นุ่น ดารัณ เล่าประสบการณ์รักษาซีสต์ ไม่กินอาหาร ดื่มแค่น้ำเปล่าผสมเกลือ


ให้คะแนน


แชร์

นุ่นหายไปไหนมา?

นุ่นออกจากวงการตั้งแต่ 8 ปีที่แล้ว ฉันหมดแพสชั่นกับมันแล้ว บทละครก็มีที่เขามาเสนอแล้วเราชอบ แต่เราไม่ชอบการทำงานที่เราไม่สามารถควบคุมเวลาตัวเองได้

จริงมั้ยที่ตอนออกจากวงการ ครอบครัวบอกไม่ได้ ต้องอยู่ก่อน?

ใช่ ทุกคนเห็นว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ทำให้เราเกิดมา เป็นอาชีพที่สร้างครอบครัว สร้างฐานะ ให้ทุกอย่างกับเราแล้วเขาคิดแบบเซฟโซน

แต่นุ่นคิดแบบลุย เขามีเหตุผลของเขา คุณอยู่ตรงนี้ต่อไปสิ ทำต่อไป แต่เราหมดความตั้งใจ หมดความอยากใฝ่รู้ เรียนรู้ ที่จะพัฒนาตรงนี้ละ แต่มันเป็นเซฟโซนที่ไม่ได้การันตีว่ามันจะตลอดไป เพราะว่าเราไม่ได้ควบคุมมัน เราถูกคนอื่นควบคุม

หนึ่งเหตุผลคือตอนนั้นป่วยด้วย?

ตอนนั้นเป็นเนื้องอกในมดลูกครั้งแรก

ไปตรวจมาแล้ว กลัวจนออกจากวงการเลยเหรอ?

ไม่ใช่ เราสุขภาพไม่ดีใช่มั้ย แล้วเราเป็นเนื้องอกมาก่อนแล้วรอบนึง ทีนี้เนื้องอกมาตอน 30 ตอนนั้นเราใช้ชีวิตปกติ กิน ดื่ม เที่ยว ของโปรดของเราคืออาหารแปรรูป ไส้กรอก มันกินง่าย

คุณหมอตรวจเจอครั้งแรก 7 มิล คุณหมอบอกว่าจะเอายังไงดี จะผ่าก็ได้นะ คุณหมอบอกว่า อีก 3 เดือนมาเจอกัน เราแบบอุ๊ย…ผ่าตัดจะต้องดูแลตัวเอง มีการพักฟื้น ก็กินใหญ่เลย

ตอนนั้นก็ทานไส้กรอกแปรรูปทุกชนิด ไม่ได้ดูแลตัวเอง คิดว่าอาหารก็คืออาหาร เสร็จปุ๊บ 3 เดือนจะไปผ่า หมอบอกไปทำอะไรมาทำไมมันใหญ่ขึ้น จาก 7 มิล ขึ้นไปเป็น 1.5 เซน

พอผ่าเป็นยังไง?

ผ่าเสร็จหมอเอามาให้ดูเลย เราก็แบบต่อไปนี้ฉันจะแข็งแรงแล้ว ต่อไปนี้ฉันจะหาย สุขภาพดีไม่มีอะไรเกิดขึ้นปฏิบัติตัวเหมือนเดิม กินเหมือนเดิม หมอก็เรียกฟอลโลว์อัพ

ปีที่ 3 มา 2 ลูก คือเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับการรับประทานเลย ไม่เคยสนใจอาหารว่ามันทำอะไรกับร่างกายเรา ไม่เข้าใจ รู้แต่ว่าอาหารที่มีอยู่เราสามารถรับประทานได้ทุกอย่าง

ไซส์เท่าไหร่?

อย่างละ 2 เซนกว่า

กลัวตายมั้ย?

ตอนนั้นเนื้องอกศึกษามาแล้ว มันไม่ทำให้ตาย แต่ถ้ามันเปลี่ยนเป็นเนื้อร้ายเมื่อไหร่อันตราย คุณหมอก็ให้ฟอลโลว์อัพทุกปี

แล้ว 2 ซ.ม. 2 ลูก เราไม่ผ่า?

