“นิหน่า” ไม่ท้อ สู้ไปด้วย สามีป่วยมะเร็งตับ รับถึงโรคสงบ แต่ยังไม่วางใจ


ให้คะแนน


แชร์


“นิหน่า” เผยต้องติดตามอาการ “แบงค์ พชร” ทุกๆ 3 เดือน หลังตรวจพบมะเร็งตับ รับยังไม่วางใจ ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่มีประโยชน์คิดถึงเรื่องในวันข้างหน้าที่อาจจะเกิดหรือไม่เกิด ใช้ชีวิตให้มีความสุข บอกทานอาหารมีประโยชน์ ออกกำลังกาย แซวสามีเปลี่ยนแนวเป็นสายคลีน เหมือนได้สามีใหม่

จากกรณีที่ “แบงค์ พชร ปัญญายงค์” สามี “นิหน่า สุฐิตา สุฐิตา ปัญญายงค์” ตรวจเจอก้อนเนื้อร้ายที่ตับ ขนาดประมาณ 4 เซนติเมตร ตรวจพบตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ต่อมามีการทำ TACE (คีโมเฉพาะจุด) ก่อนจี้ความร้อนเอาส่วนที่เหลือออก

ล่าสุดในงานแถลงข่าว การเปิดตัว “เลโก้สโตร์” แห่งที่ 2 ของไทย ณ ชั้น 1 โซนเมกา คิดส์ เมกาบางนา สาวนิหน่าก็เผยว่ายังพูดไม่ได้ว่าหายขาด ต้องติดตามอาการทุก 3 เดือน ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์

ตอนนี้ต้องติดตามไปเรื่อยๆ ค่ะ ทุกๆ 3 เดือนจะไปตรวจ MRI อีกทีหนึ่งว่าเป็นยังไงบ้าง มีอะไรปกติดีไหม มีอะไรโผล่ขึ้นมาใหม่ไหม หรือว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม ประมาณนั้นค่ะ ถามว่าหายขาดไหม มันก็พูดยากเนาะ ตอนนี้เท่าที่ดู MRI รอบล่าสุด ตัวสี่เซนฯ มันตายไปแล้ว ใช้วิธีความร้อน หมอเขาก็จะไม่พูดอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าหายแน่นอนเพราะสุดท้ายเราก็ต้องดูไปเรื่อยๆ อยู่ดีว่ามันหมดไปจริงหรือเปล่า จะมีอะไรขึ้นมาใหม่ไหม ซึ่งมันก็เป็นแนวทางที่ต้องติดตามต่อไป”

“พอมันไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์ เราก็ต้องเฝ้าระวังไปเรื่อยๆ เป็นลักษณะของการดูแลสุขภาพ ทานอาหารให้มีประโยชน์ อะไรที่ไม่ดีกับร่างกายก็ต้องงดให้หมด ออกกำลังกาย ไม่เครียดประมาณนั้น”

“ก่อนหน้านี้ไม่ได้ผ่าค่ะ คือเป็นลักษณะเอายาเข้าไปที่ก้อนโดยตรง เขาก็จะดูว่าก้อนมันเล็กลงหรือเปล่า พอเล็กลงในจุดที่สามารถใช้ความร้อนจี้ได้ก็จะจี้ ไม่ได้คีโมค่ะ ก็มีคนถามหลังไมค์มาหลายคนเหมือนกันว่า อยากจะรักษาแบบนี้ได้ไหม นิหน่าว่าต้องแล้วแต่เคส ต้องแล้วแต่หมอมากกว่าเพราะว่าแต่ละท่านจะมีอาการไม่เหมือนกัน จุดเริ่มของโรคก็ไม่เหมือนกัน อย่างของพี่แบงค์เขาไม่ได้เป็นไวรัสตับ ไม่ได้เป็นตับแข็ง แต่อยู่ดีๆ มันก็มีก้อนเนี่ยโผล่ขึ้นมา แล้วเราตรวจร่างกายเจอ วิธีการรักษามันอาจจะต่างกันไปแต่ละคน”

“ก็ถือว่าเจอเร็ว คือเจอเร็วแต่มันก็ใหญ่เร็วเพราะว่าระยะเวลาแค่ปีเดียวเองที่ตรวจร่างกายครั้งที่แล้ว พอตรวจร่างกายครั้งต่อมา มันขึ้นมา 4 เซนฯ อาจจะมีอัตราเร่งจากการใช้ชีวิตของเขาด้วยและอะไรหลายๆ อย่าง”

ยอมรับตกใจตรวจเจอครั้งแรก
“ตกใจค่ะ ดูจากฟิล์มมันดูยากว่าเป็นเนื้ออะไร เพราะมันยังเป็นทรงกลม ก็ต้องปรึกษาคุณหมอหลายท่านเหมือนกัน ต้องเจาะมาดูว่าผลมันเป็นยังไง เพิ่งไปตรวจมาล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน จะไปตรวจอีกทีเดือนธันวาคม ก็จะไปเช็กอัป 3 เดือนครั้ง ก็จะเป็น 3 เดือนครั้ง ไปประมาณปีถึงสองปี ถ้ามันนิ่งก็ต้องไป 6 เดือนครั้งหนึ่ง ห่างขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่มีอะไรขึ้นมาใหม่ในนั้น”

