยรู้ว่าเราไม่ได้เป็นแค่คนเดียว ก็เป็นกำลังใจให้ก้าวผ่านได้

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.posttoday.com/ent/news/681403
ขอขอบคุณ : https://www.posttoday.com/ent/news/681403