หญิง รฐา 23 ปีในวงการคุ้มแล้ว รับอาศัยบารมี แม่น้อย ลุงเทพ เป็นใบเบิกทาง


ให้คะแนน


แชร์

ถ้าพูดถึงนักร้องยุค 90 ที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังในอดีต ก็ต้องมีชื่อของ ญาญ่าญิ๋ง หรือ หญิง รฐา โพธิ์งาม ลูกสาวสุดที่รักของ แม่น้อย โพธิ์งาม หลานสาวของ เทพ โพธิ์งาม ตลกชื่อดัง 

ที่ในวันนี้ หญิง รฐา ผันตัวจากนักร้องสายป๊อปแดนซ์ มาเป็นนักแสดงเจ้าบทบาทตีบทแตกอีกคนของวงการบันเทิง ซึ่งล่าสุด เจ้าตัวได้คัมแบ็กมาเล่นละครยาวอีกครั้งในรอบ 5 ปี กับละครแนวฟีลกู๊ดของค่ายมาสเตอร์วัน อย่างเรื่อง มามี้ที่รัก ที่กำลังออกอากาศทางช่อง 3 อยู่ในตอนนี้ 

ชีวิตแฮปปี้หลังแต่งงาน

วันนี้ เราได้คิวของ หญิง รฐา มา ก็ไม่พลาดที่จะอัปเดตชีวิตส่วนตัวและเรื่องราวในอดีตที่น่าสนใจของนักร้อง-นักแสดงคนนี้กัน ซึ่งเพิ่งจะผ่านการเข้าประตูวิวาห์มาหมาดๆ 

ซึ่งคำถามแรกก็คงหนี้ไม่พ้นที่จะถามถึงชีวิตหลังแต่งงานกับสามี ตุลย์ ตุลยเทพ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง งานนี้สาวหญิงตอบคำถามของเราด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขว่า 

“ก็สนุกดีนะ มันไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมาก ก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิม ยังไม่มีลูก ยังไม่ได้วางแพลนสเตปชีวิตไปแบบไหน ใช้ชีวิตชิลๆ ไปเรื่อยๆ และเราไม่ได้แพลนว่าจะต้องมีลูกก่อน 40 ก็เลยไม่ได้รู้สึกกดดันนะ เพราะบางทีเห็นเขาเครียดกันมาก เราก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนั้น

พอได้มาอยู่ด้วยกันเราก็ต้องปรับตัวกันอยู่ ไม่ได้ราบรื่นทุกวันเพราะพี่ตุลย์ก็จะมีความเนิบๆ ของเขา ในขณะที่หญิงจะรีบเร่ง หรือบางทีเขาก็จะรีบในบางมุมที่ไม่ควรจะรีบ เช่น การขับรถ เราไม่ได้ทะเลาะกันเรื่องใหญ่แต่ก็มีเรื่องต้องปรับกันอยู่บ้าง แต่ก็น้อยมาก

และสิ่งหนึ่งที่หญิงเคยคิด พอมามีชีวิตคู่แล้ว เราจะมีเวลาให้แม่ของเราทั้ง 2 คนน้อยลงมั้ย แต่สุดท้ายเราก็พาแม่ไปเที่ยวด้วยกัน เราเริ่มมองเห็นภาพของครอบครัว และทั้งครอบครัวเขาเป็นผู้ชายอยู่คนเดียว เขาน่าจะเหนื่อย แต่เขาก็ปรับและจูนตัวเองได้ดี

ส่วนเรื่องความเป็นแม่บ้านแม่เรือน เอาจริงๆ พี่ตุลย์ทำให้หมดเลย (หัวเราะ) แต่หญิงก็พยายามช่วยเขานะ ทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ คือเมื่อก่อนตอนอยู่บ้านก็จะมีแม่บ้านคอยดูแล เวลาไปวิ่ง วิ่งเสร็จก็จะเอาเสื้อผ้าใส่ถุงกลับไปให้แม่บ้านซัก แล้วเขาก็เอาไปซักให้เราจนหลังไมค์ เริ่มละอายก็เริ่มซักเอง (หัวเราะ) เหมือนเขาใช้วิธีสอนให้เราดูแลตัวเอง ทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง

