นิกกี้ พิ้ม เปลี่ยนชื่อ ชีวิตเปลี่ยนโตขึ้น เผยหย่าแล้ว เหตุไม่อยากมีลูก


ให้คะแนน


แชร์

นิกกี้ พิ้ม เปลี่ยนชื่อ ชีวิตเปลี่ยนโตขึ้น เผยหย่าแล้ว เหตุไม่อยากมีลูก

ประกาศเปลี่ยนชื่อผ่านไอจี จาก นิกกี้ พิ้ม หรือ สุระ ธีระกล เป็น ลูซิเฟอร์ นิราย พิ้ม ล่าสุดได้เจอนักร้องหนุ่มในงานรอบสื่อภาพยนตร์เรื่อง Happy Birthday Father สุขสันต์วันเกิดครับพ่อ ที่ เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ รัชดาภิเษก จึงได้ขออัปเดตชีวิตหลังเปลี่ยนชื่อเป็นอย่างไรบ้าง

นิกกี้ลูซิเฟอร์ นิราย พิ้ม

ถามเรื่องเปลี่ยนชื่อจาก สุระ ธีระกล เป็น ลูซิเฟอร์ นิราย พิ้ม
“ชื่อของผม ที่เป็นชื่อไทย ชื่อ สุระ มันแปลว่าอสุรกายอยู่แล้ว ผมเลยเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษ เป็น ลูซิเฟอร์ ความหมายมันเหมือนเดิม แต่ผมมีปมเรื่องชื่อด้วย ตอนเด็กๆ ผมโดนล้อ ผมเลยอยากเปลี่ยนให้เป็นตัวผม ส่วนนามสกุลที่เปลี่ยน เพราะผมกับพ่อไม่ได้สนิทกันมาก ดังนั้นนามสกุลเก่ามันไม่ค่อยลิงค์กับชีวิตผม
ผมทำงานในวงการตั้งแต่อายุ 16 ปี มาใช้ชื่อ นิกกี้ พิ้ม ตอนอายุ 20 ปี ผมมองว่าเราเริ่มรู้จักเรา เหมือนเราสร้างมาด้วยตัวเอง เลยคิดว่าวันนึงถ้าผมมีครอบครัว จะสร้างต้นตระกูลใหม่เลย เลยให้คำว่า Pimpz ลงท้ายด้วย Z ถ้าเป็น Pimp ความหมายไม่ดีเท่าไหร่ แต่พอลงท้ายด้วย z มันไม่มีความหมาย

เปลี่ยนแล้วชีวิตดีขึ้นไหม
“ผมโตขึ้น ด้วยอายุ ความคิด เราได้ไปเจอชีวิตข้างนอก เมื่อก่อนเราทำงานในวงการตั้งแต่เด็ก จะอยู่ในโลกบันเทิง จะสนุกไปบ้าง พอเราเจออะไรมากขึ้น มันก็ทำให้เราแข็งแรงขึ้น ตัวผมเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมากกว่า ผมชอบตัวเอง ณ โมเมนต์นี้ที่เป็นตัวเอง”

นิกกี้ยิ้มอ่อน

เรื่องความรักบ้างตอนนี้เป็นไงบ้าง
“ตอนนี้โสดครับ ผมเคยแต่งงานและหย่าไปได้ประมาณ 2 ปีแล้วครับ”

ปัญหาเกิดจากอะไร
“ผมว่าชีวิตแต่งงานมันไม่เหมาะสำหรับผม ผมมีความสุขนะ ยังไม่มีลูก ผมรู้สึกว่าชีวิตแต่งงานไม่เหมาะกับผม แต่เราเลิกกันด้วยดี เป็นเพื่อนกัน คือคนที่แต่งงานคือคิดที่จะมีลูก แต่ตัวผมเองไม่ได้อยากมีลูก เลยรู้สึกว่าผมจะต้องอยู่ในกฎเกณฑ์การสมรสทำไม แยกทางกันมาได้สองปีกว่าแล้ว”

คือฝ่ายหญิงอยากมีลูก
ใช่ครับ ผมอาจจะคุ้นชินกับการอยู่กับตัวเอง ผมชอบสันโดษ และอิสระ ชอบการเจอเพื่อน แล้วงานที่ผมทำ เอาตรงๆ ผมเลือกฝันของตัวเอง ไม่เลือกชีวิตครอบครัว ฝันผมมีบางอย่างต้องไปทำ และต้องไปเจอผู้คนเยอะ ผมไม่สามารถให้ชีวิตแฟมิลี่ได้ ผมเลยขอแยกทางกันดีกว่า ผมต้องตามฝันของผม

