เคน ภูภูมิ เผยจุดเปลี่ยนในชีวิต เจอความสุขแม้วันนี้จะไม่ดังเปรี้ยง
ถ้าจะพูดถึงพระเอกหนุ่ม เคน ภูภูมิ พงศ์ภาณุภาค ต้องยอมรับว่า พระเอกหนุ่มคนนี้เป็นดาวรุ่งแจ้งเกิดในวงการบันเทิงเพียงชั่วข้ามคืน ก่อนจะได้เป็นพระเอกของช่อง 3 ที่มีงานชุกคนหนึ่งก็ว่าได้
แต่เมื่อสัญญาหมดลง เคน ภูภูมิ ก็ตัดสินใจเป็นนักแสดงอิสระ บวกกับช่วงโควิดที่ผ่านมา ทำให้เคนต้องหายหน้าหายตาไปจากจอทีวี และในช่วงจังหวะนี้ก็ทำให้ผู้ชายคนนี้ได้พบอาชีพใหม่ที่นอกเหนือจากการเล่นละคร
วันนี้ เคน ภูภูมิ มีผลงานละครเรื่องล่าสุดกับทางช่องวัน อย่างเรื่อง หัวใจรักพิทักษ์เธอ ที่กำลังออกอากาศอยู่นั้น เราก็ได้คิวของหนุ่มเคนมาเพื่อพูดคุยอัปเดตเรื่องราวชีวิตของเขาหลังจากที่หายจากหน้าจอไปนาน ซึ่งต้องบอกเลยว่า กลับมาเจอกันรอบนี้หนุ่มเคนดูหล่อเหลาและมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิม
นักแสดงอิสระ
คัมแบ็กวงการบันเทิงอีกครั้งในรอบ 2 ปี และในฐานะนักแสดงอิสระ ความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง งานนี้ เคน ภูภูมิ เล่าความรู้สึกที่เป็นนักแสดงอิสระให้เราได้ฟังด้วยรอยยิ้มว่า
“กลับมาหน้าจออีกครั้งผมตื่นเต้น รู้สึกแปลกๆ ที่เห็นตัวเองในทีวี ได้กลับมาออกรายการ ก็รู้สึกไม่ค่อยชิน เพราะผมห่างหายไปนาน ก็ประมาณ 2 ปี
และผมก็ทำอย่างอื่นเยอะแยะมากมายจนไม่ค่อยได้โฟกัสกับงานในวงการบันเทิงเท่าไหร่ พอได้ไปทำนู่นนี่นั่น พอกลับเข้ามา รู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นนักแสดงใหม่ที่เข้าวงการ ผมรู้สึกแบบนั้นเลย
และยิ่งมาเล่นละครกับช่องใหม่ด้วย ทำงานในที่ใหม่ๆ ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเพิ่งเข้าวงการเลย (ยิ้ม) ตัวผมเองก็หายไปนาน และไม่ค่อยได้อัปเดตชีวิตด้วย ก็ยิ่งรู้สึกไม่ค่อยชิน”
จากนั้น เคน เล่าให้ฟังถึงข้อดีของการที่ได้หายหน้าหายตาไปจากหน้าจอทีวี ว่ามันมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย ให้เราได้ฟังด้วยรอยยิ้มหล่อละมุนอีกครั้งว่า
“พอได้พักงานในวงการบันเทิงไปนาน ก็เหมือนได้ไปล้างตัวเอง ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นดีและรู้สึกดี ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองจะต้องโฟกัสอยู่แต่กับวงการ หรือโฟกัสอยู่กับความบันเทิงอะไรมากขนาดนั้น แค่กลับมารับงานที่เรารู้สึกว่าโอเค รู้สึกว่าอยากทำ ก็เป็นอะไรที่ดีครับ
