แต้ว ณฐพร จริงจังรัก 100% ขอบคุณคนลุ้นข่าวดี แต่ยังมีหลายสิ่งที่โฟกัส


ให้คะแนน


แชร์

จากซิงเกิลแรก BABYBOO ประสบความสำเร็จพอสมควร ส่งต่อมาซิงเกิลที่ 2 100% เป็นอย่างไรบ้าง?

“ซิงเกิลนี้ต้องบอกว่าเป็นคอนเซปต์หลักของโปรเจกต์ เป็นเพลงที่มาก่อนเพลง BABYBOO อีก พี่แทน ลิปตา โปรดิวเซอร์ เขาตีความจากความเป็นแต้วว่า ถ้าสมมติแต้วจะลุกขึ้นมาทำเพลง มันต้องเป็นมีความเป็นตัวตนของเราที่ชัดเจน เขาก็ไปทำการบ้าน ดูไลฟ์สไตล์แต้วในโซเชียลมีเดีย ในไอจี เขาก็เห็นว่าเราเป็นคนทำอะไรจริงจังทั้งเรื่องเล่น เรื่องงาน เลยตีความมาว่า ถ้าเป็นเรื่องความรัก เราก็จริงจังเหมือนกัน เพลงนี้ก็เป็นเพลงที่เล่าความ positive ของความรัก ถ้าเรารักอะไร เรารักใครเราก็ให้ใจเต็มร้อย เต็มที่จริงจังกับมัน เพราะฉะนั้นแฮปปี้แน่นอนไม่ต้องกังวลนะคะ ไม่ต้องคิดถึงอดีต หรืออนาคตอะไรใดๆ แค่อยู่ปัจจุบันตรงนี้และทำมันให้เต็มที่แค่นั้นเอง”

ขอย้อนถามตอนแรก ทำไมถึงปล่อยซิงเกิลโน้นก่อนเพลงนี้?
“ด้วยเพลงนี้บีทค่อนข้างสบายๆฟังเรื่อยๆ แต่พอมีBABYBOOเข้ามา แต้วรู้สึกว่ามันดึงความสนุกสนานของตัวเรา น่าจะทำให้ว้าว ดูเรียกแขกๆ ดึงเอนเนอร์จี้ในความเอ็นจอยกับการเปลี่ยนชุด คอนเซปต์โน่นนี่นั่นหลายอย่าง มันเหมาะที่จะเป็นเพลงแรก มันเลยทำให้แต้วค่อนข้างรอคอยว่าเมื่อไหร่เพลง 100% จะออกมานะ เพราะว่าแต้วฟังตั้งแต่แรกๆ รู้สึกว่ามันเป็นตัวเรามาก ทั้งดนตรี ทั้งเนื้อหา และมันก็ฟังได้เรื่อยๆ เลยค่อนข้างอินเลิฟเพลงนี้เหมือนกันสำหรับตัวเอง วันนี้ก็ได้ปล่อยมาแล้ว และมันก็มีท่าเต้นด้วย ซึ่งน่ารักมากๆ”

เพลงนี้มีส่วนร่วมในการดูทิศทางมันยังไง?
“น่าจะเป็น inspired ไม่ได้มีส่วนร่วมในทางเทคนิค ทั้งเรื่องของเนื้อร้อง ดนตรี อันนี้ก็ปล่อยเป็นหน้าที่ของโปรดิวเซอร์คือพี่แทน ทำไป แต้วก็เป็นในส่วนของการเป็นวัตถุดิบให้เขาว่าถ้าเขาจะปั้นแต่งเราออกมาในความเป็นนักร้อง จะออกมาในแนวไหน และมีส่วนเรื่องการคุยเรื่องเอ็มวีด้วย ว่าเราจะเล่ากันประมาณไหนดี อันไหนที่เป็นตัวเรา อะไรที่เราอยากนำเสนอ รวมถึงชุดหรืออะไร”

ฟีดแบ็กเป็นอย่างไรบ้าง?
“ณ ตอนนี้ซึ่งเพิ่งปล่อยไปวันนี้ 8 โมงทั้งภาพและเพลง เพื่อนและหลายคนใกล้ตัวบอกว่าเพลงน่ารัก ฟังได้เรื่อยๆ เค้าคิดว่ามันดูเป็นตัวเราอย่างที่เราตั้งใจจริงๆ เราก็รู้สึกดี”

