“แจม ชรัฐฐา” เปิดใจทั้งน้ำตายอมรับวิวาห์ล่ม! จบรัก “จี๊ป” 7 ปี


ให้คะแนน


แชร์

เริ่มจากสถานะตอนนี้?

“โสดค่ะ ร้อยเปอร์เซ็นต์ มันค่อนข้างกะทันหัน หลายๆคนอาจจะตกใจ จริงๆ แจมเริ่มไล่บอกเพื่อน บอกแขกแล้วว่า อีก 2 เดือนเราจะแต่งงาน เราคบกันมานาน 7 ปี แต่ว่ามันมีหลายๆ อย่างที่พอ 7 ปีผ่านไปมันไม่เหมือนปีแรกๆที่เรารู้จักกัน พอเราเริ่มรู้จักกันดีมากขึ้นก็เริ่มเห็นว่ามีหลายๆอย่างที่มันไม่ตรงกันในหลายๆเรื่อง โดยรวมก็เป็นเรื่องของทัศนคติในการคิด การพูด หรือว่าการใช้ชีวิต การเรียงลำดับความสำคัญในการใช้ชีวิตมันไม่ตรงกันเลย 2-3 ปีมานี้พยายามที่จะปรับทุกอย่างเข้าหากัน แต่ว่าสุดท้ายแล้วมันก็ทำให้เราเป็นทุกข์ใจ แจมคิดว่าการที่เราจะแต่งงานกันหรือใช้ชีวิตร่วมกันมันอาจจะดึงให้เราเข้ามาใกล้กันขึ้น พอเราได้ใช้ชีวิต ได้อยู่ด้วยกันนานขึ้น เราเห็นว่าไม่สามารถเข้ากันได้ คือมันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องว่าเรารัก ไม่ได้รัก หรือหมดรัก แจมยังรักเค้าอยู่ แล้วก็ยังหวังดี (เสียงสั่น)”

ช่วงไหนที่ตัดสินใจว่าหยุดดีกว่า?

“จริงๆแล้วเราเป็นคู่รักที่ไม่ได้เข้ากันเลยในเรื่องของไลฟ์สไตล์หรืออะไร แต่ว่ามันเหมือนอยู่ได้ด้วยความรัก พอเราใกล้การแต่งงานสิ่งที่เราคิดมีมากขึ้น เราได้เรียนรู้ว่าการจะใช้ชีวิตร่วมกันไปจนตลอดชีวิต มันไม่ได้มีแค่รักอย่างเดียว”

ตัดสินใจบอกเค้านานหรือยัง?

“ก็จริงๆเราคิดอยู่มา 2-3 เดือนแล้วว่าเราควรจะต้องทำยังไง สิ่งที่เป็นอยู่มันทำร้ายจิตใจเราข้างในด้วย เราก็รู้ว่าเราไม่สามารถเป็นคนที่เติมเต็มให้เค้าได้แบบ 100% เรารู้ตัวเราดี ถ้าเราฝืนทำเราก็ไม่ได้มีความสุขและเราจะเป็นทุกข์จากสิ่งๆนั้น พี่เค้าก็เป็นตัวของเค้าแต่ว่าตัวเราเองที่ไม่ซื่อสัตย์กับความต้องการของตัวเอง เราไม่ได้เห็นคุณค่ากับความต้องการของตัวเองมากพอ แล้วพอมันใกล้ถึงเวลา มันยาวนานมา 7 ปี จนสุดท้ายแล้วเรารู้ว่าเราไม่สามารถฝืนมันได้”

แจมกลัวการมีครอบครัวเหรอ?

“ไม่ได้กลัวการมีครอบครัวค่ะ แต่แจมมองว่าการที่เราจะใช้ชีวิตคู่กับใครสักคนที่เค้าจะมาเป็นสามีของเรา เราต้องมองไปในทิศทางเดียวกัน แล้วสิ่งที่มันกำลังจะเกิดขึ้น มันไม่ใช่ทิศทางเดียวกัน แล้วเราพยายามคุยแล้ว สุดท้ายเรารู้แล้วว่ามันฝืน มันควรจะมีความสุขด้วยกันทั้งคู่แต่มันไม่เป็นแบบนั้น มันก็เหมือนสร้างความทรมานให้กับคนสองคน แจมก็เลยรู้สึกว่า โอเคเราอาจจะต้องยอมรับความจริง”

มันยื้อจนสุดทางจนหมดแพชชันไปแล้ว?

“(เสียงสั่น) จะบอกว่ายื้อก็ใช่ค่ะ ตัวแจมเองที่ยื้อความสัมพันธ์นี้ให้มันเนิ่นนาน พอถึงจุดๆหนึ่งเรายอมรับความจริงว่ามันคืออะไร เราเข้ากันไม่ได้ ไม่ว่าเราจะพยายามมากแค่ไหนแต่ว่ามันไปด้วยกันไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าเราจะรักกันขนาดไหน แจมก็เลยคิดว่าอยากจะยุติความสัมพันธ์นี้ลง เราต้องการให้พี่เค้าได้มีชีวิตในแบบที่ได้เจอคนที่สามารถไปกับเค้าได้ 100% ซึ่งคนๆนั้นเรารู้ว่าไม่ใช่เรา เราไม่อยากจะเห็นแก่ตัว แล้วก็ยื้อความสัมพันธ์นี้ต่อไป (ร้องไห้)”

เราต้องการปล่อยให้พี่เค้าเป็นอิสระ?

