อภัยไม่ได้! อั๋น-คำผกา ชี้ JSL ปลดพนง. ต้องจ่ายตามกฎหมาย รอฟ้องอาจตายก่อน


ให้คะแนน


แชร์

อภัยไม่ได้! อั๋น-คำผกา ชี้ JSL ปลดพนักงาน ต้องจ่ายชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ถ้าให้ฟ้องอาจตายก่อนได้เงินที่เหลือ บริษัทใหญ่ขนาดนี้ต้องวางแผนล่วงหน้า

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 5 ก.ค. 2565 ข่าวสดออนไลน์ จัดรายการ “ข่าวจบ คนไม่จบ” ดำเนินรายการโดย อั๋น ภูวนาท คุนผลิน และแขก ลักขณา ปันวิชัย หรือ คำ ผกา ในหัวข้อ “JSL ปิดฟ้าผ่า เยียวยาพนักงาน 16% น้ำตาท่วม”

อั๋น ภูวนาท กล่าวว่า มีพนักงานบริษัทจำนวนมากที่อยู่กับบริษัทมายาวนาน ซึ่งทางบริษัทจะต้องเยียวยาพนักงานอย่างน้อย 89 คน ตามกฎหมายจะต้องได้รับเงินชดเชยที่บริษัทปิด รวมเป็นงบที่ต้องจ่ายจำนวน 31 ล้านบาท แต่บริษัทบอกว่ามีเงินจ่ายเพียง 5,000,000 บาท แปลว่าทุกคนจะได้เงินแค่ 16% สมมติต้องได้คนละ 20,000 บาท จะเหลือประมาณ 3,000 บาท

อั๋น ภูวนาท กล่าวอีกว่า ตามกฎหมายสำหรับคนที่จะเกษียณในปี 2566 จะต้องได้รับเงินชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย คือ 400 วัน สุดท้ายจบลงตรงที่บริษัทบอกว่าให้ไปฟ้องเอา ตนรู้สึกว่าไม่แฟร์ อย่างน้อยตามกฎหมายคุณต้องรับผิดชอบ ซึ่งคนที่มีชื่อเสียงหลายคนที่เคยร่วมงานกับบริษัทก็ออกมาแสดงจุดยืนว่าบริษัททำไม่ถูกต้อง

อั๋น ภูวนาท กล่าวต่อว่า เมื่อดูงบของบริษัทย้อนหลังตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปีที่แล้ว งบของ JSL ขาดทุนต่อเนื่องมาตลอด โดยเฉพาะปี 2564 ขาดทุนสูงสุด คือ 57 ล้านบาท ก่อนหน้านี้คือ 38 ล้านบาท, 33 ล้านบาท, 24 ล้านบาท และ22 ล้านบาท ตามลำดับตั้งแต่ปี 60-63

คำ ผกา กล่าวว่า บริษัทใหญ่ขนาดนี้ คุณไม่ได้เพิ่งรู้ว่าจะเจ๊งเมื่อวาน คุณดูงบบริษัทก็ต้องเห็นแนวโน้มว่า โอกาสที่คุณจะเจ๊งมีกี่เปอร์เซ็นต์ แล้วมีแผนทางออกของบริษัทอย่างไร แล้วถ้าคุณมีกลยุทธ์การถอนตัวจากธุรกิจ สำหรับจะปิดกิจการ คุณต้องหาลู่ทางเตรียมเงินที่จะจ่ายชดเชยพนักงาน ต้องคำนวณว่าพนักงานมีทั้งหมดกี่คน

“ถ้าเขาทำงาน 20 ปี ต้องได้เงินเดือนสุดท้ายคือ 400 วัน คนที่เพิ่งเข้ามา 6 เดือน จะต้องได้รับเงินชดเชยเดือนสุดท้ายคือกี่วัน เอาตัวเลขทั้งหมดมาคำนวณก่อน แล้ววางแผนว่าเราจะมีกี่เฟสในการปลดพนักงานไปจนถึงวันปิดกิจการ”

“บริษัทต้องดูว่ามีสินทรัพย์อะไรที่จะแปลออกมาเป็นเงินได้ มีสตูดิโอ กล้องวิดีโอ มีไฟ มีที่ดิน หรือหุ้น ถ้าปิดกิจการแล้วจะไม่ได้ใช้ คุณจะต้องแปลตรงนั้นเป็นทรัพย์สินให้หมด ขาดเหลืออีกเท่าไร จะไปกู้ยืม กู้ธนาคาร เพื่อทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน การที่บริษัทไม่มีกลยุทธ์การถอนตัวจากธุรกิจ สำหรับการปิดกิจการ เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ สำหรับบริษัทที่เป็นมืออาชีพและอยู่มายาวนานขนาดนี้”

คำ ผกา กล่าวต่อว่า เมื่อมองเรื่องการฟ้อง น่าเห็นใจมากว่า พนักงานที่โดนลอยแพเหล่านี้ ไม่ได้มีต้นทุนทางสังคมสูงแบบคนที่มีชื่อเสียง แล้วการฟ้องมีค่าใช้จ่าย แต่คนจะต้องกินทุกเดือน ทุกวันที่รอกระบวนการทางการศาล มันคือความล่มสลายของชีวิต ความล่มสลายของครอบครัว และอนาคตของลูกหลาน

