“บอย-ปกรณ์” รอตกลงกับ “เฟย์” ก่อนถึงค่อยเรียกว่า “แฟน” ตกใจ “หน่อง” เลิก “แพรวา”


ให้คะแนน


แชร์

เจอ บอย งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Aestox พร้อมเปิดตัว บอย เป็นพรีเซนเตอร์ ที่สยามพารากอน เริ่มจาก ความหวานกับเฟย์ว่า “วันนั้นที่เฟย์พูด เค้าน่าจะหมายถึง “บู้บู๋” ความจริงผมกับเฟย์มีคำเรียกกันไม่ค่อยตายตัว บางทีเป็นคำว่า บูบู้ บ้าง บู้บู๋ บ้าง แล้วแต่การพิมพ์ แล้วแต่การเรียก ตามจังหวะ”

เพราะเราชอบไปอ้อนเขาหรือเปล่า? “ก็มี คือผมเวลาทำงานเสร็จหรือเวลาถ่ายละครเสร็จ เหนื่อยๆก็โทร.ไป เหมือนได้คุยกับเค้า ได้ยินเสียงเค้าเราก็ได้เติมพลัง คือเราคุยกับคนที่เรารู้สึกดีด้วย โอเค ภาพเราอาจจะดูเป็นผู้ชายแมนๆ แต่เวลาคุยเราก็มีเสียงที่อ่อนลงมาบ้าง ให้การคุยมันดูมีความมุ้งมิ้งกะหนุงกะหนิง ฟีลลิ่งมันเป็นแบบนั้น”

คุณแม่ว่ายังไงบ้างสำหรับคนนี้? “ดีครับ ความจริงแล้วเค้าก็ดีใจที่เรามีคนที่คอยคุย เป็นคนที่คอยเป็นคู่คิดให้เรา แล้วยิ่งเป็นเฟย์ด้วย แม่เค้าก็ชอบแหละครับ เค้าก็ชอบเฟย์”

ตอนนี้เรียกแฟนได้รึยัง? “ตอนนี้ยัง สำหรับผมกับเฟย์ เรายังไม่ได้ตกลงกันเป็นแฟนเลยจริงๆ ซึ่งสำหรับผมแล้วมันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกั๊กอยู่แล้ว ถ้า ณ วันนึงความสัมพันธ์มันไปถึงจุดนั้น ผมก็ตอบไปตามตรง”

พอมันถึงวันนั้นก็จะขอเป็นแฟนเลยมั้ย? “ผมว่ามันต้องมีแหละ แต่ไม่ได้คิดถึงเรื่องการต้องสร้างโมเมนต์พิเศษขึ้นมา เป็นคนที่ชอบอะไรเรียบง่ายจังหวะวันนึงความรู้สึกมันพอเหมาะพอดี ผมว่ามันก็คงเกิดขึ้นเองตามความเหมาะสม”

ด้วยความขี้อ้อนของเรา สังเกตตัวเองไหมว่าเราเปลี่ยนไป? “(หัวเราะ) คือเราก็มีคนที่ทำให้เรามีความสุข มีคนที่อยู่ข้างๆ พอเราอยู่ด้วย เราก็อยากมีโมเมนต์ให้ได้อ้อนเค้า หรือว่าพูดคุยแบบเสียงสองกับเค้าบ้าง เป็นอะไรที่เติมเต็มความรู้สึกให้เรา”

ใครอ้อนเยอะกว่ากัน? “ผมว่าทั้งคู่นะ แต่ก็มีจังหวะโมเมนต์ทั้งคู่เป็นช่วงคุยมุ้งมิ้งกะหนุงกะหนิง ตัวเฟย์เองเค้าก็เป็นคนน่ารักอยู่แล้ว เค้ารู้ว่าเราทำงานเหนื่อยๆมาก็คอยให้กำลังใจเรา มันก็เหมือนกับคอยซัพพอร์ตกัน บางทีช่วงที่เค้าเหนื่อยเราก็ให้กำลังใจเค้า มีการขอคำแนะนำกัน ความจริงแล้วความสัมพันธ์ของเราสองคน การพูดคุยมันก็เหมือนผู้ใหญ่คบกันมีเรื่องราวอะไรก็มาปรึกษากัน พูดคุยกัน แต่แน่นอนเวลาคบกัน คุยกันชอบกัน มันก็ต้องมีจังหวะมุ้งมิ้งกันบ้าง”

เฟย์เค้าเซอร์ไพรส์มาก เพราะไม่เคยเห็นมุมนี้ของเรา? “ผมว่าก็คงไม่ใช่แค่เฟย์ครับที่เซอร์ไพรส์ หมายถึงว่าหลายๆคนที่ได้รับรู้ว่าผมมีโมเมนต์พวกนี้ หลายๆคนอาจจะมองว่าผมมีบุคลิกที่แบบฮาๆ หรือบางทีก็แมนๆ ไม่คิดว่าผมจะมีมุมมุ้งมิ้ง”

แก๊งเราเค้าแซวเยอะขึ้นจากเดิมมั้ย? “มีแซวบ้าง อย่างล่าสุดมีประชุมงานกัน มีอาเล็ก, เกรท, เจมส์จิ, เป๊ก พอดีว่าเฟย์เค้าเสร็จงานก็ตามมาสมทบ ผมก็เรียกเค้าว่าบูบู้อาเล็กก็พากันกวน อาเล็กก็พูดบู้กินยัง (ยิ้ม) เพื่อนๆก็มีพูดบ้างว่าเรามีซอฟต์ขึ้นนะ แบบไม่ได้กระโชกโฮกฮากกับพวกมัน”

