อิงฟ้า วราหะ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ กับชีวิตที่ในอดีตยิ่งกว่าติดลบ


ให้คะแนน


แชร์

เป็นนางงามที่มีเสน่ห์ดึงดูดสำหรับ อิงฟ้า วราหะ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 แต่ใครจะรู้เลยว่าชีวิต อิงฟ้า ผ่านอะไรมาบ้าง วันนี้สาวหน้าหวานคนนี้มานั่งอยู่ตรงหน้า ไทยรัฐออนไลน์ และพูดคุยกับเรา อิงฟ้า พรั่งพรูเรื่องราวทุกอย่างด้วยแววตาที่มุ่งมั่น สาววัย 27 ปีแต่เรารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ผ่านอะไรมามากมายเหลือเกิน

ชีวิตวัยเด็ก ลำบากสุดไม่มีข้าวกิน

“หนูสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็กค่ะ” อิงฟ้า เริ่มต้นพูดคุยกับเราด้วยการเล่าชีวิตในวัยเด็กของเธอ “หนูย้ายบ้านมาหลายจังหวัด พ่อหนูเป็นนักดนตรีกลางคืน แม่เป็นแม่ค้าขายกิฟต์ชอป แต่แม่มีความสามารถพิเศษคือร้องเพลงได้ก็ประกวดตามงานวัด

เราเห็นปัญหาตั้งแต่เด็กว่าคุณตาไม่ชอบพ่อเท่าไร เพราะความเป็นนักดนตรีกลางคืนเจ้าชู้ เราก็เห็นแหละว่าตายายไม่ชอบพ่อ ตอนเด็กๆ ก็ขาดความอบอุ่นพอสมควรเพราะพ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่เขาไม่ได้เลิกกันนะคะ ก็รักกัน

จนเราเริ่มโตขึ้น พ่อกับแม่ก็ออกมารับผิดชอบตัวเอง พาลูกออกมาสู้ชีวิตกันเอง หนูเลยย้ายหลายจังหวัดมาก สำเร็จบ้างล้มเหลวบ้าง แต่ส่วนใหญ่เราก็จะเห็นว่าเจ๊งมากกว่า

หนูจะอยู่ในทุกช่วงเวลา ขายมาทุกอย่างแล้ว ขายอาหาร ส้มตำไก่ย่าง ขายผลไม้ ขายมาทุกอย่างเราก็ช่วยพ่อกับแม่มาตลอด

จนพ่อแม่รู้ว่าเราร้องเพลงได้เราก็เริ่มเดินสายประกวดร้องเพลง รับงานร้องเพลงตั้งแต่ 7-8 ขวบ แค่แต่งตัวให้ดูโตเป็นสาว (ยิ้ม) รับหมดงานบวช งานแต่ง แล้วแต่เขาจ้าง มาเรื่อยๆ จนคุณพ่อเสีย”

ตอนเด็กๆ รู้สึกว่าตัวเองลำบากมั้ย? ไทยรัฐออนไลน์ถาม อิงฟ้า  “ตอนเด็กไม่รู้เรื่องหรอกว่าลำบาก โตมามองกลับไป โห โคตรลำบาก ลำบากสุดน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีข้าวจะกิน

หนูอยู่ห้องที่มันเล็กมากๆ พ่อแม่กับลูกสาวอีก 3 คน หนูเป็นคนเล็ก 5 คนอยู่ในห้องเล็กมากๆ หลายคนนึกไม่ถึงแน่ๆ ว่ามันเล็กแค่ไหน ตอนเด็กไม่รู้สึกนะว่ามันเล็ก แต่โตมางงอยู่กันไปได้ยังไง (หัวเราะ)

จะมีช่วงหนึ่งที่ไม่มีตังค์ซื้อข้าว เพราะภาระเยอะ รายจ่ายเยอะ ต้องไปหาผักหลังบ้านมาผัดกันตามประสา เครื่องปรุงมีบ้างไม่มีบ้าง แต่มันก็อบอุ่นนะเพราะเรายังมีกิน อิ่มก็อิ่มด้วยกัน อดก็อดด้วยกัน เราคิดแบบนั้น ช่วงเวลานั้นเราก็มีความสุขไม่ได้รู้สึกว่าลำบากอะไร

