“คาแรกเตอร์ของเดี่ยว จริงๆ เป็นคนไม่ค่อยแสดงออกมากนักในแง่ความรู้สึก มองโลกค่อนข้างลึก มีเหตุผลกับโลกมากๆ เป็นตัวละครที่ไม่ได้ตามอารมณ์ขนาดนั้นเขามองและเข้าใจในความเป็นไปของสิ่งที่เป็นอยู่ในโลก ถามว่าเขาเจ็บปวดมั้ย เจ็บปวดแต่เขาเข้าใจ ไม่ได้ฟูมฟายไม่ได้งมงาย จริงๆแล้วเขาก็เป็นคนโรแมนติกนะแต่ไม่พูด ขี้อาย คือในหัวเร็วมากแต่แสดงออกช้า ในหนังเราจะเห็นว่าเสียงในหัวเขาเร็วมาก พูดแบบ non-stop (คิดเร็วต่อเนื่อง แบบไม่หยุดคิด) แต่มันตอบมาแค่ “อ่า” บทเดี่ยวมันก็ใช่ตัวผมนะ ไม่ได้ฝืน แค่เป็นคนธรรมชาติแบบคิดเยอะ ซึ่งไม่เหมือนทั้งหมด ผมว่าผมพูดไปเรื่อยเดี่ยวมีความ loser ในตัวบางอย่าง ถ้าเป็นคนที่ไม่ใช่เซฟโซน เขาจะโอเพ่นกับคนค่อนข้างยาก และมีอาชีพนักเขียนบทอิสระต๊อกต๋อย

ส่วนการทำงานกับพี่ตุ๋ย ผกก. เจอพี่ตุ๋ยเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 3 รับเล่นเพราะคืองานของพี่ตุ๋ย เราเชื่อใจไว้ใจกัน และกัน ผมอ่านบทแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่โรแมนติก-คอมเมดี้ ผมเล่นคอมเมดี้มาสองเรื่องและผมเหนื่อยกับการเล่นแบบนั้นมาก พออ่านบทในพาร์ต ที่รับผิดชอบของเรามันสวย อ่านแล้วผมนึกถึงหนังญี่ปุ่น มันค่อยๆเดินทาง ค่อยเป็นค่อยไป ชอบครับ อ่านเรื่องนี้ผมรู้สึกว่าเป็นภาระยิ่งใหญ่มากที่ต้องแบกรับความรู้สึกของเขา มันมีคุณค่าทางจิตใจสำหรับเขา และเขาให้เกียรติในการถามเราว่าอยากเล่นมั้ย ผมรู้สึกว่ามันเป็นเกียรติในชีวิตผม ไม่ยากเลยที่จะตัดสินใจเล่น มันคือหนังรักอารมณ์ตุ๋ย ที่รู้จักพี่ตุ๋ยมาเขาก็จะเป็นคนอย่างนี้แหละ มีความอ่อนโยน ละเอียดอ่อน อยากให้เพื่อนๆได้ดูครับ มันฟูดี แล้วอะไรทำให้ผมใจฟูที่สุด ได้เห็นคนออกจากบ้านมาใช้ชีวิตที่ปกติ ได้เห็นรถติด ผมมีความสุข ได้เห็นพี่ๆน้องๆได้กลับมาทำงาน ได้ออกมาต่อสู้ ผมรู้สึกว่าแค่นี้ก็ดีแล้ว เพราะว่าทุกคนสมควรได้รับโอกาสครับ”

ติดตามชมภาพยนตร์ “ใจฟู..สตอรี่” 11 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์.