“ใช่ค่ะ เรารู้ว่าหลายๆอย่างในตัวเราไม่ได้เป็นแบบที่เค้าต้องการได้ เราจะพูดแค่ว่าเรารักเค้าไม่ได้ คือการที่เราจะรักใครสักคนหนึ่ง มันต้องรักโดยที่เราไม่ต้องพยายามอะไร นั่นคือความรักในอุดมคติของแจม แต่ในเมื่อมันต้องพยายามทุกๆอย่าง มันทำให้ความสัมพันธ์ค่อยๆถอยห่างออกไป”

เลยตัดสินใจยุติ?

“ค่ะ ก็คือมันเป็นสุดทางของเค้าแล้วเหมือนกันค่ะ เค้ายื่นมือมาหาเราได้เท่านี้ค่ะ ส่วนตัวเรา เราสามารถยื่นไปได้ แต่เรารู้ตัวว่ามันไม่ได้มาจากความสบายใจทั้งหมด ก็เลยคิดว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่มันท็อกซิกค่ะ มันไม่ใช่ความรักที่จะต่อยอดไปได้ไกลมากกว่านี้ค่ะ”

ครอบครัวว่ายังไงบ้าง?

“ครอบครัวก็เคารพความคิดเห็นของเรา แจมทบทวนเรื่องนี้มานานมาก ตอนแรกไม่ได้บอกใครเลย แต่มันก็ลากยาวมาเป็นปี แล้วก็มาคิดทบทวนหนักมากขึ้นช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เลยต้องตัดสินใจที่จะหยุดอยู่ไว้เพียงแค่นี้ ต้องการที่จะให้ความรักครั้งนี้มันหยุดอยู่แค่ภาพจำตรงนี้ ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าแจมไม่รักเค้าเลย แจมขอบคุณเสมอที่เค้าเคยอยู่เคียงข้างแจมและซัพพอร์ตทุกสิ่งอย่าง แจมขอโทษที่ไม่สามารถเป็นคนๆนั้นให้เค้าได้ วันนี้แจมก็ยังเป็นห่วงเค้าอยู่ แต่แจมรู้ว่าถ้าเค้าได้เจอกับคนที่เค้ารัก และคนที่สามารถเข้ากับเค้าได้ทั้งหมด เค้าจะมีความสุขมากกว่านี้”

ชุดแต่งงานตัดไว้แล้ว?

“ตอนนี้ชุดอยู่ฝรั่งเศส ตัดเสร็จเรียบร้อย กำลังเตรียมส่งกลับมา ส่วนการ์ดแต่งงานตอนนี้ทำบัตรเชิญแบบอีการ์ดแล้วค่ะ สิ่งที่เสียดายไม่ใช่เรื่องของเวลาที่เราคบกันมานาน หรืองานแต่งงาน สิ่งพวกนั้นไม่ได้สำคัญเลย แต่สิ่งที่แจมเสียใจคือ เราพยายามไม่มากพอที่จะเป็นคนๆนั้นของเค้าได้ เราไม่สามารถก้าวข้ามสิ่งที่เราเป็น เราไม่สามารถปรับเข้าหากันได้ มันเลยทำให้เราเสียใจค่ะ”

เหตุผลเรื่องครอบครัวแต่ละฝ่ายมีส่วนมั้ย?

“ครอบครัวไม่เกี่ยวเลยค่ะ ครอบครัวของพี่เค้าน่ารักมากๆ ดีกับแจมมากๆ แจมก็รู้สึกเสียใจมากๆ ที่ทำให้ครอบครัวของเค้าผิดหวัง แต่แจมคิดแล้วว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นการตัดสินใจเพื่อที่ทุกคนจะได้เดินหน้าต่อไปอย่างถูกต้องค่ะ 7 ปีที่ผ่านมาเป็นความรู้สึกที่เราคงไม่ได้ทิ้งมันไป เราไม่ได้เกลียด ไม่ได้โกรธเค้า พี่เค้าก็จะยังเป็นหนึ่งคนที่แจมจะยังรักอยู่เสมอค่ะ”

ยังติดต่อกันอยู่มั้ย?

“ก็มีคุยกันบ้างค่ะ แต่สุดท้ายแล้วถ้าเราจะเลิกกัน เราก็ต้องตัดออกไปให้หมด เพื่อที่เค้าจะได้ก้าวเดินออกไปใช้ชีวิตในแบบที่เค้าต้องการได้ เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นบทเรียนสอนแจมครั้งที่ยิ่งใหญ่มากๆ เรารู้แล้วว่าถ้าในอนาคตจะมีใครเข้ามาในชีวิต เราคงต้องซื่อสัตย์กับความต้องการของตัวเองให้มากกว่านี้ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ทุกอย่างมันพังลงเพราะว่าแจมไม่ได้รักตัวเองเลย ทำให้ ทุกอย่างมันสะสมจนมาถึงตอนนี้ ตอนนี้ยังไม่อยากจะคุยกับใครหรือเปิดใจอะไร อยากจะอยู่กับตัวเองสักนิดนึงค่ะ”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2388091
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2388091