ซึ่งผมก็จะรับงานละครปีละ 1 เรื่องก็น่าจะโอเค เพราะผมเลือกเล่นเรื่องที่ตัวเองสนใจจริงๆ เลือกเล่นที่ตัวเองอยากเล่น ไม่ได้ทำงานเพื่อเงินขนาดนั้นแล้ว เงินมันก็สำคัญนะ แต่ผมคิดว่าตัวเองเลยจุดนั้นมาแล้ว รู้สึกว่าตัวเองได้มีโอกาสเปิดช่องให้ตัวเองทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำจริงๆ
ผมอยู่ในวงการบันเทิงมา 10 ปีได้แล้ว เพราะช่วง 4-5 ปีหลังผมรับละครน้อยมาก ก็เลยอาจจะเห็นผมน้อย ผมรู้สึกว่าผมรับละครซ้อนกันไม่ไหว ด้วยตัวผมเองนะ ผมจะรู้สึกเหนื่อยและรู้สึกหมดพลัง ขี้เกียจ
และมันจะทำให้เราทำงานออกมาได้ไม่ดี และการที่เรารับเล่นละครทีละหลายๆ เรื่อง ก็ไม่ได้แปลว่าเราอยากเล่นละครเรื่องนั้นจริงๆ
แล้วพอทุกอย่างมันมาผสมกันด้วยนิสัยส่วนตัวก็จะทำงานได้ไม่เต็มร้อยอย่างที่ตั้งใจ ก็เลยรู้สึกว่าหาเงินทางอื่นดีกว่า
และก็เล่นละครเท่าที่ตัวเรามีความสุข ทำแล้วรู้สึกว่าได้ทำเต็มที่ ก็มาปรับให้มันบาลานซ์ ไม่ได้หายไปจากหน้าจอเลย ทำเท่าที่ตัวเองโอเค
อาจจะเป็นเพราะมีช่วงนึงที่ผมรับงานละครเยอะๆ และพอมานั่งดูผลงานตัวเองแล้วรู้สึกว่ามันยังทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร
และผมก็รู้สึกว่าบางทีผมก็ไม่เหมาะกับละครบางแนวบางเรื่องด้วย ซึ่งผมต้องจำเป็นต้องเลือกละครที่มันเข้ากับตัวเองให้ได้มากที่สุด มันถึงจะโอเค”
คำติเรื่องการแสดงไม่บั่นทอนจิตใจ
เราถาม เคน ภูภูมิ ต่อทันทีว่า ที่รับงานละครน้อยลง ไม่เกี่ยวกับที่โดนแฟนละครวิจารณ์เรื่องฝีมือการแสดงของเคนว่าไม่พัฒนาใช่หรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวก็ได้อธิบายให้เราฟังว่า
“เอาจริงๆ คำติเรื่องการแสดงละครไม่ได้มีส่วนทำให้ผมเลือกรับงานละคร เรื่องไม่ค่อยอยากจะเล่นละคร ผมไม่ได้รู้สึกว่าการตินั้นมาบั่นทอนความรู้สึกตัวเอง เพราะผมคิดว่าการแสดงมันพัฒนาได้อยู่แล้ว
และทุกอย่างมันเป็นไปตามการเรียนรู้ของแต่ละคน บางคนอาจจะเก็ตกับศาสตร์การเล่นละครตั้งแต่อายุยังน้อย บางคนอาจจะเก็ตและทำมันได้ดีในภายหลัง ซึ่งมันก็ไม่ได้เกี่ยว
ผมแค่รู้สึกว่า ถ้าเราอยู่ในจุดที่เราอยากจะทำและรู้สึกสบายใจมากๆ เราจะทำมันออกมาได้ดี ผมก็เลยต้องหาทางให้ตัวเองทำงานตรงนี้ให้ตัวเองรู้สึกสบายมากขึ้นและทำให้ดีมากขึ้น”
10 ปีกับการทำงานแบบไม่มีความสุข
จากนั้น เคน ภูภูมิ ก็ได้เล่าเรื่องราวชีวิตการทำงานของตัวเองที่อยู่ในวงการบันเทิงมานาน 10 ปี แต่กลับไม่ค่อยมีความสุขในการทำงานเท่าไหร่ให้เราฟังว่า
“พอการที่ผมได้มาเป็นพ่อค้าขายต้นไม้มันทำให้ความเครียดความกดดันของผมหายไป เพราะมันมีอีกอาชีพที่ทำเงินได้นอกจากการเล่นละคร ผมเลยไม่รู้สึกกดดันกับงานในวงการบันเทิง