เรื่องเข้าครัว พี่ตุลย์เขาจะชอบเข้ามากกว่า แต่ถ้าต้องช่วยกันทำก็เข้าด้วยกัน แต่เรา 2 คนชอบกินข้าวนอกบ้าน แต่ถ้าวันไหนอยากทำกินเองก็จะไปซื้อของเข้าครัวกัน เราปรับตัวเข้าหากันทุกอย่างมันเลยโอเค

และกับคำถามที่คนถามบ่อยๆ ว่าเมื่อไหร่จะมีน้อง เบื่อกับคำถามนี้มั้ย เอาจริงก็เบื่อนะ เพราะเราตอบไปแล้ว แต่เข้าใจคนไทยกับการถามคำถาม บางทีเขาก็ไม่ได้คิดอะไร หญิงก็เข้าใจ

และสำหรับหญิงก็ยังยืนยันคำเดิม มีก็ได้ไม่มีก็ได้ ถ้ามีก็เลี้ยงให้ดี ไม่ได้กดดันตัวเองว่าต้องมี ถ้าภายใน 40-45 ถ้าไม่มาก็อยู่กันไป 2 คน ไม่ได้เดือดร้อนอะไร”

23 ปีในวงการบันเทิง

และต้องยอมรับว่า หญิง รฐา อยู่ในวงการบันเทิงมานานมาก เชื่อว่าหลายๆ คนเติบโตมาพร้อมกับเธอคนนี้ ตั้งแต่เป็นนักร้อง จนมาเป็นนักแสดง ซึ่งหญิงทำงานในวงการบันเทิงมายาวนานถึง 23 ปีแล้ว ซึ่งเจ้าตัวเล่าย้อนความหลังพร้อมกับยิ้มเขินๆ เมื่อรู้ว่าตัวเองทำงานมานานมากขนาดนี้ 

“หญิงเข้าวงการปี 2542 ตอนนี้ก็ 23 ปี แก่เหมือนกันเนอะ (ยิ้ม) สำหรับวงการบันเทิงพอได้มาอยู่จริงๆ มันบันเทิงสมชื่อนะ มีทั้งขาขึ้นและขาลง เราต้องเข้าใจมันนะ

มันจะมีวันที่สนุกบ้าง วันที่ไม่สนุกบ้าง แต่ว่าพื้นฐานหญิงชอบเล่นชอบร้องก็เลยรู้สึกสนุก แต่ก็มีบางวันที่เฟล ทำได้ไม่ดี วันนี้ไม่โอเค แต่หญิงไม่ถึงขั้นที่ไม่อยากทำนะ เพราะยังรักและสนุกอยู่

และหญิงรู้สึกคุ้มมาก หญิงทำมาแทบจะทุกอย่างแล้ว เริ่มจากการเป็นนักร้อง แล้วมาเล่นละครเวที เล่นละครทีวี เล่นหนังไทย หนังต่างประเทศ ซีรีส์ไทย ซีรีส์ต่างประเทศ รู้สึกว่าตัวเองทำมาครบแล้ว

ก็เลยทำให้ทุกวันนี้หญิงดูที่บทละครที่ยังไม่เคยเล่น และดูตัวเองว่าควรจะเล่นบทแบบไหน จะมาเล่นเป็นเมียน้อยแย่งพระเอกก็คงไม่ได้ แก่แล้ว (หัวเราะ)

แต่ละช่วงเวลาของหญิงอยู่กับทุกช่วงการเปลี่ยน จากเป็นนักร้องป๊อปแดนซ์จนตลาดเริ่มหายไป แล้วมาเป็นป๊อปร็อก ซึ่งเราต้องยอมรับความจริงในช่วงเวลานั้นว่าเวลาอันแสนสุขของเรามันจบแล้ว แต่มันก็ยังอยู่ในความทรงจำ คิดถึงก็มีความสุข มันไม่เคยหายไปไหน

พอมาเป็นนักแสดงเราก็มีโอกาสได้ทำผลงานที่ทุกคนคิดถึง และจำตัวละครที่หญิงเคยเล่นได้ มันคือการประสบความสำเร็จของการเป็นนักแสดงของหญิง