นิกกี้แชะกับเดน่า

อย่างเดน่าล่ะ
“พูดยังไง เรียกว่าเพื่อนสนิทได้มั้ย ทุกคนก็เหมือนแฟน คือผมเจ้าชู้”

แสดงว่าเดน่า ยังไม่เรียกแฟน
“ก็แฟนครับ”

เอาเป็นว่าตอนนี้มีแฟนกี่คน
“เอาเป็นว่าตอนนี้ผมใช้ชีวิตแบบนี้ แต่ว่าทุกคนเขารับรู้ว่าผมเป็นอย่างไร คือถ้าผมเจอทุกคนทุกวัน ผมจะอึดอัด(หัวเราะ)”

อย่างเดน่า ดูพิเศษกว่าคนอื่น
“คำว่าแฟนสำหรับผม เหมือนกับเป็นเพื่อนสนิท ชีวิตผมหนังไทยเลย บางคนคบเป็นเพื่อนกันมา 20 ปี , 3 ปี, 11 ปี พอวันนึง ต่างคนต่างโตขึ้น แล้วเขาก็ยังไม่มีความสัมพันธ์กับใคร ลุกค์ผมดูน่ากลัว แต่พอคบกันจริงๆ จะรู้ว่าผมแฟมิลี่ หลายๆคน ก็จะมาบอกว่าเรามาสนิทกันมากกว่านี้มั้ย แล้วผมดันไปรับปากที่ 2-3 คน ผมก็เลยมีเพื่อนสนิทเยอะ”

แต่ล่ะคนรู้ว่าเรามีเพื่อนสนิทหลายคน
“รู้ ก็อย่างที่บอกผมไม่ได้แต่งงาน ผมไม่อยากแต่งงานแล้ว อยากเป็นอย่างนี้”

ยอมรับว่าเจ้าชู้
“ไม่เจ้าชู้ ผมไม่เที่ยว ผมไม่คิดจะมีลูก แล้วทำไมผมต้องมีพันธสัญญาด้วย แนวคิดผมอาจจะผิด ผมขอโทษครับ”

กับเดน่าดูหวานกว่าคนอื่น
“เราพยายามทำ แต่สักพักผมก็เริ่มอึดอัด แต่เราไม่ได้ห่างกันนะ”

ถามถึงอาการป่วยตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
ปกติแล้ว ผมไปกินยาโรคซึมเศร้าเป็นปี รู้สึกว่าทำไมน้ำหนักผมไม่ลด ผมเล่นฟิตเนสอาทิตย์ล่ะ 5 วัน ทำไมผมยังฉุอยู่ ผมก็หยิก รู้สึกว่าทำไมยิ่งกินยิ่งไม่ดี เลยเลิกกิน ใช้ธรรมชาติบำบัด ตอนนี้โอเคแล้วครับ คือมันเหมือนเป็นโรคทางเลือก ถ้าเรารู้สึกไม่ดีเราก็ไปพบหมอ โรคพวกนี้ เหมือนการไปนั่งคุยกัน ให้ยามากิน พอกินแล้วป่วยหนักกว่าเดิม เลยเลิก”

ตอนนั้นเราเป็นไบโพล่าร์ หรือโรคซึมเศร้า
ผมไม่ได้เป็นไบโพล่าร์หรอก เมื่อก่อนผมเกเร แต่เดี่ยวนี้ผมห่างหายจากตรงนั้นไป คือผมว่าโรคไบโพล่าร์มันเป็นโรคทันสมัย โรคยุคใหม่ที่เวลาใครเครียดทำอะไรผิดจะบอกว่าเป็นไบโพล่าร์ มันก็แล้วบางคนสามารถเข้าใจตัวเองได้ โดยที่ไม่ต้องกินยา อย่างบางคนไม่เข้าใจตัวเอง อย่างผมเข้าใจตัวเอง มานั่งคิดว่าไบโพล่าร์กับนิสัยผม มันไม่ใช่แล้ว มันคือตัวตนผม วันนี้ตัวตนเราเปลี่ยนไป ไม่ใช่โรคไบโพล่าร์ คือเราอยู่ในวงการตั้งแต่เด็กเลยเป็นอย่างนี้ครับ”

ขอบคุณรูปจากไอจีnickypimpz

ที่มา : บันเทิง Archives – ข่าวสด
ขอขอบคุณ : บันเทิง Archives – ข่าวสด