พอเราเริ่มมารับงานร้องเพลงชีวิตก็ดีขึ้นพ่อกับแม่เริ่มมีรายได้เสริมนอกจากงานขายของ พ่อกับแม่จะไปกับเราทุกงานไม่ปล่อยให้เราไปเอง

อายุ 15-17 ปีก็เริ่มประกวดเยอะ แต่ทุกเวทีไม่เคยชนะเลย เข้ารอบนะแต่ไม่เคยได้ แต่ก็ไปนะ (หัวเราะ) อยากขึ้นเวทีชอบที่จะร้องเพลง

จนอายุ 17 เร่ิมออกรายการบ้าง เริ่มมีชื่อเสียงในจังหวัดเล็กๆ ก็เริ่มชนะบ้างในการประกวด จนพ่อมาป่วยเป็นมะเร็งเราไม่รู้มาก่อนว่าพ่อเป็นมะเร็งตับ เพราะพ่อไม่บอก เขาเป็นคนชอบเก็บทุกอย่าง

มารู้ก็คือหมอบอกอยู่ได้ 4 เดือนเต็มที่ ให้ทำใจนะ ช่วง 2 เดือนแรกก็ยังเดินได้ เรามารักษาตัวที่บ้าน เราก็ยังมีความเป็นเด็กคิดแต่ว่าเราจะทำยังไงให้พ่อหาย

เราก็เริ่มหยุดร้องเพลง แล้วมาโฟกัสแต่หาเงินรักษาพ่อ จนอาการหนักเดือนที่ 3 พ่อต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล ประจวบเหมาะกับที่คนติดต่อเข้ามาเรื่องงาน เสนอทุกอย่างมาให้เรานู้นนี้นั้น

เราก็เด็กต่างจังหวัด เราไม่รู้หรอก เรื่องสัญญามันเป็นยังไง แม่หนูเขาก็ไม่รู้เรื่องแกก็คนต่างจังหวัด หนูคิดว่ามันจะทำให้หนูมีงาน มีเงินมาดูแลครอบครัว มาดูแลแม่และพ่อที่ป่วย

เราก็เด็กแม่ก็ป่วย มีคนชวนไปเซ็นสัญญาเราก็เชื่อและไว้ใจเขา ว่ามันจะเป็นอย่างที่เราคิด แต่สุดท้ายมันไม่ใช่ ไม่มีงานให้เรา”

ถ้ายังอยู่จุดเดิมไม่มีทางมาถึงตรงนี้

“ตอนที่มีปัญหาแม่ก็เครียดเพราะแม่รับรู้มาตลอด เครียด เสียใจกันทั้งแม่ทั้งลูก มีการขอแบ่งเปอร์เซ็นต์จากเงินรางวัลที่ได้จากมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ตอนนี้ก็ให้ทางพี่ณวัฒน์และทีมทนายจัดการให้อยู่ค่ะ

หนูแค่รู้สึกว่าหนูเดินมาด้วยลำแข้งตัวเอง ผ่านความเป็นความตายมาเยอะมาก โดนดราม่าโดนด่ามาคนเดียว เราซัพพอร์ตตัวเองทุกอย่าง

วันที่เราประสบความสำเร็จเราขอได้มั้ยที่เราอยากให้ทุกอย่างเพื่อตัวเราเอง เพื่อแม่และครอบครัว หนูยังมีภาระข้างหลังเราเยอะมากๆ

ถ้าช่วงระยะเวลาการประกวดเขาซัพพอร์ตเราบ้าง หรือช่วงที่เราเดินออกมาเขาถามเราสักนิดว่าเรากินอยู่เป็นยังไงบ้าง

ช่วงที่เราลำบาก เราโพสต์ผ่านทางโซเชียลตลอดนะว่าเราลำบากเราทำงานออฟฟิศเราดิ่งยังไง แต่เราไม่เคยได้รับการตอบรับอะไรสักอย่าง

แต่วันที่เราประสบความสำเร็จหรือมีชื่อเสียงกลับลุกขึ้นมาทำลายเรา เรารู้สึกเสียใจและผิดหวังที่ครั้งหนึ่งเรารักเขามากๆ 

เราแค่เด็กคนหนึ่งที่อยากให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น หนูเชื่อล้านเปอร์เซ็นต์ว่าถ้าหนูยังอยู่จุดเดิมที่หนูเคยอยู่ หนูไม่มีทางมาถึงตรงนี้ได้ แล้วก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองและแม่ตอนนี้จะเป็นไงบ้าง”