พาร์ตเอ็มวีแต้วมีส่วนร่วมเยอะแน่?
“ใช่ค่ะ โห มันมีโอกาสได้ทำเอ็มวีของตัวเอง ก็มีใส่ไปเยอะมากเลยค่ะ สุดท้ายก็ออกมาเป็นประมาณนี้ ซึ่งแต้วว่ามันก็ลงตัวดีนะ แต้วก็ชอบโดยเฉพาะพาร์ตเต้น พี่แทนพี่คัตโตะให้โจทย์มาเลยว่า ยังอยากให้มีการเต้นในเพลงนี้ ถึงบีทมันจะช้าแต่มันก็ออกมาในเวย์ที่มันสมูทไม่ได้ออกมาเป็นท่าร็อกๆ พอเราเห็นโคโรกราฟที่อยากให้เป็นก็รู้สึกว่าน่าสนใจดี น่าจะทำให้เพลงนี้ลงตัวด้วยการใส่ท่าเต้น นอกจากฟังสบาย”

กดดันกับเอ็มวีไหมเพราะเอ็มวีแรกที่เปิดตัวคือว้าวมาก พอเป็นซิงเกิลที่ 2 มันกดดันขนาดไหน มันต่างกันโดยสิ้นเชิงกับเพลงแรก?
“ไม่ได้กดดันขนาดนั้น เราเองมีความตั้งใจอยากจะให้มันแตกต่างอยู่แล้ว ในส่วนของพรีโปรดักชั่นเขาคิดมาจบประมาณนึงแล้ว เราก็แค่เอ็นจอยโมเมนต์ ได้ตากล้องที่ทำงานคุ้นเคยกับเราอยู่แล้วด้วย เลยวางใจในทุกส่วน เราแค่เสนอแมสเสจที่เราอยากบอก”

เพลงใหม่ก็มีหลายลุคหลากหลาย เราได้ช่วยออกไอเดีย?
“เป็นโจทย์ของผู้กำกับที่เขาตีความมา เราแค่ดูแล้วว่ามันโอเค เพิ่มตรงนั้นตรงนี้ดีไหม ลดตรงนี้ดีไหมมากกว่า”

เพลง 100% บ่งบอกความเป็นตัวแต้วอย่างไรบ้าง?
“เราเป็นคนที่จริงจังทั้งในการทำงานและทุกอย่าง เลยตีความเป็นตัวเลขเป็น 100% ซึ่งเป็นแมสเสจหลักที่ดูเป็นตัวเราแล้ว พอขยายภาพเป็นเอ็มวี มันยังมีความสดใสอยู่ในความเต็มที่ ในความจริงจังด้วยนะ มันก็เป็นตัวเรานี่แหละที่ชอบเอ็นจอย ชอบจะเต้น ชอบร้อง ชอบแสดงออกตามที่ทุกคนเห็นในโซเชียลมีเดีย เป็นสองอย่างที่มาประกอบรวมกันขึ้นมา ก็คิดว่าน่าจะชอบกัน”

คาดหวังขนาดไหนกับเพลงนี้?
“ก็ไม่ได้ต่างจากเพลงแรก หรืองานอื่นๆ ความคาดหวังมันมีมาตั้งแต่ช่วงที่ทำงานแหละ เราคาดหวังได้นะ แต่เราก็ต้องทำเต็มที่ให้เท่ากับที่เราคาดหวัง ก็เลยไม่ได้กดดันอะไรมาก เป็นฟิวเหมือนกับพอเรานำเสนอตัวเองในฐานะนักร้อง มันน่าจะกดดันในพาร์ตของการเป็นนักร้องมากกว่า ว่าเราอยากจะทำกับมันให้สมกับที่เรามีซิงเกิล หรือการโปรโมต เราก็พยายามพัฒนาตัวเองให้เป็นที่ยอมรับในจุดนั้นให้ได้ แต่ก็ไม่กดดันตัวเองจนเกินไป ว่าจะต้องได้ยอดวิวเท่าไร แค่รู้สึกว่าตอนนี้ปล่อยไปจากมือเราแล้ว ตั้งแต่คิดว่าจะออกมาเป็นเพลงอะไร เนื้อหาเอย ภาพเอยจะเป็นยังไง ตอนนี้มันเสร็จหมดทุกอย่าง ก็เลยไม่ได้กดดันแล้ว”

คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จรึยังในการเป็นนักร้อง?
“เป็นสิ่งเดียวที่เรายังรู้สึกว่าเขินๆ อยู่ เวลาใครเรียกว่านักร้อง แล้วบางทีก็มีพ่วงท้ายมาว่าเบอร์แรกของช่อง เป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่า ว้าว! ขนาดนั้นเลยเหรอ มันเหมือนกับเราแค่เริ่มจากที่เราอยากจะทำโปรเจกต์ที่เราเอ็นจอย แต่มันก็พ่วงท้ายมาด้วยตำแหน่งอะไรแบบนี้ มันก็อาจจะทำให้เรารู้สึกว่าเรายังไม่ประสบความสำเร็จ มันยังห่างจากจุดคำว่าประสบความสำเร็จ แต่เราได้โอกาสในการเปิดโอกาสตัวเองที่จะทำให้คนเห็นเราในมุมใหม่ๆมากขึ้น ก็แค่เอ็นจอยโมเมนต์ไป พยายามพัฒนาตัวเองให้กระเถิบเข้าใกล้คำว่านักร้องมากขึ้น แต้วไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นนักร้อง มองว่าตัวเองเป็นศิลปินที่ใช้เพลง เนื้อหาในเพลงนำเสนอมุมมองของตัวเองในอีกรูปแบบนึง”

แปลว่ายังเขินอยู่เวลาใครเรียกเราว่านักร้อง?
“ใช่ จริงๆ แล้วแต้วเป็นคนที่ไม่มั่นใจในการร้องเลย แต่เราก็คิดว่าถ้าเรายังไม่เก่งเรื่องอะไร ก็ลองกระโดดเข้าไปลองทำดู ดีไม่ดีมันก็อาจจะทำให้เราได้เจอปัญหา แล้วเราก็ค่อยๆ แก้ปัญหาไป เพราะแต่ละคนมีต้นทุนของตัวเองไม่เท่ากัน มันเป็นความจริงจังของเราในอีกรูปแบบนึง”

ในเส้นทางสายนักร้องมีจุดไหนที่อยากจะพัฒนาขึ้นไปอีก?
“คือเรื่องการร้องนี่แหละค่ะ จริงๆ แต้วจะต้องบอกว่าการที่แต้วเป็นนักแสดงมันก็หนีไม่พ้นคำวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งหนึ่งในคำวิจารณ์ของแต้วตั้งแต่ที่แต้วเริ่มก้าวมาเป็นนักแสดงก็คือเสียงของแต้ว มันก็อาจเป็นปมของแต้วนิดหนึ่งว่าจะทำยังไง มันก็เลยพาแต้วให้ไปเรียนร้องเพลงเรียนการใช้เสียง เราก็รู้สึกเอ็นจอยกับมัน คือมันผ่านจากวันแรกที่แต้วเริ่มไปเรียนจนมาถึงวันนี้มันก็นานมากแล้ว มันก็ไม่ได้ดีมากๆ แต่อย่างน้อยแต้วมองว่าเราก็ดีขึ้นจากวันนั้น ในเรื่องของทางเทคนิคมันก็จะมีเสียงสูงเสียงเพี้ยน มันก็จะมีดีเทลในเรื่องของการร้องเพลงเยอะมากที่เราต้องเรียนรู้ กว่าจะไปเป็นนักร้องที่เก่งจริงๆ”

โกลในสายนี้ของแต้วคืออะไร?
“ตอนนี้ก็คงจะเป็นเรื่องของความมั่นใจ อินเนอร์ความมั่นใจที่จะร้องมากขึ้นแค่นั้นสำหรับตัวแต้ว แต่ในทางธุรกิจ มันก็จะมีเรื่องของตัวเลข ซึ่งมันก็จะเป็นอะไรที่ตามมา ซึ่งแต้วเองคิดว่าเราเองก็จะมีความมั่นใจในส่วนมีมากขึ้น และเราก็จะเอาไปปรับใช้ในเรื่องของการแสดงและเราก็ยังทำงานนักแสดงเป็นหลักค่ะ”

