ดู๋ สัญญา ยืนยัน เจาะใจ ไปต่อ หลัง JSL ประกาศยุติการทำงานบางส่วน


ให้คะแนน


แชร์

ดู๋ สัญญา ยืนยัน เจาะใจ ไปต่อ หลัง JSL ประกาศยุติการทำงานบางส่วน

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

วันที่ 21 ก.ค. ที่ ลานหน้าตึกแกรมมี่ ดู๋ สัญญา คุณากร พิธีกรชื่อดัง ให้สัมภาษณ์หลังเดินทางมาร่วมบวงสรวงละคร สายรุ้ง ถึงการกลับมารับละครในรอบ 8 ปี พร้อมเปิดใจถึงทิศทางของรายการ เจาะใจ หลังบริษัท เจเอสแอล โกลบอล มีเดีย จำกัด ประกาศยุติการทำงานบางส่วน

กลับมารับละครในรอบ 8 ปี? “จริงๆ ไม่เคยบอกว่าไม่รับละครเลย แต่ว่าในช่วงเวลาก่อนหน้านี้มันก็จะมีรายการเยอะกว่าละคร แล้วละครโดยมากเกือบจะทุกเรื่องต้องการคิวในสัปดาห์หนึ่งประมาณ 2-3 วัน แล้วตอนนั้นอาจจะจัดเวลาไม่ค่อยได้ก็เลยไม่มาจ้าง

แต่จริงๆ ผมก็ยินดีรับในสิ่งที่ผมแสดงได้ ไม่ได้เก่งมาก ไม่ได้แสดงได้ทุกบทบาท แต่ว่าก็พยายามตั้งใจกับทุกงานที่ทำการแสดง พอดีว่าก็มีช่วงเวลาของรายการที่มันเหลือน้อยลงซึ่งอันนี้เป็นธรรมชาติที่เราก็เห็นกันอยู่ ก็จะมีเวลามากขึ้นก็สามารถจัดคิวให้กับละครได้ ก่อนหน้านี้ก็จะมีซีรีส์และภาพยนตร์ติดต่อมา ซึ่งเล่นไปบ้างแล้ว”

แล้วกับละครเรื่อง สายรุ้ง มีเหตุผลพิเศษไหมที่คิดว่าต้องรับแล้วล่ะ? “ทางเช้นจ์ติดต่อเข้ามาแล้วก็บอกก่อนเลยว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ๆ บทที่จะให้ผมเล่นเป็นประมาณอย่างนี้ ผมฟังแล้วก็บอกว่าสนใจแต่ว่าผมจะทำได้อย่างที่คุณต้องการหรือไม่ เพราะว่าไม่ได้เป็นนักแสดงผู้เชี่ยวชาญ โอเคถ้าเป็นสมัยก่อนหน้านี้ผมก็ยังแสดงละครค่อนข้างเยอะกว่าทุกวันนี้ บทนี้ที่ได้รับก็เป็นบทที่น่าสนใจมาก อยากให้ลองติดตามดูเพราะมันมีความลับซ่อนอยู่ในตัวละครนี้ครับ”

เคาะสนิมเยอะไหม? “ไม่เยอะนะครับ อยู่ในระดับที่ทำงานได้ ไม่ได้เป็นภาระ การได้กลับมาอยู่ในกองละครอีกครั้งก็รู้สึกดีและตื่นเต้นด้วย ช่วงก่อนหน้านี้ที่เริ่มถ่ายทำละคร กลายเป็นว่าธุรกิจบันเทิงเป็นธุรกิจของความตื่นเต้น ทั้ง Swab ทั้งระแวง ทั้งมีข่าวคนนั้นคนนี้ติด คือเราไม่ได้กลัวเพราะอาการมันไม่ได้เยอะ แต่เราจะเสียหายกับงานของคนอื่นไปด้วยที่ต้องไปกักตัว”

หลังจากนี้จะรับงานแสดงต่อๆ เลยไหม? “จริงๆ ก็รับมาโดยตลอดนะครับถ้าคิดว่าบทบาทนั้นผมทำงานได้ดี ไม่เคยปฏิเสธว่าฉันไม่เล่นละคร ไม่แสดงภาพยนตร์ ไม่เคยมีเลยครับ เดี๋ยวเร็วๆ นี้ก็จะได้เห็นกันอีกกับผลงานภาพยนตร์ครับ”

ถามถึงทิศทางรายการ เจาะใจ หลังเจเอสแอลประกาศปิดตัว? “(หัวเราะ)ผมเป็นลูกจ้างชั่วคราวเป็นฟรีแลนซ์ที่เป็นผู้ดำเนินรายการ ผมเองก็สนิทกับทั้งลูกจ้างและเจ้าของ แล้วผมก็ได้คุยกับทั้งสองฝั่ง ในฝั่งลูกจ้างก็เป็นกระบวนการปกติที่ต้องเรียกร้องสิ่งที่ตัวเองต้องได้ ฝั่งนายจ้างที่ผมได้ยินมาก็คือมีความยากลำบากในการจัดการการเงินของตัวเองนั่นคือปัญหาที่เขาเกิดขึ้น

สิ่งหนึ่งที่ผมต้องช่วยต่อก็คือว่าถ้ารายการไหนยังไปต่อได้ก็ต้องออกไปทำงาน เพื่อให้เกิดการจ้างงานกับพนักงานที่ยังเหลืออยู่ จริงๆ ก็คือไม่เหลือแล้วล่ะ จ้างเป็นฟรีแลนซ์แล้วล่ะ ส่วนฝั่งผู้จะต้องจ่ายเงินจะได้หาเงินมาจ่าย แต่แน่นอนฝั่งผู้ที่จะต้องเรียกร้องสิ่งที่ตัวเองจะได้รับก็ต้องเรียกร้อง ผมว่ามันก็ต้องเป็นกระบวนการแบบนั้น”