เหมือนได้สามีใหม่ สายคลีน
“ตั้งแต่รู้เรื่องเดือนพฤษภาคม แอดมิดไป 2 คืนเองค่ะ ก็คือ 2 ครั้ง ครั้งละคืนก็ออกไม่ได้นอนโรงพยาบาลนาน ตอนนี้สายคลีนค่ะ คลีนมาก เป็นสามีคนใหม่ ทานกาแฟ เพราะว่าเขามีวิจัยว่ากาแฟช่วยยับยั้ง กาแฟดำนะคะ ไม่ใส่น้ำตาล ช่วยยับยั้งเรื่องของการเกิดมะเร็งในตับได้ ก็เลยหันมาสนใจกินกาแฟ พอกินข้าวเสร็จก็จะชวนภรรยาไปคาเฟ่ เราก็มองว่าดีเหมือนกัน”

วิถีชีวิตเปลี่ยนไป เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายมากขึ้น
“วิถีชีวิตเราก็เปลี่ยนไปด้วย ปกติมื้อเย็นเราจะหาอะไรกินกันไปเรื่อยเปื่อย มีอะไรก็กิน ตอนนี้จะเริ่มมื้อเย็นเป็นผักเพราะว่าเช้ากลางวันบางทีเราออกไปทานข้างนอก เลือกได้ไม่มาก ก็พยายามเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ มื้อเย็นเรามานั่งทานผักกัน ก็ดีเราก็ผอมด้วย สามีก็ได้สุขภาพดีด้วย แล้วเขาก็จะเริ่มวิ่ง รายการไหนมีวิ่งก็จะไปวิ่ง เดินออกกำลังกายมากขึ้น ส่วนพวกเนื้อสัตว์ก็ยังทานนะคะ เอาจริงๆ คุณหมอก็ไม่ถึงขั้นต้องห้าม แต่ให้เลือกทานอาหารที่สะอาด ปรุงใหม่ อย่ากินอะไรซ้ำๆ กันบ่อยๆ”

เลิกปาร์ตี้ กลับบ้านเร็วขึ้น
“เดี๋ยวนี้เขากลับบ้านเร็วกว่านิหน่าอีก บางทีเราอยู่กับเพื่อน เขาก็อยากจะกลับบ้านแล้ว พาลูกกลับก่อนนะให้เราอยู่ต่อก็ได้ ไม่มีดื่มเลย เป็นพชรสายคลีน (เหมือนได้สามีใหม่?) ก็ดีเหมือนกัน (หัวเราะ) ตอนนี้เราพูดกันเล่นสนุกได้เนาะ พอเราเครียดเขาก็จะเครียด ถ้าเรามองสิ่งเหล่านี้มันเข้ามาหาเรา โชคดีที่เราเจอเร็ว โชคดีที่มันทำให้เขาเปลี่ยนในการใช้ชีวิต มันเป็นเรื่องที่โอเค ที่เหลือเราก็ทำใจให้โอเค สู้กับมันไป”

ตอนนี้มันยังไม่มีอะไรที่เกิดขึ้น เราก็อย่าเพิ่งไปกังวลกับสิ่งที่มันยังไม่เกิด ดีอีกอย่างหนึ่งตั้งแต่มีเรื่องนี้ หลายๆ คนก็ส่งข้อความมาหาเรา ว่าเขารีบไปตรวจร่างกายเลยนะ อย่างแบงค์ไม่เคยแอดมิดเลยก็ยังเกิดเรื่องอย่างนี้ได้ เราก็ดีใจที่มันเป็นอุทาหรณ์ให้หลายๆ คนเขาหันมาตรวจสุขภาพทุกปีและมาใส่ใจสุขภาพตัวเองมากขึ้น”

ไม่มีประโยชน์คิดถึงเรื่องข้างหน้าที่อาจจะเกิดหรือไม่เกิด
“พอดีมีรุ่นพี่ท่านหนึ่งเขาเตือนสติเรา เขาบอกว่าวันนี้เรารู้เท่านี้ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเท่านี้ มันไม่มีประโยชน์ที่เราจะไปคิดถึงเรื่องวันข้างหน้าว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจะเป็นอย่างนี้ไหม เพราะมันอาจจะเกิดหรืออาจจะไม่เกิดก็ได้ แล้วเราจะเอาเวลาที่มีอยู่ตอนนี้ไปนั่งเครียดนั่งกังวลกับเรื่องพวกนั้นยังไง พอคิดได้อย่างนี้เราก็จะนิ่งขึ้น”

“พี่แบงค์เขาก็จะเห็นว่าเรานิ่งขึ้นจริงๆ ไม่ได้แกล้ง คือคนเราถ้าแกล้งไม่เครียดกับไม่เครียดจริงๆ มันดูออก แล้วพอเราไม่เครียดเขาก็จะไม่เครียด ทุกคนในครอบครัวก็ไม่เครียด เราก็ปกติเพียงแต่จะมีคนมาถามไถ่เป็นห่วงเยอะ เขาก็จะบอกว่าโอเค ตอนนี้ทุกคนโอเค ก็รู้สึกดีที่มีคนห่วงเราเหมือนกัน ก็ต้องขอบคุณด้วยค่ะ”

ที่มา : ดารา
ขอขอบคุณ : ดารา