อาชีพพลิกชีวิต

ชีวิต อิงฟ้า ที่ผ่านมาได้ช่วงหนึ่งเพราะอาชีพหมอทำขวัญนาค ซึ่ง ณ วันนี้เธอรับงานหมอทำขวัญ 4 ชั่วโมง 7 หมื่นบาท และอาชีพนี้แหละที่ทำให้ อิงฟ้า ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง

“ช่วงแรกๆ หนูทำฟรีนะ (ยิ้ม) จริงๆ หนูมีทักษะอยู่แล้ว ตอนม.ปลายประกวดขับเสภา จบมาก็มีอาจารย์นักร้องที่เรารู้จักเนี่ยแหละ เขามาถามว่าไปเป็นหมอทำขวัญนาคมั้ย ให้มาฝึกกับเขาสักเดือนกับปี่พาทย์ ซึ่งเราก็รู้สึกว่าดีนะ ดีกว่าอยู่เฉยๆ พันสองพันก็ยังดี”

ตอนนี้มาได้ 4 ชั่วโมง 7 หมื่น? “ใช่ค่ะ ก็ทำให้ชีวิตดีขึ้น รักษาแม่ได้ ตอนนี้แม่อายุ 54 แม่ป่วยหลายโรค เบาหวาน ความดัน มีปัญหาเส้นประสาท หนูก็ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไร แต่ถ้าคิดมากเหมือนไรมันจะตีบ ปวดหัวมาก”

ไม่ขายสตอรี่รันทด

เราเริ่มสงสัยว่า อิงฟ้า เจอเรื่องหนักๆ ดราม่ามาเพียบ ทำไมเธอไม่เอาเรื่องพวกนี้มาขายเป็นสตอรี่ของตัวเองตอนประกวดนางงาม

“เราไม่ได้อยากให้เห็นมุมดราม่าหรือมุมอ่อนไหวของตัวเอง มันเซนซิทีฟนะทุกครั้งที่พูดเอาละน้ำตาเริ่มมา บางครั้งคนก็ไม่เข้าใจเวลาที่เราร้องไห้ คนก็จะมาบอกเอาละสร้างกระแสอ่อนแอร้องไห้

โดนดราม่าทั้งเวทีกรุงเทพฯ และเวทีใหญ่ตลอด น้อยใจนะ นอยด์นะบางทีอ่านแล้วก็เฮ้อเขาจะรู้มั้ยว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง กว่าเราจะมายืนตรงนี้ได้ แต่ทำได้มากที่สุดก็คือปล่อยผ่าน และก็ไม่ให้ความสำคัญกับคอมเมนต์ลบๆ

รู้แค่ว่าตอนนี้เราทำได้ ทำให้แม่และครอบครัวสบายขึ้นแล้วนะ หนูสร้างบ้านให้เขาได้แล้ว ยกให้แม่เลย

ตอนที่มงลงคิดว่าแม่หลับ เพราะตอนนั้นแม่เป็นโควิด ก็เลยไม่ได้มาเชียร์ แต่ที่ไหนได้ พอกลับมาถึงโรงแรมเห็นแม่โพสต์เฟซบุ๊กลูกสาวได้มง ก็เลยโทร.หาเขา ร้องไห้ บอกแม่ว่าทำได้แล้วนะ วันนี้ร้องไห้กันสุดๆ”

LGBTQ และชาล็อต

นอกจากดราม่าและเรื่องราวที่จะว่าเข้าข่ายรันทดก็ว่าได้ แต่ในมุมหนึ่งเราก็เห็นความขี้เล่นของหญิงสาวคนนี้ โดยเฉพาเมื่อเราคุยกับเธอเรื่องการเปิดตัวเป็น LGBTQ และผู้หญิงที่ชื่อ “ชาล็อต”

“หนูเปิดตัวไปนานแล้วนะว่าเราเป็น แต่เราไม่ได้นั่งพูดว่าเราเป็นอะไร” ถามจริงๆ เราเป็นแด๊ดดี้หรือหญิงสาว?