เห็นธุรกิจอสังหาฯ มีปัญหา ซัพพลายเออร์ล้นตลาด ของเราเป็นยังไงบ้าง?
“คือที่แต้วทำมันเริ่มมาจากช่วงโควิดเหมือนกัน แต้วคิดว่าตลาดที่เราเจาะ มันนี่เรียลดีมานด์อยู่กว่าเราจะทำธุรกิจอะไรได้เราก็ต้องในการทำรีเสิร์ชมาอยู่แล้ว กว่าจะพร้อมขายมันก็เจอนู่นนี่นั่นมา ก็เลยคิดว่าถ้ามีโอกาสได้เริ่มทำ มันก็ควรจะเริ่มทำไปเลย เพราะมันก็ต้องเจออุปสรรคอีกเยอะแยะ”

ตอนนี้มีธุรกิจอยู่กี่ตัว?
“ตอนนี้ที่มีอยู่ก็เป็น developer time and space ทำเป็นอสังหาฯ ที่อยู่ในกลางเมือง แล้วก็มี Wakingbee เป็นชุดออกกำลังกาย เป็นแบรนด์ไทย ซึ่งก็มีการคอลแลปส์กับไทยดีไซเนอร์เพื่อให้เกิดความน่าสนใจในแบรนด์มากขึ้น ทำกับแบรนด์ Asava x Wakingbee มีทั้งสวิมแวร์ และแอคทีฟแวร์ แล้วก็มีแบรนด์ขนมแต่ว่ายังไม่ได้ปล่อย จะปล่อยภายในปีนี้ อันนี้ก็เกิดจากความชอบของเราที่เราเป็นคนชอบกินขนม”

ในพาร์ตของละครยังไม่ทิ้ง เพราะพาร์ตของละครดึงเวลาไปมากที่สุดแล้วจะทำให้การบริหารอย่างอื่นได้น้อยลง แล้วงานเพลงก็ใช้เวลาน้อยกว่า?
“ณ ตอนนี้ยังไม่ได้ทิ้งงานละคร เรายังมีแพชชั่นกับงานละครอยู่แล้วก็ยอมรับว่าเป็นงานที่ต้องใช้เวลามากๆ จริงๆ สำหรับในส่วนของพาร์ตแต้วที่เป็นนักแสดงก็อย่างที่บอกเหมือนเรามีพาร์ตเนอร์ที่ดีแล้วแต้วว่าทุกอย่างคือมันให้เวลากับการเตรียมตัวพอไปถึงเวลาจริงมันก็จะลดความกดดันอะไรไปได้อยู่ ก็ยังไม่ทิ้งงานละครถ้ายังมีคนจ้างก็เล่นอยู่ค่ะ (ยิ้ม) ส่วนธุรกิจแต้วว่ามันเป็นอะไรที่มันก็เป็นซัพพอร์ตเตอร์ของความมั่นคงในชีวิตที่เราจะต้องเรียนรู้มากขึ้นด้วยแล้วเราก็เบสกับสิ่งที่เราชอบ ออกกำลังกาย ขนมแล้วก็บ้าน มันเหมือนทุกอย่างมันมาจากแพชชั่นของเราก็ค่อยๆจัดการแล้วเรียนรู้ไปค่ะ”

เหมือนถึงวัยที่จะต้องสร้างความมั่นคงในชีวิตมากขึ้นไหม?
“คือถ้าใครรู้ตัวเร็วมันก็ควรจะสร้างความมั่นคง แต้วว่าคนเราก็อยู่กับความไม่แน่นอนอยู่แล้ว อะไรที่มันอยู่ในความไม่แน่นอนได้ก็ควรสร้างความมั่นคงทั้งเรื่องการเงิน อารมณ์ อะไรหลายๆ อย่าง”

พอคบกับณัยทำให้เรามองเรื่องธุรกิจด้วยไหม?
“แต้วว่ามันเป็นจังหวะมากกว่า กว่าที่แต้วจะประกาศออกมาว่าแต้วทำอะไรมันก็มีตั้งแต่วันแรกซึ่งมันไม่ใช่แค่เมื่อวานหรืออะไรมันก็ต้องปูมาก่อนแล้ว แล้วแต้วเองก็เริ่มเข้าไปทำธุรกิจตั้งแต่ก่อนหน้าที่จะได้เจอกันแล้วค่ะ มันเหมือนเป็นเวลาที่ดูประจวบเหมาะทำให้คนเข้าใจแบบนั้นมากกว่า”

