เต๊ะ ศตวรรษ ขอบคุณพระเจ้า ให้โอกาสใช้ชีวิตคู่อีกครั้ง ดูใจแฟนสาว 6 เดือนพร้อมแต่ง


ให้คะแนน


แชร์

เต๊ะ ศตวรรษ ขอบคุณพระเจ้า ให้โอกาสใช้ชีวิตคู่อีกครั้ง ดูใจแฟนสาว 6 เดือนพร้อมแต่ง เชื่อมั่นไร้ปัญหาช่องว่างระหว่างวัย

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

เตรียมเข้าพิธีแต่งงานเป็นครั้งที่ 2 แล้วสำหรับอดีตนักแสดงหนุ่ม เต๊ะ ศตวรรษ เศรษฐกร โดยเจ้าตัวเล่าถึงสาเหตุที่ตัดสินใจแต่งงานทั้งเพิ่งดูใจกับ แจ๊คกี้ แพรวไพลิน ว่าที่เจ้าสาวแค่ 6 เดือนว่า “ขอบคุณพระเจ้าที่ยังอวยพรให้ผู้ชายวัย 40 อย่างผมได้มีครอบครัวต้องเรียกว่าเตรียมตัวเริ่มต้นในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ ผมกับแฟนแต่งงานกันครับ แต่งที่โบสถ์ คริสตจักรที่ 2 ตรงสามย่าน”

เจ้าสาวคนนี้เป็นใคร? “เขาเป็นคริสเตียนเหมือนผม แล้วก็ปัจจุบันเป็นแอร์ของไทยสมายล์ เรารักกันจึงแต่งงานกันแต่สาระสำคัญมุมมองของคริสเตียนถ้าเราเจอคู่ที่เรารัก พระเจ้าก็อยากจะอวยพรคู่ของเราผ่านการสมรส ถามว่าคบกัน 6 เดือนเร็วไปไหม บางคนอาจจะมองว่าเร็วไป แต่ผมคิดว่าวุฒิภาวะ 40 ปีของผมกับว่าที่ภรรยาวัยใกล้จะ 30 ปี เป็นช่วงวัยที่ไม่เด็กแล้ว สามารถดูแลตัวเองได้และมากกว่านั้นเราอยากให้งานแต่งของเราให้พระเจ้าอวยพรให้มีลูกมีหลาน ไม่อยากที่จะปล่อยให้ตัวเองอายุมากขึ้นกว่านี้ด้วย

ถูกใจอะไรจนถึงขั้นแต่งงานเพราะด้วยระยะเวลาการศึกษาไม่ได้นานมาก? “อย่างแรกเขารักพระเจ้าเหมือนอย่างที่ผมรัก ต้องยอมรับว่าชีวิตของคริสเตียนมีกรอบบางอย่างในการดำเนินชีวิตเช่นวันอาทิตย์เราจะต้องไปโบสถ์ ถ้าสมมติว่ามีคนมาเป็นคู่ชีวิตผมเขาจะไม่เข้าใจชีวิตธรรมเนียมในการใช้ชีวิตของผม มันยากที่จะใช้เวลาร่วมกันแต่เขาเองเป็นคนที่รักในพระเจ้าและสนับสนุนผมในภารกิจต่างๆ”

“ถ้าเกิดคนที่ไม่เข้าใจชีวิตของผมมันอาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งได้ แต่เขาเองเป็นคนที่รักพระเจ้ามากและด้วยชีวิตวัยเด็กของเขาจนโตขึ้นมามีความคล้ายกับผมพอสมควร คล้ายจนบางทีตกใจว่าเคยเผชิญปัญหาแบบนี้ด้วยเหรอ เมื่อสองคนมีความคล้ายกันในระดับที่สามารถพูดคุยได้เกือบทุกเรื่องผมคิดว่ามันเป็นประตูที่ดีในการที่เราจะเปิดใจอย่างรวดเร็ว ยอมรับว่า 6 เดือนเราก็เปิดใจกันอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญที่สุดคืออยู่ด้วยแล้วมีความสุข”