พอมาถึงวันนี้ก็เป็นอีกสเตป เราเริ่มมีครอบครัว ต้องบาลานซ์ชีวิตครอบครัวและงานให้ดี จากที่เมื่อก่อนเราเดินทางคนเดียว ตามหาความฝันของเราไปเรื่อยๆ แต่ในวันนี้เราต้องเฟดตัวเองออกมาเพื่อที่จะรับอีกคนเข้ามาเพื่อที่จะใช้ชีวิตคู่กันไป

และหญิงยังอยากทำงาน เลยเลือกบทบาทที่เราอยากให้คนจดจำเราในวัย 40-50 หญิงอยากให้คนจดจำหญิงว่าเป็นนักแสดงที่เล่นได้ถึงบทบาท หรือในช่วงหนึ่งเราก็อยากให้คนเห็นว่าเราเซ็กซี่เราขายได้ เราก็แซ่บๆ เด้อ พอมีคนมาซื้อภาพนี้ของเรา แซ่บ ขายได้ ก็ไปพัฒนาด้านการแสดงดีกว่า”

เมื่อชีวิตมาถึงขาลง

อย่างที่ หญิง รฐา บอกว่าชีวิตในวงการบันเทิงมีทั้งขาขึ้นและขาลง ซึ่งต้องยอมรับตรงนี้ และมีช่วงหนึ่งของชีวิตที่เธอนั้นได้หายไปจากวงการ ซึ่งหญิงเล่าให้เราฟังถึงเรื่องราวเมื่อหลายปีก่อนด้วยรอยยิ้มว่า 

“มีช่วงวงการเพลงกระแสป๊อปแดนซ์เริ่มซา ช่วงนั้นหญิงอยู่ปี 3 มั้ง ตอนนั้นกระแสป๊อปร็อกมา นักร้องที่เป็นวงดนตรีเข้ามาแทน ตอนนั้นนักร้องเต้นแทบจะไม่มีงานกันเลย เพราะว่าทุกคนก็จะเลือกไลฟ์แบนด์ เพราะมันสนุกกว่า ดนตรีสดมันกว่า

หญิงเลยไปเรียนโท 2 ปี ตอนนั้นก็คิดนะว่าจะไม่กลับมาทำงานในวงการบันเทิงแล้ว เพราะอาจารย์มาเคาะว่าหญิงเป็นคนที่น่าจะใช้สมองมากกว่าจะใช้รูปร่างหน้าตา

หญิงก็เริ่มคิด หรือว่าจะผันตัวไปอยู่เบื้องหลัง ไปสมัครเป็นพนักงานบริษัทแล้วทำครีเอทีฟดีมั้ย แต่สุดท้ายเหมือนมันหนีไม่พ้นค่ะ พี่หน่อง อรุโณชา โทรมาถามให้ไปเล่นละครแต่เป็นตัวร้ายนะ หญิงไม่เคยเล่นเป็นตัวร้ายเลย ก็คิดว่าตัวเองจะทำได้มั้ยแต่ก็ลอง

สุดท้ายกลับมาเล่นต้มยำลำซิ่งกับ ชมพู่ อารยา และ ปอ ทฤษฎี เรื่องนั้นคนชอบมาก ชอบให้หญิงเล่นร้าย หญิงเลยยึดบทร้ายมาตลอด จนเริ่มมาเล่นดราม่าในภาพยนตร์ คนก็เริ่มเห็นหญิงในอีกมุมว่าเล่นดราม่าได้ ละครก็เริ่มหลากหลายไม่ใช่แค่ตัวร้ายธรรมดา เริ่มมีดราม่ามากขึ้น

ก็ยอมรับนะว่าช่วงนั้นคิดว่าตัวเองจะหายไปแล้ว แต่ดันได้โอกาสกลับเข้ามาอีก มีอะไรมาสะกิดนิดเดียวหญิงก็กลับไปเลย ไม่คิดนานเลย (ยิ้ม) ถ้าวันนั้นปฏิเสธไม่เล่นละครเรื่องนั้นก็คงไม่มี หญิง รฐา ในวันนี้คงจะมีชื่อแค่ ญาญ่าญิ๋ง (ยิ้ม)”

ลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง

จากนั้น หญิง รฐา เล่าชีวิตของเธอให้เราฟังอีกครั้ง หลังจากที่ตัวเธอนั้นได้กลับมาทำงานในวงการบันเทิงอีกครั้งหลังจากที่หายไปนาน ช่วงเวลานั้นทำให้ชีวิตของหญิงกลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้งว่า 

“หญิงกลับมาเล่นละครกับช่อง 3 ติดๆ กันในตอนนั้น และช่อง 3 ทำให้หญิงลืมตาอ้าปากได้เลยนะในช่วงเวลาหนึ่งของหญิง ทำให้คนรู้จักหญิงในฐานะนักแสดง มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในวงกว้างจนถึงทุกวันนี้

และต้องยอมรับ พอเราอยู่ในวงการบันเทิงมา เล่นมาหลากหลายบทบาท เป็นธรรมดาที่คนเชื่อมือ และคาดหวังในการแสดงของเรา ถามว่ากดดันมั้ย เอาจริงๆ หญิงมีความเผื่อใจนะคะ เพราะยุคสมัยมันเปลี่ยนไป จะมาคาดหวังให้เรตติ้งเท่าเดิมเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่ได้ คนเราเลือกดูมากขึ้น

แต่หญิงตั้งใจกับการกลับมาเล่นละครมามี้ที่รักในรอบ 5 ปีของหญิงมากนะ หญิงใช้สมาธิกับตัวละครนี้มากค่ะ ก็เลยรู้สึกกดดันนะ ยิ่งหญิงหายไปเล่นซิตคอม ไม่รับละครยาว และมีคนรักตัวละครตัวนั้นมาก คนจะเรียกชื่อหญิงว่าเจ๊ออยตลอด

พอกลับมาเล่นละครยาวอีกครั้งมันก็กดดันนะ คิดว่าคนจะลืมภาพเจ๊ออยของเราได้มั้ย และพอเรากลับมาเล่น คนจะรักหญิงเหมือนเดิมมั้ย มันก็มีความรู้สึกแบบนี้บ้างค่ะ”

พิสูจน์ตัวเองด้วยผลงาน 

จากวันแรกที่หญิงเข้ามาเป็นนักร้อง หลายคนมองว่าเข้าวงการเพราะเป็นลูกแม่น้อย แต่ในวันนี้ทุกคนได้เห็นแล้วว่าหญิงมีฝีมือด้วยตัวเองจริงๆ ทุกคนยอมรับ รู้สึกอย่างไรบ้าง นักแสดงสาวตอบคำถามนี้ด้วยรอยยิ้มอีกครั้งว่า 

“เอาจริงๆ ตอนแรกมันก็คงมีบ้างแหละ ลูกสาวน้อย โพธิ์งาม หลานสาวเทพ โพธิ์งาม ก็ทำให้คนสนใจมากขึ้น แม้แม่จะไม่ใช่นางเอก แต่แม่ก็เป็นตลกหญิงนัมเบอร์วันของประเทศในยุคหนึ่ง

ก็มีบ้างที่อาศัยบารมีแม่ บารมีลุง แต่สุดท้ายแล้วการจะอยู่ในวงการบันเทิงมาได้ 23 ปี ทุกอย่างมันก็อยู่ที่ตัวเรา อยู่ที่ผลงานของเรา และการกระทำของเราด้วย

ถ้าเราไม่น่ารักก็ไม่มีใครอยากทำงานด้วย อยากเอามาทำงานด้วย ซึ่งมันเป็นเรื่องของการกระทำทั้งนั้นเลย ถ้าเราตั้งใจทำ มันก็จะเห็นผลค่ะ และหญิงต้องขอบคุณทุกพลังทุกกำลังใจ เพราะมันคือแรงผลักดันของหญิงที่ทำให้หญิงยังอยากที่จะทำงาน อยากจะเล่นละครต่อไป คนยังเชื่อ มันคือพลังที่ทำให้ตัวหญิงพัฒนาตัวเองต่อไป” 

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

กราฟิก : Chonticha Pinijrob, Anon Chantanant

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2405221
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2405221