พอไม่กดดันผมก็ไม่เครียด ไม่เกร็งไม่ตั้งใจเล่นจนเกินไป เพราะบางคนถ้าตั้งใจทำอะไรมากเกินไป มันก็ไม่ได้ออกมาดีเต็มร้อยเสมอไป มันทำให้ความเป็นธรรมชาติมันหายไป ไม่ออกมา ผมรู้สึกว่า ถ้าเราสบายๆ จะเล่นละครออกมาได้ดีกว่าครับ
ซึ่งผมเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เข้าวงการเลย พอตั้งใจมากๆ แต่กลับทำออกมาได้ไม่ดีเพราะมันมีความกดดัน ผมรู้ตัวว่าไม่ใช่คนสายบันเทิง ไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ที่ได้เข้ามาเพราะมีโอกาสเข้ามาก็เลยไม่อยากจะทิ้งโอกาสตรงนี้ไป
ผมไม่ได้ถนัดการแสดงเลย และผมได้เข้ามาอยู่ในวงการแบบเปรี้ยงเลย เข้ามาแล้วทุกคนรู้จักเลย เลยทำให้ผมรู้สึกว่าการทำงานในวงการบันเทิงมันยากมากๆ รู้สึกเกร็ง ทำตัวไม่ถูก หลายๆ อย่างก็เลยไม่เข้าที่เข้าทางซะที
ผมต้องปรับตัวเยอะมากๆ ในการทำอาชีพนะ เพิ่งจะมารู้สึกดีในการทำงานแบบสบายตัวช่วงนี้เองครับ รู้สึกว่าตัวเองหาจุดที่มันพอดีกับเราได้แล้ว มีความสุขมาก”
เราถาม เคน ภูภูมิ ต่อว่า ที่เครียด กดดัน และไม่มีความสุขนั้น เป็นเพราะต้องการแข่งขันกีบนักแสดงในช่องมันสูงหรือเปล่า เลยต้องพยายามทำตัวเองให้เก่ง ซึ่งเคนอธิบายถึงเรื่องนี้ว่า
“ผมไม่ค่อยรู้สึกกับการแข่งขันเท่าไหร่ ผมไม่ได้ต้องการจะเป็นที่ 1 แต่ผมรู้สึกว่า ถ้าผมเล่นละครได้ไม่ดี แล้วจะไปหาเงินจากไหน จะทำงานอะไรดีเพื่อให้ได้รายได้ เลยทำให้ผมกดดัน
ผมรู้สึกมันไม่ลงตัวลงล็อกซะที ในช่วงนั้นผมคิดตลอดว่าจะไปทำอย่างอื่นดีกว่า ไปทำงานที่ตัวเองจบมา แต่ตอนนั้นผมคงยังเด็กเลยไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรดี แต่พอโตขึ้นความคิดก็เปลี่ยนไป ผมรู้สึกว่าช่วงชีวิตผมตอนนี้บาลานซ์ลงตัวและแฮปปี้มากกว่าช่วงก่อน”
ไม่ยึดติดกับชื่อเสียง
จากที่พูดคุยกับหนุ่มเคนมาเกือบชั่วโมง เราได้เห็นว่าเคนนั้นไม่ยึดติดกับชื่อเสียงและเงินทองในวงการบันเทิง แถมยังดูปลงๆ กับการทำงานเบื้องหน้าอีกด้วย ซึ่งเคนบอกกับเราว่าวงการนี้สอนให้ชีวิตแกร่งและมีจุดยืน
“วงการบันเทิงให้ความแกร่งกับผมเยอะมาก ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีจุดยืนเป็นของตัวเอง เลยทำให้ผมมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
และผมก็ไม่ได้ยึดติดกับชื่อเสียง พอมาถึงวันนึงทุกอย่างก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ผมเคยอยู่ในจุดที่สูงที่สุดและดาวน์ๆ ลงมา (ยิ้ม) และผมรู้สึกว่าสมัยนี้คนจะขึ้นมีชื่อเสียงตอนไหนก็ได้ บางทีอายุ 40-50 ดวงจะพุ่งก็พุ่ง จะลงก็ลง มันเป็นจังหวะของชีวิต