“(หัวเราะลั่น) หนูก็ยังไม่รู้ว่าทำไมเรียกหนูว่าแด๊ดดี้ แต่ว่ามีช่วงหนึ่งที่เรามีแฟนเป็นผู้หญิงแบบฟีลสาวทั้งคู่ แต่หนูจะฟีลแมนกว่า

เรามองเรื่องนี้เป็นปกตินะ ตอนนี้เรื่องเพศไม่เกี่ยวกับความรักแล้ว ยิ่งมาอยู่ในวงการนางงามเรื่องนี้ปกติมาก”

ไทยรัฐออนไลน์ อดถามไม่ได้ว่าแล้วแด๊ดดี้ไม่ตกหลุมรักสาวๆ หมดเหรอ น้องๆ นางงามสวยกันหมดเลยนะแด๊ดดี้

“(หัวเราะ) หนูไม่ได้ชอบใครง่ายๆ เราต้องอยู่ใกล้ๆ แล้วรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์จัง ทอมคนนี้มีเสน่ห์จัง แม้แต่ผู้ชายถ้ามีเสน่ห์หนูก็รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์จัง คือหนูไม่ได้บอกนะว่าหนูเป็น LBGTQ แล้วหนูจะไม่ชอบผู้ชาย ในอนาคตหนูอาจจะมีแฟนเป็นผู้ชายก็ได้ หรือเป็นผู้หญิงก็ได้ หนูไม่ได้จำกัดเรื่องเพศสภาพตัวเอง

ต่อให้เราเป็นนางงามเสียงเรายิ่งดังมากขึ้น เราควรออกมาบอกด้วยซ้ำว่าไม่ว่าจะเป็นเพศอะไรก็รักกันได้ แค่อยากเป็นกระบอกเสียงว่า LGBTQ ก็คือคน ใครก็รักกันได้ปกติ”

แล้ว “ชาล็อต” ล่ะมีเสน่ห์มั้ย ไทยรัฐออนไลน์ยิงตรง ซึ่งคำตอบที่ได้คือรอยยิ้มแบบแด๊ดดี้ของ อิงฟ้า “ก็มีนะ จุดเริ่มต้นมันเริ่มจากไลฟ์สดไลฟ์นึงที่น้องบอกว่าไม่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิง เราก็เลยบอกว่าก็ลองสิ แค่นั้นมันก็เป็นกระแสจิ้นตลอด

คนก็ชอบโมเมนต์ที่หนูอยู่กับน้อง คนก็จะชอบกิ๊วก๊าว มีความสุขเห็นจับมือกันคนมีความสุขกับการจิ้น” 

จากนั้น อิงฟ้า กลับเข้าสู่โหมดจริงจังเล่าว่าเธอก็เคยถามกับ ชาล็อต ว่าลำบากใจกับเรื่องนี้มั้ย

“เราก็เคยถามน้องว่าหนูลำบากใจมั้ยกับกระแสจิ้นที่เกิดขึ้น น้องก็บอกว่าสบายๆ พี่ฟ้า เราสบายๆ เป็นธรรมชาติเป็นตัวของเราเอง ตัวน้องเองก็คิดเหมือนกันว่าถ้าคนเขามีความสุขเป็นเรื่อง เราก็เป็นพี่ๆ น้องๆ กัน เราได้ทำงานร่วมกัน เราต้องให้เกียรติกัน

ถ้ามีความสัมพันธ์ที่มากกว่าความเป็นพี่น้องถ้าวันหนึ่งไปกันไม่ได้ การทำงานร่วมกันมันอาจจะไม่สะดวกใจกว่า เราอยู่แบบนี้ดีกว่า ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ส่วนโมเมนต์น่ารักๆ ก็ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ตอนนี้ทำทุกอย่างกันให้เต็มที่ หน้าที่ของหนูคือโฟกัสที่การไปประกวดแกรนด์อินเตอร์”

ดราม่าไม่ได้ภาษากับมงแกรนด์อินเตอร์

แล้วการเตรียมตัวไปมิสแกรนด์อินเตอร์ที่อินโดนีเซียเป็นยังไงบ้าง อิงฟ้า โดนดราม่าเยอะเลยว่าไม่เหมาะมง อย่างคลิปเดินลงบันไดคนก็เอาไปทำเลียนแบบ

