“น้ำ รพีภัทร” เหนื่อยแต่ใจสู้ใช้ลูกเป็นพลังขับเคลื่อน อยากมีทายาทเพิ่มแต่สงสารภรรยา


ให้คะแนน


แชร์

น้ำ เล่าว่า…“ ได้ทำบุญเลี้ยงพระที่บ้าน ที่ฟาร์มที่นครนายก ถือเป็นการทำบุญใหญ่ไปด้วยในตัวเลย เพราะว่าตั้งแต่ผมเข้าไปอยู่ที่นั่นยังไม่เคยทำบุญเลี้ยงพระเลย วันเกิดปีนี้ก็ถือว่าโตขึ้นอีกปีครับ ถือว่าเป็นปีที่ดีเพราะพอผ่านวันเกิดมา วันรุ่งขึ้นก็ต้องทำงานแต่เช้าเลย มีบวงสรวงละครเรื่องป้อมปางบรรพ์ และช่วงเย็นก็ต้องมาโปรโมตละครเรื่องหุบพญาเสือ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นทำงานหลังจากผ่านวันเกิดมาอย่างเต็มที่”

มีของขวัญอะไรให้ตัวเองไหมคะ วันเกิดปีนี้ “ไม่ได้มีของขวัญอะไรเป็นพิเศษให้กับตัวเอง เพราะว่าผมใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกวันอยู่แล้ว ผมก็ถือว่าทุกวันนั้นคือวันดีๆที่ได้อยู่กับครอบครัว กับลูกๆ ได้ทำงาน นั่นคือทุกวันเป็นวันพิเศษครับ”

การที่น้ำตัดสินใจเลือกใช้ชีวิตอยู่ที่นครนายก และต้องทำงานแบบ ไปกลับกรุงเทพฯ มันค่อนข้างเหนื่อย แต่ก็เลือกแบบนี้ “ใช่ครับ ก็อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่ผมมองว่าเด็กๆจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ เขาไม่ต้องเร่งรีบมาก ไม่ต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อออกไปเรียน การที่อยู่ตรงนั้นเขาจะได้ใช้ชีวิตแบบที่ไม่ต้องเร่งรีบแข่งกับเวลา ส่วนตัวผมเองยอมที่จะเหนื่อย เพื่อให้ครอบครัวได้อยู่ในที่ที่ดี”

มินตรา ภรรยาห่วงแย่เลย “ก็มีบ้างครับ อย่างเวลาเราทำงานละคร ส่วนมากจะเป็นละครบู๊ ก็ใช้ร่างกายหนัก แล้วโลเกชันส่วนใหญ่ก็ค่อน

ข้างลำบาก เราก็พยายามที่จะมีสติตลอดเวลา”

โทร.หากันตลอดไหม “ตลอดครับ อย่างเวลาถึงกอง หรือออกจากกองละครก็จะโทร.บอก บางทีตอนกลางวันถ้าเบรกพักกอง ก็จะวิดีโอคอลไปคุยกับลูกๆบ้าง พอเห็นลูกมันเหมือนมีพลังขึ้นมาทันที ตอนนี้ใช้ลูกเป็นพลังขับเคลื่อนของเราครับ (ยิ้ม)”

ชีวิตของน้ำเปลี่ยนไปเยอะไหม “ก็ค่อนข้างจะเปลี่ยน แต่ผมมองว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดี คือพอเรามีครอบครัวแล้ว เรามีจุดมุ่งหมายในชีวิตที่ชัดเจน เรารู้ว่าเราจะทำเพื่อใคร เพื่ออะไร การวางแผนในชีวิตตอนนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นแผนที่เราวางไว้ให้กับลูกเราซะเป็นหลัก”

เห็นน้ำพาน้องโอเชี่ยนไปทำงานด้วยตลอด “ถ้าเขาว่าง อย่างเวลาถ่ายละคร ยิ่งเป็นละครบู๊เขาก็จะชอบนะเด็กผู้ชาย คือได้เห็นบู๊ๆอะไรแบบนี้ ลูกผมค่อนข้างจะโลดโผนทีเดียว อย่างตอนถ่ายละครหุบพญาเสือก็ไปกองด้วย พี่เอกก็ให้มาเข้าฉากด้วยเลย คือไหนๆก็มาแล้วเนอะ อย่าให้เสียเปล่า มาก็ต้องใช้งาน และเขาก็สนุกนะ ค่อนข้างสนใจงานตรงนี้พอสมควร อย่างวันที่ผมมีบวงสรวงละคร รถมารับค่อนข้างเช้ามากๆ ผมก็ขนหมอน ผ้าห่ม พุ่งขึ้นรถแล้วก็หลับไปเลย ผมมารู้ตอนหลังว่าโอเชี่ยนก็พุ่งตามขึ้นรถมาด้วย คือผมมารู้ตอนที่กำลังนั่งไหว้บวงสรวงละคร เขาเอามือมาวางบนบ่าผม ผมถึงได้เห็นว่าตามมาด้วย (หัวเราะ)”

สำหรับฟาร์มที่ทำอยู่ น้ำคิดจะขยับขยายอีกไหม “ตอนนี้ผมว่ากำลังดีแล้ว ไม่เกินกำลังเรามากเกินไป อีกอย่างงานในวงการบันเทิงของผมก็ยังมีอยู่ ขอแค่จังหวะชีวิตมันประมาณนี้ แค่นี้ผมก็พอใจแล้วนะ”

น้ำกลายเป็นไอดอลของใครหลายๆ คน ในเรื่องการทำงาน และการใช้ชีวิต “ดีใจครับ เราเริ่มต้นจากความสบายใจและความชอบส่วนตัวของเรา ถ้าวันไหนยังมีแรงอยู่เราก็ต้องทำต่อไปเพื่อให้ตัวเราเองมีคุณค่า และตัวเราเองจะมีคุณค่าก็เมื่อเราได้ทำประโยชน์แก่คนอื่นๆ วันนี้ถ้ามีคนมองว่าการใช้ชีวิตของเราเป็นแบบอย่างได้ นั่นหมายความว่าเราได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า”

เรียกว่าชีวิตอยู่ในจุดที่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ไหม “ตัวผมเองผมคิดว่าพอใจแล้วนะครับ แต่เป้า หมายของผมก็ยังมีต่อไปอีก อย่างเรื่องของลูก ผมอยากส่งลูกไปจนถึงจุดที่เขาสามารถดูแลตนเองได้ มีอาชีพที่ยึดเป็นหลักของตนเองได้ นั่นคือเป้าหมายที่เรารออยู่ในอนาคต”

ลูก 3 คนกำลังอยู่ในวัยที่กำลังสนุกเลย “ครับ 3 คนนี่คือสนุกจริงๆ (หัวเราะ) แต่เอาจริงๆผมก็อยากมีลูกมากกว่านี้นะครับ ผมชอบเด็ก ถามว่าเหนื่อยไหม มันก็เหนื่อยแหละ แต่คนที่เหนื่อยสุดคือเมียผม ที่เขาจะต้องดูแลลูกตลอดเวลา เพราะว่าเราเลี้ยงกันเอง ตัวผมเองยังออกไปทำงานด้านนอกบ้าง หรือบางทีคุณยาย คุณย่าแวะเวียนมาช่วยบ้าง แต่หลักๆคือมินตราแทบจะ 100 เปอร์เซ็นต์ เลย แต่จริงๆ 3 คนนี่ก็กำลังดีแล้วละครับ”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2390102
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2390102