ช่วงที่ชีวิตขึ้นสูงสุดๆ มีความรู้สึกอย่างไร ถ้าย้อนกลับไปช่วงนั้นมันเร็วมากจนผมไม่ได้รู้สึกอะไร ตอนนั้นผมทำงานเยอะมาก แต่รู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวผมร้อยเปอร์เซ็นต์
อาจจะเพราะต้องทำตามคำแนะนำของคนนั้นคนนี้ให้ผมทำอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งตอนเด็กๆ ก็ต้องยอมรับว่ายังไม่มีความคิดเป็นของตัวเองมากพอ
ผมเป็นเด็กที่ไม่ได้โดดเด่นชัดเจนในสักเรื่อง แต่เป็นคนกลางๆ ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษ ไม่ได้มีความสามารถอะไรเป็นพิเศษ เป็นคนกลางๆ เลยทำให้ผมกลายเป็นคนกลางๆ เลยไม่มีความเป็นตัวตนที่ชัดเจน”
และเมื่อถึงวันที่ชื่อเสียงเริ่มดาวน์ลง เคน ภูภูมิ ก็บอกให้เรารู้ว่า ตัวเขานั้นไม่ได้รู้สึกเศร้าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ไม่ได้เป็นทุกข์หรือเดือดร้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“พอชื่อเสียงเริ่มซาลงผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรนะครับ แค่รู้สึกว่าตัวเองทำงานน้อยลง มีวันว่างมากขึ้นแค่นั้นเองครับ ไม่ได้รู้สึกเป็นทุกข์ หรือมีคำถามว่าทำไมเราถึงไม่มีงาน รู้สึกเฉยๆ เรื่อยๆ
แต่คิดมากกว่าว่าเราจะทำอะไรต่อดี ผมจะคิดอยู่แค่นี้ครับ พอเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในชีวิตก็ทำให้ผมมีความสุขมากขึ้น ไม่กดดันตัวเอง ได้เห็นมุมใหม่ๆ ของชีวิต เห็นจุดที่ตัวเองมองไม่เห็น เป็นอีกช่วงเวลาที่ดีของผม”
จากนักแสดงผันตัวเป็นพ่อค้าขายต้นไม้
แม้จะดร็อปงานหน้าจอทีวีไป แต่ เคน ภูภูมิ กลับไปรุ่งเรืองในอาชีพพ่อค้าขายต้นไม้ ซึ่งเราถามพระเอกหนุ่มว่ารู้ตัวตอนไหนว่าตัวเองชอบการปลูกต้นไม้ และทำเป็นอาชีพ งานนี้เจ้าตัวยิ้มและเล่าให้ฟังว่า
“คือเรื่องนี้มันเป็นความบังเอิญมากกว่า ผมแค่หาเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน แล้วไปเริ่มเลี้ยงต้นไม้ ก็เลยเข้าวงการนี้ยาวๆ ซึ่งมันก็ดีนะ มันทำให้ผมไม่ต้องกดดันตัวเองกับงานในวงการบันเทิง
ตอนที่ปลูกผมไม่คิดว่ามันจะเป็นอาชีพเลยนะ แต่ปลูกไปปลูกมา ก็เกิดความคิดนี้เข้ามาในหัวว่าทำไมเราไม่ลองทำต้นไม้ขาย ในเมื่อเราก็ซื้อมาแพง เราก็น่าจะทำได้นะ และก็ชอบมันด้วย
บวกกับช่วงนั้นเป็นช่วงโควิด ไม่มีอะไรทำ อยู่บ้านเฉยๆ ซื้อต้นไม้มาตั้งนั่งดูเฉยๆ ก็กระไรอยู่ ผมก็เลยเริ่มปลูกและบานปลาย (ยิ้ม)