แสดงว่า 6 เดือนที่ผ่านมา ผ่านทุกข้อ? “เกือบทั้งหมดดีกว่าครับเพราะคนเราก็ต้องมีความคิดที่แตกต่างกันบางส่วนเรามีความคิดที่แตกต่างแต่ก็ไม่ได้ก่อปัญหาขึ้นมาอาจจะมีความคิดที่ไม่เหมือนกันแต่สุดท้ายเราก็หาทางออกที่สามารถสมดุลกันได้”

อายุต่างกันค่อนข้างเยอะมีปัญหาในช่วงของวัยหรือเปล่า? “ห่างกัน 10 ปีนิดๆ ครับ ต้องยอมรับว่าช่วงอายุระหว่าง 30 กับ 40 มันดูเหมือนไกล แต่เจนเราอยู่ในเจนเดียวกัน ทัศนคติในการมองค่อนข้างที่จะใกล้กันยังไม่พบปัญหาช่วงวัยตรงนี้ผมคิดว่าช่วงวัยไม่น่าที่จะเป็นปัญหาได้ ผมคิดว่าเรื่องการวางแผนอนาคตมากกว่าที่หลายคนกังวลยุคนี้ความเหลื่อมเรื่องของช่วงวัยไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่แล้วอยู่ที่ความสำคัญของเรามากกว่า”

ด้วยระยะเวลาที่คบกันไม่นานตอนที่เราขอแต่งงานเขาตกใจหรือเปล่า? “เรื่องของการแต่งงานเป็นการพูดคุยกันมากกว่าไม่ได้เป็นเรื่องอะไรที่เซอร์ไพรส์ จริงๆ 3 เดือนแรกก็เริ่มคิดว่ามันใช่เขาเองก็เห็นดีด้วยรู้สึกว่าเราก็น่ารักก็เลยเป็นบทสนทนาที่เราคุยกันมาสักระยะหนึ่งแล้วพอถึงจุดที่อิ่มตัวเราก็มานั่งคุยกัน ในเมื่อเราคิดเหมือนกัน เราก็มาแต่งงานกันนะเป็นการคุยแบบนี้ไม่มีการเซอร์ไพรส์”

ครอบครัวทั้งสองฝ่ายว่าอย่างไรบ้าง? “โอเคครับ ได้มีโอกาสพูดคุยกันแล้ว (งานแต่งจะเป็นอย่างไรบ้าง?) เป็นงานเล็กๆครับเชิญแขกไม่กี่ร้อยคน ด้วยขนาดของคริสตจักรด้วย เป็นเพื่อนๆ พี่น้องสมาชิก และญาติของทั้ง 2 ฝั่งมาร่วมงาน”

พร้อมที่จะมีลูกหรือยัง? “ผมเองก็อยากที่จะเล่นกับลูกของผม วิ่งกับลูกโดยที่หัวเข่าไม่ดังเป็นประทัด คิดว่าถ้าเกิดพระเจ้าอวยพรก็ปล่อยให้เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกขอบคุณพระเจ้า ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนที่ยอมแพ้ในเรื่องของชีวิตคู่ไปแล้ว หลายท่านคงทราบว่านี่เป็นการแต่งงานครั้งที่ 2 ของผม”

“ผมรู้สึกว่าการแต่งงานครั้งแรกของผมเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ แต่ด้วยความที่เป็นผู้ชายที่ไม่น่ารัก เป็นสามีที่ไม่ดี ไม่ซื่อสัตย์ต่อภรรยา ทำให้เกิดปัญหาชีวิตมากมายในชีวิตครอบครัว แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ผมมองตัวเองผมไม่สามารถที่จะเริ่มต้นใหม่กับใครได้ ใครจะมาเอาผู้ชายแบบผม พระเจ้าได้เปลี่ยนและให้โอกาสผมในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาพระเจ้าก็ช่วยขัดเกลา ทั้งตี ทั้งทุบ ทั้งสอนใหม่ ให้เราเริ่มต้นใหม่ให้”

“เราเข้าใจบทบาทของผู้ชายที่มีต่อผู้หญิงแล้วเราก็มีการเข้าไปเรียนคอร์สแต่งงานคริสตจักร เรามีการเรียนคอร์สแต่งงานด้วยเราได้เข้าไปเรียนทำให้ได้เห็นว่าชีวิตคู่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าเกิดเรามีศูนย์กลางเป็นความรักและการให้อภัยมันจะเดินต่อไปได้และสิ่งสำคัญคือความซื่อสัตย์”