ให้เวลาตัวเองแค่ไหนกับคำว่าแฟน? “ความจริงแล้วตัวผมเองไม่ได้จำกัดเวลาว่าจะต้องกี่เดือน ผมว่ามันขึ้นอยู่กับความรู้สึก แล้วก็ความเหมาะสมที่เกิดขึ้น ผมว่าถ้ามันจะเกิดขึ้นเองแล้วผมก็ไม่กั๊กแน่นอน”

ถามถึงหน่อง สภาพจิตใจเค้าเป็นยังไงบ้าง? “ความจริงแล้วที่บ้านก็รับรู้กัน คือที่บ้านบางทีเรื่องความรัก ด้วยความที่มันเป็นบ้านผู้ชาย ไม่ได้อัปเดตกันเรียลไทม์หรอก บางทีเกิดเรื่องราวอะไรในตัวเค้ากว่าจะมารู้ก็ผ่านไปแล้วกี่วันหรือเป็นอาทิตย์ แต่ว่าพอได้รับรู้จากปากของหน่อง เค้าก็ซึมๆ แหละ ก็มีโมเมนต์หงอยๆซึมๆเศร้าๆ แต่ถ้าเกิดใครเคยได้ยินที่บ้านผมสัมภาษณ์คือจะรู้ว่าพี่น้องบางทีไม่ค่อยได้คุยกันเลย แต่จะคุยกันผ่านคนกลาง หน่องก็จะไปเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็จะมาเล่าให้ผมฟัง หรือเล่าให้ภัทรฟัง แม่จะบอกว่าชวนหน่องมันไปกินข้าวบ้าง เราก็ไม่อยากจะไปพูดอะไรที่ไปสะกิดหรอก เราก็บอกหน่องเดี๋ยวไปกินข้าวกัน ไปเดินเล่นด้วยกันเปล่า ก็ชวนกันแค่ให้เค้าหลุดออกจากสิ่งที่เค้าต้องกังวล”

เค้าซึมเยอะมั้ย? “ก็มีความซึมแหละครับ มีความหงอยๆ แบบไม่ค่อยอยากกินอะไร ผมว่ามันเป็นปกติของทุกคนเนอะ เวลาที่ต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก”

เป็นห่วงเค้าขนาดไหน? “เป็นห่วงในระดับนึง แต่ว่าเราก็พอจะรู้จักน้องชายของเราว่าแน่นอนตรงนี้ผ่านสิ่งที่ยากลำบากมา ต่างคนต่างเสียใจแน่นอน แต่ว่าระยะเวลามันก็จะช่วยให้ดีขึ้นเอง ตอนนี้ก็ผ่านมาพักนึง ตัวหน่องก็ดีขึ้นเรื่อยๆ”

แพรวาออกมาพูดบอกว่าฝากให้แม่ให้เฮียช่วยดูแล เพราะต่างฝ่ายต่างเจ็บอยู่? “เราก็รู้ครับ มันเป็นเรื่องที่สองคนต้องแยกกันไป แน่นอนต่างคนต่างเจ็บอยู่แล้ว เราเองในฐานะที่เป็นครอบครัวก็ดูแลความรู้สึกกันแน่นอน ตามลักษณะว่าสไตล์ใครสไตล์มันด้วย บ้านผมก็จะเป็นอย่างนี้ หน่องก็จะปรึกษาแม่ อย่างผมก็จะเป็นลักษณะไม่ค่อยพูดเยอะ ไม่ค่อยไปสะกิด แต่รับรู้และเป็นห่วงอยู่ ดูอยู่ห่างๆ ชวนเค้าไปทำอย่างอื่น”

ตอนทราบข่าวตกใจมั้ยเพราะตอนปีใหม่เพิ่งปาร์ตี้กันเอง? “เอาจริงๆก็ตกใจแหละครับ เพราะว่าก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้รับรู้ถึงสัญญาณอะไร”

2 เดือนผ่านไปเค้าเป็นยังไงบ้าง? “อย่างที่ผมบอก พอเวลามันผ่านไปเรื่อยๆเค้าก็ดีขึ้น แต่ถ้าเกิดไปถามว่าเค้ายังรู้สึกอะไร เค้าต้องรู้สึกอยู่แล้ว ก็ยังไม่ได้กลับมาเหมือนเดิม เราก็แค่อย่าไปสะกิดเค้า สงสารทั้งคู่ เอาจริงๆคือตัวเราก็ได้อยู่ในช่วงที่เค้าคบกัน เวลาเค้ามาเที่ยวที่บ้านผมเค้าก็น่ารัก แต่พอเค้าแยกจากกัน รู้สึกว่าสงสารทั้งคู่แหละ เค้าต้องเสียใจกันทั้งคู่อยู่แล้ว แต่ในเมื่อทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว ต่างคนก็ต่างที่จะต้องหาวิธีมูฟออน ฮีลตัวเอง อย่างหน่องเค้าก็ไม่ได้เป็นคนที่มีเพื่อนฝูงเยอะแยะ ทุกวันนี้เค้าก็จะอยู่กับวันใหม่ พาน้องไปโน่นไปนี่ ผมว่าเป็นวิธีในการมูฟออนของเค้าด้วย”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2391027
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2391027