“สิ่งนี้มันเปิดเผยให้เห็นเนื้อในหรือตัวตนของผู้ประกอบธุรกิจว่า คุณมีธรรมาภิบาลกับการทำธุรกิจของคุณแค่ไหน ถ้าคุณเป็นบริษัทห้องแถวไก่กาหรือธุรกิจเล็กๆ แล้วไม่ได้มีความรู้อะไรมาก ยังพอเข้าใจได้ แต่คุณเป็นบริษัทใหญ่โตและมีชื่อเสียงที่ดีมากมาตลอด พวกคุณมีภาพพจน์อันเป็นคนดีมาตลอด ทำรายการเพื่อสังคม ส่งเสริมเชิดชูคุณงามความดีคนมาตลอดการดำเนินงาน แล้วคุณจะทรยศประวัติศาสตร์ทั้งหมดของบริษัทคุณด้วยคดีความที่คุณไม่จ่ายค่าชดเชยพนักงานไม่ได้”

คำ ผกา กล่าวอีกว่า บริษัทออกมาพูดว่าเงินไม่มี ขอทยอยจ่ายได้ไหม เดือนนี้จะจ่าย 16% เดือนหน้าจะจ่ายอีกเท่านี้ ขอความเห็นใจด้วย ตนมองว่าทุกวันที่ล่าช้า คุณต้องจ่ายพร้อมดอกเบี้ย แต่คุณพร้อมจะจ่ายหรือเปล่า

ด้าน อั๋น ภูวนาท กล่าวต่อว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าบริษัททำสารพัดรายการ สอนเรื่องการใช้ชีวิต สอนวิธิคิด สอนเรื่องคุณธรรมในการดำเนินขีวิต แต่ในที่สุดแล้ว อย่าให้สิ่งนี้ทำลายเกียรติภูมิที่สร้างความเป็น JSL ถึงเราจะมองว่าปิดไป แต่ตำนานมันอยู่ในใจ ต่อให้มันจบทางธุรกิจ แต่ในเกียรติภูมิต้องไม่จบสิ้นตามไปด้วย อยู่ที่ว่าคุณจะจบมันอย่างไร คุณยังเลือกได้

“พนักงานควรได้รับสิทธิที่เขาควรจะได้ แล้วการผลักไสให้เขาไปฟ้อง กระบวนการทางกฎหมายมันเป็นเรื่องโหดร้าย ในวันที่เรารู้สึกโลกไม่ยุติธรรมต่อเรา เราจะเจอกระบวนการทางกฎหมายที่รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมต่อผู้เสียเปรียบมากๆ โดยเฉพาะกลไกทางเวลา และต้นทุน จะมีความยื้อไปเรื่อยๆ จนเราอ่อนแรงไปเอง และเราอาจจะตายก่อนได้ 84% ที่เราพยายามสู้”

คำ ผกา กล่าวเสริมว่า ถ้ายื้อไปเรื่อยๆ มันจะเกิดภาวะของผู้ที่มีสายป่านสั้นกว่าก็ต้องยอมประนีประนอม แทนที่จะได้ 400 วัน ท้ายที่สุดเราจะยอมรับที่ 150 วัน ถ้ายื้อต่อไปไม่ได้ จะเข้าอีหรอบที่ว่า นายทุนเป็นผู้ที่ไม่เคยต้องเจ็บ เวลาที่มีอะไรแบบนี้เกิดขึ้น

คำ ผกา กล่าวอีกว่า ในฐานะที่ตนเป็นแฟน JSL มาตั้งแต่เด็ก ขออย่าให้มันไปถึงจุดที่จะต้องมีพาดหัวข่าวว่า กระชากหน้ากากเจ้าของ JSL จากคนทำรายการที่หวังจะสร้างสังคมดีๆ แล้วมีวันหนึ่งที่แค่ทำตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานง่ายๆ คุณก็ไม่ยอมทำ มันไม่มีข้ออ้างที่คุณจะไม่ทำ คุณมีเวลาเตรียมตัวสำหรับแผนทางออกในการปิดกิจการ

อั๋น ภูวนาท กล่าวว่า ตนเคยอยู่ในบริษัทที่มีการปลดพนักงานออก ตนคิดว่าเป็นการบริหารจัดการในรูปแบบหนึ่ง แม้จะมีคนพูดว่า เจ้าของยังใส่เพชรเม็ดใหญ่อยู่เลย แล้วก็ด่าเขาว่าเป็นคนเลว สำหรับตนไม่คิดว่าเขาต้องเอาบ้านไปจำนองเพื่อประคองบริษัท นั่นอาจไม่ใช่วิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่ดีก็ได้ บางครั้งการปรับโครงสร้างองค์กรคือสิ่งที่จำเป็น ตราบใดที่เขาปรับแล้วเขายังดูแลคุณตามกฎหมาย ถ้าเขาให้ออก แล้วชดเชยตามกฎหมายหรือไม่ ถ้าทำตามกฎหมายก็โอเค มองว่าการที่ JSL เอาคนออกไม่ผิด แต่การที่จ่ายแค่ 16% คือผิด

คำ ผกา ทิ้งท้ายว่า การปลดออกและการจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายเป็นเรื่องปกติมาก ไม่ผิดเลยถ้าจะปรับโครงสร้างองค์กรและปลดพนักงานออก เพราะมันเป็นตัวเลือกของเจ้าของธุรกิจ และเจ้าของธุรกิจไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด แต่มีเรื่องเดียวเท่านั้นคือคุณต้องจ่ายเงินชดเชยทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่การปิดกิจการของคุณ ซึ่งคุณมีฝ่ายกฎหมายของบริษัทที่รู้ว่าคุณต้องเตรียมเงินเท่าไรสำหรับจะจ่ายพนักงาน แล้วคุณไม่ทำ อันนี้คือผิด การปิดกิจการธุรกิจเจ๊งไม่ผิด แต่การไม่จ่ายเงินชดเชยพนักงานตามกฎหมาย ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ผิด

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7146971
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7146971