เขาเป็นผู้ปรึกษาที่ดีในเรื่องธุรกิจไหม?
“แต้วว่ามันเหมือนเป็นการแชร์มุมมองชีวิตกันด้วย แล้วก็ธุรกิจด้วย มันหลายๆ เรื่อง อาจจะไม่ได้ปรึกษาธุรกิจโดยตรงอะไรขนาดนั้น มันเหมือนเป็นมุมมองการใช้ชีวิตมากกว่า (ยิ้ม)”

มีคุยเรื่องไอเดียการธุรกิจหรืออะไรแบบนี้กับเขาไหม หรือให้เขาช่วยแชร์ไอเดีย มุมมองต่างๆ หรือไม่ได้คุยเรื่องนี้กันเลย?
“ก็คุยนะคะ เหมือนคุยเป็นเล่าให้ฟังมากกว่าว่า กำลังทำแบบนี้อยู่นะแล้วเราหวังจะให้เป็นแบบนี้ เขาก็แชร์ให้ฟังเหมือนกันว่าเขาจะทำแบบนี้ เขาจะทำแบบนั้น เหมือนเล่าให้ฟังกันมากกว่า ไม่ได้ไปก้าวก่ายกันและกัน ทำอย่างงี้สิ ทำอย่างงั้นสิ มันไม่ใช่ค่ะ”

เห็นคู่ของหมากกับคิมแฮปปี้ แล้วคู่ของแต้วเมื่อไร?
“มาเรื่องนี้ได้ยังไง มาเนียนมากเลย (หัวเราะ) คู่หมากกับคิมน่ารัก (คู่แต้วก็น่ารัก) อ๋อ เรื่อยๆ ค่ะ ก็ไม่ได้กดดันใครเลยเอาที่เราสบายใจกัน สุดท้ายมันก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องโฟกัส เต็มไปหมดเลยงาน ก็ค่อยๆ ไปเรื่อยๆ สบายๆ ค่ะ (ยิ้ม)”

ได้ไปเจอ อั้ม พัชราภา ด้วยไปกินข้าวกันกับครอบครัวเป็นยังไงบ้าง?
“เราก็เหมือนแฟนคลับท่านหนึ่ง เราก็จะ (ยิ้ม) แบบนี้ แล้วก็กินข้าวปกติพยายามเก็บอาการว่าไม่ตื่นเต้น แต่ก็ตื่นเต้นเหมือนกันที่ได้เจอแต่ก็ไม่ได้เจอบ่อยๆ แต่ก็เจอบ้าง ทุกครั้งที่เจอก็จะไม่ได้ถ่ายรูปหรืออะไร ก็สำรวมนิดนึงเวลาเจอแต่จริงๆ ก็อยากถ่าย วันที่ได้เห็นกัน เจอกันก็เหมือนพี่อั้มชวนเล่นติ๊กต๊อกเราก็ได้เลยค่ะ เต็มที่เลยค่ะ กี่เทคก็ได้หนูเอ็นจอย (ยิ้ม) ประมาณนั้นค่ะ”

เหมือนอั้มก็ชมแต้วน่ารักมาก?
“ก็ขอบคุณค่ะ แต่หนูตื่นเต้นได้เจอพี่อั้ม (หัวเราะ)”

พอเจอเป็นโมเมนต์ครอบครัวความรู้สึกมันต่างกว่าเจอตามงานหรืออะไรแบบนี้ไหม?
“ประเด็นคือไม่ได้เจอตามงานด้วยไง ไม่ได้โคจรมาเจอกัน เหมือนพี่อั้มรู้ว่าอันนี้แต้ว แต้วรู้อันนี้คือพี่อั้ม อะไรแบบนี้ เพราะว่ามันไม่ค่อยมีงานอะไรที่ได้เจอพี่อั้มเท่าไหร่”

หลายคนก็แซวว่าสะใภ้ใหญ่ สะใภ้เล็กอะไรแบบนี้?
“ค่ะ ก็แซว (หัวเราะ)”

