วีเจจ๋า รักษาโรค Amyloidosis นาน 3 เดือน เตือน อันตราย หมั่นเช็กร่างกาย


ให้คะแนน


แชร์

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

วีเจจ๋า รักษาโรค / โดยก่อนหน้านี้ ดาราสาว จ๋า ณัฐฐาวีรนุช ทองมี หรือ วีเจจ๋า ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์อาการป่วยโรค Amyloidosis หลังเป็นกังวลนาน 3 เดือน นับจากวันที่เริ่มมีอาการ พร้อมเตือนถึงวิธีสังเกตตนเอง

ล่าสุด วีเจจ๋า ได้ให้สัมภาษณ์ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Aestox ที่ สยามพารากอน ถึงเรื่องดังกล่าวว่า “ช่วงที่มันจะเป็นหรือไม่เป็น ตอนนั้นคือกังวล จิตตกมากเป็นพิเศษ เราเป็นคนที่สุขภาพแข็งแรง ออกกำลังกาย ทำอะไรหลายอย่าง พอช่วงที่ทำอะไรไม่ได้มันก็คิดไปต่างๆนานา คิดไปเรื่อยเปื่อย แล้วต้องรอผลประมาณ 2 อาทิตย์ เป็น 2 อาทิตย์ที่ยาวนานมากเลยค่ะ”

สาเหตุของโรคมันมาจากอะไร? “พอจ๋าได้ไปค้นหาภาวะ Amyloidosis และไปถามคุณหมอ จริงๆ มันคือโรคเลือด ซึ่งมันเป็นเรื่องของร่างกายจริงๆ ไม่มีใครทราบว่าทำไมถึงสร้างตัว Amyloid นี้ออกมา ทุกวันนี้แพทย์ทั่วโลกก็ยังหาสาเหตุไม่ได้เลย แล้วก็ยังไม่มีวิธีรักษาที่เฉพาะเจาะจงด้วย ถ้าคนที่เป็นหนักๆ ตัว Amyloid นี้จะไปรบกวนการทำงานของอวัยวะต่างๆ ซึ่งมันสามารถทำให้ล้มเหลวได้

ทำให้เรายิ่งต้องดูแลสุขภาพมากขึ้นไหม? “จ๋าเองเป็นคนที่ค่อนข้างจะดูแลตัวเองมากๆ อยู่แล้ว เราก็กังวลมากๆ แต่ตัวนี้มันไม่ได้เกิดจากการที่เราดูแลตัวเองดีหรือไม่ดี เกิดจะเป็น มันก็เป็นขึ้นมาเองเฉยๆ เลย แต่มันก็ทำเหมือนให้เราระลึกได้มากขี้น”

ตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นแล้วใช่ไหม เพราะเราตัดทอนซิลทิ้งไปแล้ว?หลังจากตัดปั๊บก็ตรวจเลือด ตอนนี้ในเลือดไม่มี ในที่ต่างๆในร่างกายไม่มี สแกนสมองก็ยังไม่เจออะไร คุณหมอก็สบายใจ แต่ถ้าเราอยากจะเฝ้าระวังก็ตรวจอีกรอบนึง

มีผลกระทบกับการใช้ชีวิตไหม? “คนถามเรื่องนี้กันมาเยอะเลยค่ะ จ๋าเองเพิ่งตัดไปได้เดือนเดียว ก็ถามคุณหมอมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าเป็นทอนซิลอักเสบ เป็นอะไรหนักๆ ชั่งน้ำหนักแล้ว มีไม่ดีมากกว่าไม่มี สมมติมีแล้วเกิดการอักเสบบ่อย มากๆ ปีนึงหลายครั้ง อาจจะมีสิทธิ์ที่จะเป็นเนื้อร้าย หมอก็แนะนำว่าให้ตัดทิ้งไปได้

เพราะในร่างกายมันยังมีต่อมน้ำเหลืองตรงอื่นที่เราสามารถดึงมาใช้ได้ ตอนแรกก็กังวลเพราะทอนซิลมันเป็นด่านแรกที่ป้องกันเชื้อโรค แต่จริงๆ มันมีต่อมน้ำเหลืองที่สามารถดึงมาใช้ได้ ของจ๋าเพิ่งผ่าตัดไป ช่วงที่ผ่านมาก็เลยยังไม่รับงาน เลี่ยงการไปสัมผัสกับคน เราไม่รู้ว่าเราจะไปเจอเชื้อโรคตรงไหน ก็ระวังไว้ก่อน ถามว่ามันมีผลอะไรบ้าง ตอนนี้จ๋ายังไม่มีผลอะไร ร่างกายเริ่มที่จะฟื้นขึ้นมาแล้ว”

อาหารการกินก็ทานตามปกติ? “ก่อนหน้านี้จ๋าเป็นแผลก็ทานได้ไม่ปกติ หยอดได้แต่น้ำข้าวต้ม แต่ตอนนี้แผลมันเริ่มหาย ก็เริ่มจะทานอะไรได้เหมือนเดิม ตอนแรกคือหลีกเลี่ยงอาหารมัน อาหารทอด อาหารแข็งๆ พวกปลาที่มีก้างอ่อนๆที่มันจะเข้าไปตำได้”

ใช้เวลาในการรักษานานไหม? “ถ้านับตั้งแต่ที่เจอติ่งเนื้อ แล้วยังไม่รู้อะไรเลย รวมๆ แล้วประมาณ 3 เดือน พอเริ่มรู้ เริ่มคิดจะตรวจจริงจังก็ประมาณเดือนครึ่ง รู้แล้วก็โล่ง ดีใจจริงๆ นะ ตอนที่รอผล คือคิดเยอะ ถ้าเราไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมแล้วจะเป็นยังไงต่อไป ตอนนั้นกังวล คิดถึงขั้นหาทางเลยนะ ถ้าออกจากบ้านไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ถ้าเกิดต้องเข้าโรงพยาบาล อยู่โรงพยาบาลตลอดไปจะเป็นยังไง แล้วจะทำอะไร”

มันมีจุดสังเกตอาการโรคไหมว่าเป็นยังไง? “พอจ๋าเล่าแบบนี้แล้วคนอาจจะเข้าใจผิดว่ามันเริ่มจากทอนซิล แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ Amyloid มันเจอตรงจุดไหนก็ได้ แต่ของจ๋ามันดันมาเจอที่ทอนซิล บางคนเจอ Amyloid ไปสะสมอยู่ที่หัวใจ คือมีภาวะหัวใจล้มเหลวก็มี สะสมที่ตับ ก็อาจจะมีภาวะตับล้มเหลว บางคนเป็นที่ระบบประสาท มันก็จะไปเกิดอาการตรงที่มันอยู่

ก่อนหน้านี้จ๋าก็ว่าระวังดีแล้วนะ อย่างช่วงโควิดจ๋าก็ระวังตัวสุดชีวิตเลย เพราะเป็นห่วงคนรอบตัว พอเราไปเจอโรคนี้ กลายเป็นพ้นจากเรารู้สึกว่าเราจะเสียสุขภาพนี้ไป ตอนนี้เลยยิ่งให้ความสำคัญ เห็นเลยว่าสุขภาพเรา มันมีแค่หนึ่งเดียวเท่านั้น ก็ยิ่งดูแลเต็มที่มากขึ้นไปอีกเท่าที่จะทำได้”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7043354
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7043354