บทบาทการเป็นพ่อค้าขายต้นไม้มันสนุกมาก ผมได้แชร์ประสบการณ์และความรู้ที่ตัวเองได้ศึกษามาเกี่ยวกับต้นไม้ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับคนที่สนใจในสิ่งเดียวกัน มันก็มีอะไรใหม่ๆ มาให้พูดคุยกันตลอดเวลา มันเป็นเหมือนอีกหนึ่งธุรกิจที่ผมทำแล้วรู้สึกเพลินๆ ดีครับ”
เพราะเป็นนักแสดง และเป็นถึงพระเอก งานนี้ในช่วงแรกที่ เคน ภูภูมิ ไปเป็นพ่อค้าขายต้นไม้ ก็ถูกหลายๆ คนสบประมาทเอาไว้ว่าคงจะมาทำแค่ฉาบฉวยไม่ได้จริงจังแต่อย่างใด ซึ่งเคนก็ยอมรับว่าตัวเขานั้นไม่สนใจกับคำพูดนี้
“เอาจริงๆ ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมาเป็นพ่อค้าขายต้นไม้เลย (หัวเราะ) บางคนก็คิดว่าผมขายต้นไม้แบบฉาบฉวย ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจที่ใครจะคิดแบบนั้น เพราะผมขายดีมาก
และผมก็รู้สึกว่า ถ้าคนที่เลี้ยงต้นไม้เขาจะรู้ว่าเราเลี้ยงต้นไม้จริงๆ เพราะก่อนหน้าที่ผมจะขาย ผมก็เลี้ยงมาเป็นปี ศึกษาหาความรู้วิธีการเลี้ยงเพื่อที่จะตอบกับลูกค้าได้”
และเคนยังยอมรับอีกว่า เพราะมีดีกรีเป็นถึงพระเอกละคร เป็นคนในวงการมีชื่อเสียง จึงทำให้อาชีพขายต้นไม้ของเขารุ่งเรืองไม่น้อยว่า
“ถ้าด้วยชื่อผมก็อาจจะมีส่วนทำให้ผมขายดีขายได้ เพราะคนที่ได้ต้นไม้จากผมไปก็จะรู้ว่าผมเลี้ยงต้นไม่อย่างไร ไม่ต้องไปเสี่ยง ต้นไม้ผมแข็งแรง สวยงาม
และมันยังเป็นอาชีพที่เอาไว้ทำคลายเครียด แต่ก็มีบางครั้งที่ทำให้ผมเครียดถ้ามันตาย (ยิ้ม) ตอนนี้อาชีพขายต้นไม้ของผมก็อยู่ตัวแล้ว แบรนด์ของเราก็ติดตลาดไปแล้ว ไม่ต้องไลฟ์ขายแล้ว แค่โพสต์ขายหน้าเพจก็ได้แล้ว “
ขายต้นไม้ 1 ต้นได้เงิน 1 ล้าน
และทุกคนจะต้องตกใจ เมื่อได้รู้ว่าต้นไม้ที่หนุ่มเคนขายนั้น ทำเงินได้สูงถึงต้นละ 1 ล้าน และเงินที่ได้จากการขายต้นไม้นั้น พระเอกหนุ่มก็ไม่ได้เอาเข้ากระเป๋าอย่างเดียว แต่ได้นำเงินไปบริจาคในช่วงที่โควิดระบาดหนักๆ อีกด้วย ซึ่งเคนเล่าเรื่องนี้ให้เราฟังว่า
“ผมไม่ได้ขายเอาเงินเข้ากระเป๋าอย่างเดียว แต่เอาไปบริจาคด้วย เพราะตอนนั้นต้นไม้มันบูมมาก และมีข่าวเกี่ยวกับโพงพยาบาล หรือแต่ละที่ขาดแคลนอุปกรณ์ ตอนนั้นคนลำบาก เดือดร้อน แต่ผมไม่ได้เดือดร้อนเลย
อยู่แบบสบายๆ ชิลๆ เลยอยากจะทำอะไรบางอย่างที่มันกลางๆ แบ่งปัน ช่วยคน ก็เลยช่วยทางโรงพยาบาล เอาต้นแม่พันธุ์มาให้เขาประมูลกัน ต้นที่ขายแพงที่สุดก็หลัก 5 แสน และหลักล้าน