เขินไหมถูกแซวแบบนี้?
“ไม่ค่อยค่ะ เหมือนเราไม่ได้วางตำแหน่งเราไว้แบบนั้นเหมือนกับว่าเราแค่ไปเรื่อยๆ ไม่ได้อะไรขนาดนั้น (ยิ้ม)”

ทุกครั้งที่มีความรักคนจับตาลุ้นคู่เราตลอด?
“ขอบคุณค่ะ นี่ก็ลุ้นเหมือนกัน (หัวเราะ) ถามว่าฝากบอกเป็นนัยๆ หรือเปล่า อ๋อ ไม่ค่ะ คำว่าลุ้นเหมือนกันไม่ใช่ลุ้นอย่างนั้น แต่หมายถึงว่าเราเองก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นไปในเวย์ไหน เราแฮปปี้ที่ตรงไหนก็ไปแบบนั้น แต่ก็ขอบคุณ ก็อยากให้มันดี แต้วว่าทุกคนก็อยากที่จะแฮปปี้กับทุกเรื่อง ความรักด้วยค่ะ มันก็เหมือนกับการที่เราเลือกรู้จักใครคนหนึ่ง เราก็อยากให้เขาดีกับเรา แล้วเราก็ดีกับเขาจากความจริงใจ ก็ต้องขอบคุณในความช่วยลุ้นค่ะ เลยบอกว่าลุ้นเหมือนกันค่ะ”

คนเห็นรูปในอินสตาแกรมก็ลุ้นให้มีข่าวดี จะมีโอกาสเห็นเซอร์ไพรส์ไหม?
“อยากโทรถามเลยเนี่ย (ยิ้ม) ไม่รู้อะ ก็เรื่อยๆ เหมือนเราแฮปปี้แค่ไหน มันก็แค่นั้นค่ะ ขอบคุณที่ช่วยลุ้นค่ะ”

อย่างคิมเขาก็ไม่รู้มาก่อนเหมือนกัน เรามีระแวงๆ นิดนึงไหม เพราะเขาอาจเซอร์ไพรส์เราเมื่อไรก็ได้?
“อ๋อ ไม่ค่ะ คือคิมกับหมากเขารู้จักมานานแล้ว คงเปรียบเทียบกันไม่ได้ในแต่ละคน ก็มีเวลาที่เหมาะสมของแต่ละคนค่ะ แล้วเราเองไม่ได้เป็นคนที่มีฝันว่าจะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ เราแค่รู้สึกว่ายังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องโฟกัสค่ะ เอาให้วันนี้เราแฮปปี้ยิ้มกันได้ก็โอเคแล้วค่ะ”

เราไม่ได้มองว่าจะมีเซอร์ไพรส์ปุบปับ แต่น่าจะคุยกันในวันที่ถึงเวลา?
“ใช่ คือ Goal ไม่ใช่แค่ว่ามีเซอร์ไพรส์ มันเป็นการตัดสินใจแบบใหญ่มากค่ะ ซึ่งโอเคอายุมันได้แล้วแหละ แต่มันก็มีหลายปัจจัยค่ะ ก็เลยไม่ได้คาดหวังเรื่องเซอร์ไพรส์หรือไม่เซอร์ไพรส์ มันคือชีวิตทั้งชีวิตค่ะ ก็ต้องค่อยๆ คิดไปอย่างมีสติค่ะ”

เหมือนเรายังเอ็นจอยกับการทำงาน เรามีมองอนาคตว่าต้องไปฝากไข่มั้ย?
“เอาเป็นว่าตอนนี้ดูแลสุขภาพไปก่อน ยังไม่ได้คิดอะไรไปไกลขนาดนั้นค่ะ ถามว่ามองเรื่องชีวิตคู่มั้ยก็มองค่ะ แต่มันเป็นในแบบว่าเราโอเคแฮปปี้มั้ย เราก็สำรวจความรู้สึกตัวเรา ความรู้สึกณัย มันยังเป็นเวย์ประมาณนี้อยู่ คือเรื่องความรู้สึกมันสำคัญกว่าสิ่งที่จะเป็นสถานะ แต้วก็เลยรู้สึกว่าเราโฟกัสที่งานที่เราต้องทำ ครอบครัวที่เราต้องดูแล แล้วก็บาลานซ์กับความรู้สึกเราดีกว่า ยังไม่ได้แบบอายุได้แล้วนะ ต้องแต่งแล้วนะ เราเอาความสุขเราดีกว่า”