“(หัวเราะ) หนูก็บอกแล้วว่าทำไมถึงเดินแบบนั้น มันมีคริสตัลติดเท้า ณ ตอนนั้นต้องเลือกแล้วนะ หัวหนูมันต้องคิดให้ไวมากนะ ว่าจะเอาท่าไม่สวยหรือลื่น หนูไม่เสี่ยงลื่น เพราะตอนนั้นกล้องก็จับอยู่ ถ้าหนูไม่เซฟหนูอาจจะคะมำลงมา หนูเลือกเซฟดีกว่า หนูเลือกมีภาพแบบนั้น ไม่เลือกมีภาพคะมำลงมาแน่นอน หนูเห็นคลิปที่คนทำก็น่ารักดีนะ ไม่ได้ซีเรียสอะไร”

แฟนๆ กังวลเรื่องภาษาแหละ อิงฟ้า เป็นอุปสรรคเรามั้ย “ไม่นะคะ การใช้ชีวิตที่ผ่านมาคนคุยเราก็เคยมีต่างชาติ ก็ไม่ได้มีอุปสรรคอะไรในเรื่องภาษา คนอื่นคิดไปเองว่ามันเป็นอุปสรรค แค่เราไม่ใช่เนทีฟ เราไม่ใช่ลูกครึ่งที่เราจะได้พูดได้เป๊ะๆ คนไทยบางคนยังมีความคิดเดิมๆ ว่าเมื่อไหร่ที่คุณพูดไม่ถูกต้องเป๊ะๆ หรือสำเนียงไม่ได้ แปลว่าคุณภาษาไม่ดี

แต่ที่หนูเจอต่างชาติมาเขาไม่คิดแบบนั้น ขอแค่คุณสื่อสารได้ก็คือได้แล้ว ในการอยู่ในกองอินเตอร์ถ้าหนูสื่อสารได้หนูเอาตัวรอดได้ นั่นก็แปลว่าภาษาหนูได้แล้ว ตอนนี้ก็เรียนเพิ่มเติมด้วย”

มูเตลู นะหน้าทอง เมตตามหานิยม น้ำดี

ปิดท้ายเราสงสัยเหมือนที่ พี่ณวัฒน์ เคยแซวว่า อิงฟ้า ลงนะหน้าทอง เมตตามหานิยมใครคุยก็หลง สรุปมูเตลูอะไรมั้ยเนี่ย

“(หัวเราะ) หนูว่าน้ำดีในตัวเองของหนู หนูเชื่อเรื่องนี้ มีคนเคยบอกว่าถ้าเรามีน้ำดีในตัวเวลาที่เราทำอะไร แววตา คำพูด ของเรามันจะดี หมายถึงว่าน้ำ เลือดเรามันดี

เคยมีคลิปญี่ปุ่นนะ เขาเอาน้ำมาใส่ขวดสองขวด ขวดหนึ่งพูดแต่สิ่งดีๆ กับมัน อีกคนพูดแต่สิ่งแย่ๆ น้ำขวดที่เราพูดดีๆ มันใส อีกขวดที่เราพูดแต่เรื่องมันดีมันแย่มันขุ่น โอเคหนูว่ามันก็เป็นเรื่องความเชื่อแหละ แต่หนูเชื่อ ถ้าเรามีน้ำดีตัวเรามันก็จะดี

หนูจะคอยบอกตัวเองว่าเราตัวเราเก่งนะ ดีนะ เวลาเจอคนไม่ดี เราพยายามคิดบวก คิดหาทางออกให้เขาว่าทำไมเขาต้องทำแบบนี้ ทำไมเขาถึงคิดแบบนี้ มันเลยทำให้เวลาหนูทำอะไรหรือทำงานร่วมกับคนอื่น หนูจะมีวุฒิภาวะมีทัศนคติที่ดีกับทุกคน หนูว่าคนเราต้องมองคนอื่นแบบมีเมตตา ทุกวันนี้ก็สอนแฟนคลับ จนเขาเรียกหนูว่าหลวงแด๊ดแล้ว เอะอะเทศน์ (หัวเราะฮา)”

พูดเป็นเล่นนะเนี่ย เชื่อแล้วว่าเธอมีเมตตามหานิยมจริงๆ ใครเห็นใครรัก นี่นั่งคุยกันครั้งเดียวโดนตกแล้วนะ!

เรื่อง : ดินสอเขียนฟ้า

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2390895
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2390895