“ส่วนตัวรายการเจาะใจสำหรับผมมันไม่ได้อยู่พ่วงไปกับการเกิดกระบวนการมองไม่ตรงกันหรือว่าปฏิบัติการไม่ตรงกันระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ตัวรายการเป็นรายการที่มีเนื้อหาที่ให้แรงบันดาลใจและความรู้ซึ่งเป็นประโยชน์จริงๆ สำหรับคนดู

แล้วผมแยกว่าประโยชน์ที่ยังเหลืออยู่ของวงการโทรทัศน์ต้องดำเนินการต่อครับเพราะว่ามันเป็นส่วนน้อยแล้ว แน่นอนสิ่งที่อยู่รอดจะเป็นความบันเทิงมากกว่า แล้วสื่อโซเชียลจะใหญ่กว่าตลอดเวลา แต่ถ้าวงการโทรทัศน์ยังมีสื่อที่เป็นประโยชน์อยู่สำหรับผม ผมจะต้องช่วยให้มันไปต่อได้เท่าที่จะทำได้”

ยืนยันว่ารายการ เจาะใจ ยังไปต่อ? “ใช่ครับเจาะใจยังไปต่อ ด้วยทีมงานเดิมด้วยนะครับ”

ในส่วนของตัวเราเองกับการทำหน้าที่พิธีกรมันกระทบมากน้อยขนาดไหน? “มีเรื่องของความไม่สบายใจครับ อย่างฝั่งของทางเจ้าของบริษัทผมก็ได้บอกกับท่านว่าถ้าผมเป็นพนักงานผมก็ฟ้องพี่เหมือนกัน แต่พอเขาเล่าฝั่งเขาว่ามีความเดือดร้อนมีความลำบากในเรื่องการเงินมาก ผมก็เห็นใจเขา เลยมองว่ากระบวนการที่ต้องเป็นไปในความถูกต้องก็ต้องเกิด กระบวนการช่วยเหลือให้รายการที่ยังดีอยู่ที่ยังไปได้เพื่อให้เกิดการจ้างงานเพื่อให้เกิดรายได้ให้เอามาจ่ายพนักงานได้ก็ต้องทำ

ในแง่ที่เราเป็นส่วนหนึ่งของกลไกคือถ้ามองจากฝั่งของตัวเจ้าของรายการเขาบอกว่าถ้าผมไม่ทำมันจะเกิดปัญหาเพราะว่าผมทำมา 30 ปี ถ้าผมเลิกแล้วเป็นรายการเดิมแต่เอาคนใหม่มาทำก็ดูจะลำบาก ผมก็บอกไม่เป็นไรผมจะรักษาคอนเซ็ปต์ของความตั้งใจดีที่ยังมีอยู่ของรายการโทรทัศน์และจะทำให้มันดำเนินการต่อได้”

ถามถึง โหน่ง วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ หนึ่งในพิธีกรขอลาออกจากการทำรายการ เขาได้มาปรึกษาไหม? “ไม่ได้ปรึกษาครับ ผมเข้าใจโหน่งนะครับ เขามองว่ามันเป็นการแสดงออกเพื่อเรียกร้องให้เกิดผลในทางบวกให้กับพนักงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมก็โอเค และยอมรับในการตัดสินใจของเขา”

ตอนนี้ความรู้สึกลำบากใจหรือไม่สบายใจมันลดน้อยลงไหม? “ผมแยกเป็นอย่างนี้ครับ ความไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะรู้จักทั้งสองฝั่งมันก็ยังอยู่ ตอนนี้ฝั่งหนึ่งก็บอกว่ากำลังหาเงินเพื่อเอามาจ่าย ฝั่งหนึ่งก็เรียกร้องตามสิทธิ์ ผมก็หวังว่ามันจะเกิดกระบวนการที่มาเจอกันในเร็ววันด้วยนะครับเพราะผมรู้ว่าใครก็ตามที่ทำงานมา 10-20 ปีในองค์กรใดองค์กรหนึ่งพอคุณออกคุณหางานใหม่ไม่ง่าย เพราะฉะนั้นต้องเห็นใจต้องเร่งกระบวนการให้เขาได้รับสิทธิ์ของตัวเองเพื่อเขาจะมีกำลังใจไปมูฟออน”

ย้อนไปวันที่เจเอสแอลประกาศปิดตัวฟ้าแล่บ ตัวเราเองพอทราบมาก่อนหน้า? “ไม่ครับ ผมรู้พร้อมพนักงานเลยครับ ผมไม่รู้เลยครับ ถามว่าช็อกมั้ย ไม่ช็อกครับเพราะว่าจริงๆ สถานะของบริษัทก็เหน็ดเหนื่อยมานาน ที่ผ่านมาก็ได้ยินมาว่าเลย์ออฟคนไปเรื่อยๆ มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าองค์กรใดถ้าค่อยๆ ลดจำนวนคนออกไปเรื่อยๆ แต่ตอนนั้นคือจ่ายชดเชยถูกต้องนะครับ ฉะนั้นก็เลยพอเดาได้ แต่ไม่คิดว่าอยู่ๆ วูบเดียวก็ตกใจทุกคนแหละครับ ผมหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นและผมเชื่อว่าจะดีขึ้นด้วยครับ”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7173334
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7173334