ตอนนี้ความรู้สึกบอกรึยังว่าถึงเวลาแล้ว?
“ตอนนี้แฮปปี้ดีค่ะ แต่ยังไม่ได้บอกว่าถึงเวลาหรืออะไรขนาดนั้น เราโอเคกับเขา เขาโอเคกับคนรอบตัวเรา เดี๋ยวค่อยดูไปเรื่อยๆ ว่าจะเป็นยังไงต่อไปค่ะ”

ณัยฟังเพลงของเรารึยัง?
“ฟังแล้ว ฟังก่อนใครเลย คือเราเช็กฟีดแบ็กว่าถ้าคนที่ไม่เคยเห็นการทำงานเพลงมาก่อนจะโอเคมั้ย เขาก็บอกว่าโอเคค่ะ เพราะดี”

แมสเสจของเพลงที่บอกว่าให้เต็มร้อยกับความรัก เขาว่าไงบ้าง?
“ยังไม่ได้คุยกันเลยค่ะ เดี๋ยววันนี้ไปคุยแล้วเดี๋ยวมาบอก (ยิ้ม)”

สำหรับเขา เขาก็เต็มร้อยไหมในเรื่องความรัก คนมองว่าเขาดูเงียบๆ เขินๆ?
“อ๋อ ก็เต็มที่นะคะ เหมือนช่วยกันดูแลค่ะ แต้วค่อนข้างโชคดีกับการที่คนรอบตัวแต้วทุกคนเหมือนให้ 100 เปอร์เซ็นต์จริงๆ”

แต้วเป็นคนในวงการก็โดนถามถึงเรื่องการแต่งงานเป็นปกติ แต่ตัวณัยเขามีความเข้าใจในเรื่องนี้ไหม เพราะไม่ค่อยมีใครถามเขาเรื่องนี้เท่าไร เขามีความเห็นยังไงบ้าง?
“อืม… (นิ่งคิด) จริงๆ ก็ไม่ได้คุยในแง่ว่าถูกถามอะไรแบบนี้ค่ะ แต้วว่าไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหรือไม่ใช่ ทุกคนจะมีช่วงวัยที่เป็นเกณฑ์อยู่ แต้วว่าเขาก็อาจจะถูกถามอยู่แล้วก่อนที่จะมาคุยกับแต้วอีก แต้วว่าไม่ใช่ประเด็นอะไรขนาดนั้นค่ะ แต้วว่าเขาไม่ค่อยโดนถาม แต้วเองมากกว่าที่รู้สึกว่าเออ…แต้วพูดอยู่คนเดียวเลยเนอะ แต้วก็เขินๆ ในการที่จะพูดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน”

จะมีผลงานอื่นๆ อีกไหมหลังจาก 2 เพลงนี้?
“อาจจะโฟกัสที่ละครหลังจากวินาทีนี้ หมายถึงว่ามันเริ่มจะต้องไปโฟกัสเรื่องละครเหมือนกัน แต่ก็ไม่อยากจะให้หยุดแค่นี้ ก็อยากจะลองค้นหาทำอะไรที่เกี่ยวกับงานเพลงต่อไป เดี๋ยวรอดูแล้วกันค่ะ แต่ว่าโปรเจกต์เพลง 100 เปอร์เซ็นต์จะมีโปรเจกต์พิเศษที่ช่องหลังจากนี้ไม่นานค่ะ”

ฝากผลงาน?
”ฝากด้วยนะคะกับงานเพลงที่ 2 “100 เปอร์เซ็นต์” เราทำแบบ 100 เปอร์เซ็นต์จริงๆ มันเป็นเพลงที่เป็นตัวแต้วมากๆ (เสียงสูง) แล้วแต้วก็ชอบมากๆ หวังว่าทุกคนจะชอบเหมือนกันค่ะ เป็นกำลังใจและไปดูกันเยอะๆ นะคะ ในยูทูบแชนแนล Ch3Thailand Music นะคะ และในสตรีมมิงทั้งหมดเลย JOOX, Spotify และฝากผลงานละครด้วยนะคะ กำลังจะมีเร็วๆ นี้ค่ะ”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2391745
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2391745