ไม่ผ่า เก็บไว้ดูเล่น อันนี้มันยังเป็นเคสที่ไม่หนัก เคสที่หนักคือตอนที่เป็นซีสต์ถุงน้ำในรังไข่ เมื่อ 3 ปีก่อน ที่เราคิดว่าจะเป็นมะเร็ง อันนั้นฟูมฟาย

คือตรวจพบเพราะว่าประจำเดือนไม่มา ตอนนั้นก็ไม่ได้ดูแลตัวเอง แต่เริ่มออกกำลังกายเริ่มกินอาหาร ทำคีโตละ แต่ทำไมประจำเดือนไม่มา 1 เดือน 2 เดือน ชักไม่ดี พอเดือนที่ 3 ไม่ใช่ละ ก็ถามเพื่อนในวัยเดียวกัน

เพื่อนบอกว่าอาจจะเป็นวัยทองก่อนวัยอันควร เพื่อนบอกมีทางเดียวที่รู้ คือ ตรวจ ก็ไปหาคุณหมอ ไปตรวจเสร็จคุณหมอพบถุงน้ำ 2 ข้าง เป็นซีสต์ที่รังไข่ คนอื่นเขาเป็นข้างเดียว นี่มา 2 ข้างเลย ทำไงคะ

ก็ฉีดยา ไม่ต้องกังวลเดี๋ยวอีก 7 วันประจำเดือนก็มา ฉีดปุ๊บวันแรกเจอเอฟเฟกต์ แขน ขา มืออ่อนแรง แพ้ยา กลับไปรอ 7 วันจะมีประจำเดือนใช่มั้ย ก็ยังทำงานปกติ แต่มันไม่มา

คราวนี้ปรึกษาแม่เพื่อน กับเพื่อน ก็ถามเขาเหมือนทฤษฎีเขาเยอะ เรื่องสุขภาพ เขาก็บอกทำอย่างนี้สิ ไม่กินอาหารเลย กินแต่น้ำเปล่า

กี่วัน?

ตอนนั้นทำ 5 วัน ดื่มน้ำเปล่าๆ ผสมเกลือนิดหน่อย เพื่อให้มันมีเกลือแร่อยู่ แต่ละวันกินน้ำ 5-6 ลิตร เราทำไป 5 วัน วันที่ 3 ประจำเดือนมา จาก 4 เดือนที่ประจำเดือนไม่มา ฉีดยาก็แล้ว

สมัยก่อนเคยเชื่อมั้ยว่าการเปลี่ยนอาหารมันจะช่วยเราได้?

ใช่ อาหารคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต

หลังจากนั้นมีวิธีดูแลตัวเองยังไง?

ศึกษาละเอียดเลยว่าอาหารแต่ละชนิดทำปฏิกิริยาอะไรกับร่างกายเราบ้าง น้ำตาลเป็นส่วนสำคัญที่สุดในระบบที่เรากินอยู่ทำให้ร่างกายเราเหนื่อย อ่อนเพลีย หรือสดชื่น จริงๆ วันนึงคนเราบริโภคน้ำตาลได้ไม่เกิน 3 ช้อนชา ถ้าคุณทานผลไม้ทุกชนิด เกิน 1 ลูกต่อวัน น้ำตาลก็สูงแล้ว

ที่เราศึกษาเรื่องอาหารทั้งหมดเพราะเรากลัวตาย?

ไม่ได้กลัวตาย แต่กลัวว่าแก่แล้วจะใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก พอเรากินถูกที่ ถูกทาง ซีสต์มันฝ่อลง เพราะนี่คือการควบคุมจากการบริโภค

โจทย์ทุกวันนี้คือ กินให้พอเหมาะ พอดี คือร่างกายเราปลอดโรค เพราะเรารู้หลักไม่ให้เกิดโรค แล้วทำยังไงให้มันเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับร่างกายเรา

แล้วตอนนี้ตัวเองโสดมั้ย?

ก็มีแต่หมา

ทำไมถึงปล่อยตัวเองโสด?

เสียเวลากับผู้ชายทำไม เสียเวลาในที่นี้คือ โจทย์ของนุ่นที่นุ่นจะใช้ชีวิตป่วยก็หลายที เฉียดตายก็หลายที ในโลกแห่งความเป็นจริงถ้าคุณตั้งโกลอะไรบางอย่างไว้

ถ้าเรื่องความรัก ถ้าคุณไปเซตว่าชาตินี้ต้องหาผัวให้ได้ ก็แปลว่าชีวิตคุณจะไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าคุณไม่มีผัว แต่ว่าถ้า ชาตินี้เราต้องประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเอง แปลว่าคุณต้องยืนด้วยขาตัวเอง

คุณไปยืมจมูกคนอื่นหายใจไม่ได้ หรือคุณคิดว่าผู้ชายคนหนึ่งจะมาทำให้คุณมีความสุข เติมเต็มชีวิตไม่ได้ ไม่ยุติธรรม ไม่แฟร์ การที่จะต้องโยนว่าเป็นภาระหน้าที่อีกคนเพื่อจะเติมเต็มความสุขให้เรา เราต้องเติมเต็มความสุขด้วยตัวเราเอง

ผิดมั้ยถ้าเราเติมเต็มแล้ว แต่อนาคตมีผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้เข้ามาเสริมให้ จะโอเคมั้ย?