ใช้ชีวิตโสดมา 4 ปีก่อนเจอคนนี้? “มีคนคบครับ แต่ก็ไม่ได้เข้าสู่โหมดที่เราจะก้าวไปเรื่องของการที่จะแต่งงาน อย่างที่บอกว่าชีวิตแต่งงานเป็นประสบการณ์ที่ดี แต่ตัวผมก็ยังมีความกลัวว่า ผมพร้อมหรือยังมากกว่า คนอื่นพร้อม แต่ผมอาจจะยังไม่พร้อม เมื่อถึงจุดที่ผมสำรวจตัวเอง ทั้งตัวเขาเองก็มีส่วนในการสำรวจผมก็คิดว่าผมพร้อมที่จะเดินไปข้างหน้าได้แล้ว”

“การที่เราได้ใช้เวลากับใครสักคน ถึงแม้ว่าเราจะมีข้อผิดพลาด ข้อบกพร่องบุคลิกที่มันอาจจะไม่น่ารัก แต่ในมุมของเขาเองรู้สึกว่า เรายังมีคุณค่าสำหรับเขามันทำให้เราอยากที่จะปรับตัวให้ดียิ่งขึ้นมันทำให้เราอยากที่จะรักษาความสัมพันธ์แบบนี้ไว้เสมอ”

เจอกันได้อย่างไร? “ผมเคยเจอเขาเมื่อ 4 ปีก่อนตอนนั้นผมไปทำภารกิจที่เชียงรายเขาเป็นแอร์ในไฟลต์นั้นพอดี ตอนเห็นก็รู้สึกว่าทำไมแอร์คนนี้น่ารักจัง จำชื่อเขาได้ แต่เราก็ไม่ได้คุยอะไรทักทาย สวัสดีครับ เวลาเจอคนสวยก็ตื่นเต้นเหมือนกัน และก็ไม่ได้คุยกันเลย มาช่วงปลายปีหรือต้นปีก็ได้ไปเจอเขาในเฟซบุ๊กรู้สึกว่าทำไมคนนี้หน้าตาคุ้นจัง เข้าไปดูเลยตกใจว่าเป็นคนเดียวกับที่เราเคยเจอ เลยทักเข้าไปคุยตอนที่ทักเข้าไปคุยก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องจีบหรือเรื่องชู้สาว”

“พอดีว่าเขาเข้าไปคอมเมนต์ในระดับความเชื่อของคริสเตียนบางอย่าง ผมเลยรู้สึกว่าคนนี้เขามีความเชื่อที่เข้มแข็งก็เลยทักบอกว่า ดีนะที่คุณมีความเชื่อแบบนี้ แต่พอเข้าไปดูเรื่อยๆ ก็รู้ว่าเขาเป็นคนนั้นและก็เริ่มมีการทักทายคุยกันมากขึ้น หลังจากนั้นได้เริ่มต้นความสัมพันธ์ให้มากขึ้นจนมาเป็นแฟนกันจนถึงวันนี้ครับ”

ว่าที่เจ้าสาวชื่ออะไร? “แจ๊คกี้ เป็นลูกครึ่งนิวซีแลนด์ ครอบครัวเขาเกิดที่ไทยหมดเลยครับ อยู่ที่ไทยครับ (เขากังวลเรื่องความเจ้าชู้ของเราไหม?) ผมคิดว่า ถ้าถูกตี ถูกสอนขนาดนั้นแล้วยังไม่หลาบจำ ผมคิดว่าพระเจ้าคงต้องตีและสอนหนักกว่านี้แน่นอนเลย”

“ผมคิดว่าทุกคนมีโอกาสที่จะมีเชื้อบาปหรือความคิดแบบนี้ได้ถ้าเกิดคุณผ่านประสบการณ์สูญเสียแล้ว และพระเจ้าก็ได้ให้โอกาสส่งคนดีๆมาอีกถ้าเกิดคุณไม่กลับใจไม่เรียนรู้ผมคิดว่ามันน่าเสียใจมากๆและผมคิดว่าช่วงวัยและประสบการณ์ในวัย 40 ของผม ผมเรียนรู้อะไรมามากพอแล้วทุกเรื่องผมคิดว่าผมพร้อมที่จะตั้งต้นดำเนินตามหลักคำสอน”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7150865
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7150865