ซึ่งผมก็เคยซื้อต้นที่มีราคาหลักล้านด้วย (หัวเราะ) และตอนนี้ก็ยังอยู่ครับ ผมมองว่าการขายต้นไม้ผมคืออาชีพเลย ตอนนี้ก็ยังซื้อขายกันอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ว่าราคามันอาจจะไม่สูงเหมือนเดิม ยังมีคนมาซื้อตลอด ผมยังขายได้เหมือนเดิม”
ผลงานละครเรื่องล่าสุด
เพราะกลายมาเป็นนักแสดงอิสระ ตอนนี้ เคน ภูภูมิ ก็ได้มีผลงานละครเรื่องล่าสุดกับทางช่องวัน อย่างเรื่อง หัวใจรักพิทักษ์เธอ ที่ประกบคู่กับนางเอกสาว วิว วรรณรท เป็นครั้งแรก ซึ่งพระเอกหนุ่มได้ฝากผลงานละครเรื่องนี้กับแฟนๆ ว่า
“สำหรับละครเรื่องหัวใจรักพิทักษ์เธอนี้เป็นเรื่องแรกที่ผมมาเล่นกับช่องวัน ผมไม่รู้สึกกดดันเลย รู้สึกตื่นเต้นมากกว่า ที่ได้มาเล่นบทที่ไม่เคยเล่นมาก่อน พอได้มาเล่นก็ไม่ยาก แต่รู้สึกว่ามันเป็นทางที่ผมก็ชอบนะ
ชอบฟีลละครโรแมนติก คอมเมดี้ มันดูง่ายๆ และมีสืบสวนสอบสวน และแอ็กชั่นด้วย เลยรู้สึกว่าเป็นละครที่ดูง่าย คนได้ยิ้มตาม และสนุกไปกับเนื้อเรื่อง เป็นละครที่เล่นแล้วสนุกดีครับ
ก่อนจะเริ่มถ่ายละครเรื่องนี้ ผมก็มีไปเวิร์กช็อปเพิ่ม และผมกับวิวก็ไม่เคยเล่นละครด้วยกันมาก่อน พอได้ไปเวิร์กช็อปด้วยกันก็ทำให้เรารู้ทางกัน และง่ายกับการทำงาน
กับวิวเราจูนกันได้เร็ว ทำงานกันง่าย ด้วยวิธีการรับส่งอารมณ์กัน ค่อนข้างใกล้เคียง เราพูดคุยกัน เลยไม่รู้สึกว่ามันยากที่จะต้องเล่นด้วยกัน
แม้ผมหายจากหน้าจอไป 2 ปี แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องเคาะสนิมนะ การที่พักไปมันทำให้ผมรู้สึกไม่กดดันกับการเล่นละครเหมือนเมื่อก่อน ไม่ได้เอาความกดดันหรือความเครียดมาทำงาน มาทำงานแบบสบายๆ การที่ได้พักไปมันเป็นข้อดีมากกว่า
และละครเรื่องนี้น่ารัก คนดูจะต้องสนุกและมีความสุขไปกับละคร เพราะขนาดนักแสดงมาเล่นเวลากลับจากถ่ายละครเรื่องนี้จะรู้สึกใจฟู ละครเรื่องนี้มันทำให้เราอิ่มใจ มีรอยยิ้ม มันไม่ใช่ละครเครียด เป็นละครน่ารักจริงๆ
ยังไงก็ฝากละครเรื่องหัวใจรักพิทักษ์เธอด้วยนะครับ พวกเราทุกคนตั้งใจกันมากกับละครเรื่องนี้ มาดูผมในบทบาทใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยเห็นกันนะครับ เพราะผมเองก็ตื่นเต้นมากเหมือนกันกับละครเรื่องนี้ กับผลงานเรื่องนี้ ยังไงก็ฝากติดตามชมด้วย สนุกครบรสแน่นอนครับ”
ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา
กราฟิก : Sathit Chuephanngam
ดูข่าวต้นฉบับ
ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2393111
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2393111