มันต้องดูภาวะที่มาว่ามาซัพพอร์ตกัน หรือมาทำลายกัน ถ้าเกิดว่ามันมาทำลายกัน ทำลายในที่นี้คือ ทำลายตัวตนของเรา ทำลายความมั่นใจของเรา ทำลายในสิ่งที่เรากำลังสร้าง แปลว่าเขาไม่ได้มาซัพพอร์ต เขาคือมาทำลาย อันนี้คือการเสียเวลา คือเสียเวลาเขา และเสียเวลาเราด้วย

แสดงว่าตอนนี้เรารักตัวเองมากที่สุด?

แน่นอน คือความรักในเมืองไทยมันดูเป็นโจทย์แรกที่คุณจะต้องทำ เพื่อให้ชีวิตคุณมีความสุขขึ้น ทุกคู่พยายามจะแต่งงาน เพื่อบอกว่าเราประสบความสำเร็จในชีวิต แต่มันไม่เคยจบ

แต่งงานเสร็จตื่นมาเจอเมียไม่แต่งหน้า เมียอึในห้องน้ำ เจอทุกอย่างเละเทะ ผัวไม่ยกฝาชักโครก ด่ากันเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในภาวะจุกจิกตลอดเวลา จบมั้ยล่ะ

คือคุณดูละครเพราะละครมันไม่เล่าเรื่องจริงในชีวิต แต่เรื่องจริงในชีวิตมันมีมากกว่านั้น มันมีดีเทลที่แต่ละคู่ แต่ละบ้านจะเจอแตกต่างกันไป ภาวะที่มันต้องปรับตัว ต้องจูนเข้าหากันมันมีมาก เพราะด้วยการเลี้ยงดูแต่ละบ้าน คนสองคนมาเจอกันต้องไปกันได้

แสดงว่าคุณนุ่นมีความสุขกับตัวเองมากๆ?

ไม่ใช่ เรารักตัวเองมากขึ้น ที่เราจะไม่เสียเวลากับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ เพื่อที่มาจุกจิกในโกลที่เราตั้งไว้ คือโกลเราเปลี่ยนไป แต่ก่อนเราคิดว่าสุขนิยม

คือการที่สังคมตั้งบรรทัดฐานว่า คุณอายุ 30 คุณต้องแต่งงาน คุณต้องมีลูก ถึงเรียกว่าประสบความสำเร็จในชีวิต เมื่อคุณผ่านมาถึง 40 แล้วเนี่ย โกลมันเปลี่ยน

ตอนนี้ชีวิตคุณคืออะไร คุณจะเข้า 50 แปลว่าครึ่งนึงของชีวิตแล้ว อะไรที่ยังไม่ได้ทำ ความคิดมันโตขึ้น เพราะฉะนั้นเวย์ที่เราเห็นมันจะต่างไปละ มันไม่ใช่เวย์ที่เราจะมามุ่งหาความรักเพื่อจะเติมเต็ม แต่มุ่งหาสิ่งที่เขาเรียกว่าความสงบสุขในจิตใจ

ความรักสมัยก่อนของเรา พอมองกลับไปมันเป็นเรื่องเสียเวลา?

เสียเวลาจริงๆ ถ้าเกิดตอนนั้นเรามุ่งมั่นในสิ่งที่เราอยากจะทำให้คนอื่น เราจะได้เวลาในการทำงานกลับมาเยอะแยะมากมาย แต่เราไปเสียเวลากับเรื่องนี้ ทำให้โฟกัสของเรามันบิดเบี้ยว แท็กของเรามันไม่ตรง แต่ตอนนี้ตรงแล้ว จูนใหม่แล้ว

แทร็กใหม่นี้สามารถรับคนใหม่เข้ามาในชีวิตได้มั้ย หรือจะโสดไปตลอดชีวิต?

เราไม่ได้บอกว่าอยากจะโสด อยากจะมุ้งมิ้ง อยากจะอะไร อยากจะมีในอุดมคติเหมือนคนอื่นเขา เห็นคนเขาเดินมาควงแขนกัน ชี้โบ๊ ชี้เบ๊ ตีกันบ้าง แต่มันก็เป็นความสุขของเขา แต่ว่าทุกวันนี้ก็กินข้าวคนเดียว ทุกวันนี้ก็ทำอะไรคนเดียว แต่พอมันทำแล้วมันเงียบดี ไม่หนวกหู

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2393902
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2393902