ตอนนี้ถือว่าตั้งรกรากที่ จ.ภูเก็ต แล้ว? “แฮปปี้มาก คิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกที่ย้ายไปตั้งแต่ช่วงที่โควิดหนักมากๆ แล้วก้อยก็ท้องประมาณ 7 เดือนการปรับตัวไม่ยากเลย เพราะภูเก็ตค่อนข้างชิล ความวุ่นวายมันน้อยกว่าที่กรุงเทพฯ อีกอย่างเราไม่ได้อยู่ที่ตัวเมือง แล้วอยู่ใกล้กับธรรมชาติคือสามารถที่จะพาลูกไปทะเลได้บ่อยเท่าที่ต้องการ ไปไหนรถก็ไม่ติด แต่ในเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมันก็มีเหมือนกับกรุงเทพฯ โรงเรียนที่มองเผื่ออนาคตให้กับลูกที่นั่นก็มีแล้ว”

ถือว่าเป็นชีวิตในฝันมั้ย? “ไม่ได้ฝันไว้ด้วยสิ จริงๆแล้วการย้ายไปอยู่ภูเก็ตเคยคิดไว้อยู่แล้วว่าถ้าน้องอายุได้สักขวบหนึ่งก็จะย้ายไป แต่สถานการณ์ต่างๆทำให้ทุกอย่างมันเร็วขึ้น ถือว่าเราใช้ชีวิตให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ซึ่งตอนนี้ก็โอเคมากๆ แล้วก็มันดีสำหรับลูก ดีสำหรับการเลี้ยงเด็ก เค้าได้โตมากับธรรมชาติและสภาพแวดล้อมที่มันเอื้ออำนวยในพัฒนาการของเค้า ซึ่งก้อยคิดว่าอันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”

บทบาทความเป็นคุณแม่ และพัฒนาการของน้องทะเลเป็นยังไงบ้าง? “สนุกมากค่ะ มีเรื่องให้ตื่นเต้นท้าทายทุกวัน มีพี่เลี้ยงช่วย แต่ว่าหลักๆเราก็ต้องเป็นคนเลี้ยงเป็นหลักอยู่แล้ว พี่เลี้ยงก็อาจจะเป็นเหมือนมือสองช่วยหยิบจับ แต่เราเองต้องเป็นคนเลี้ยงเป็นคนดูแลเค้ามากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้”

น้องทะเลถือว่าเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายมั้ย? “เลี้ยงง่ายนะคะ ก้อยว่าตัวเองโชคดีที่น้องเป็นเด็กร่าเริงอารมณ์ดี ก้อยก็ไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อน แต่จากที่เราสัมผัสลูกเราและเลี้ยงเค้ามา เราก็รู้สึกว่าเค้าเป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย ไม่ได้ทำให้เราเครียด ถามว่าคิดภาพการเลี้ยงลูกอะไรไว้มั้ย ไม่ได้คิดไว้เลย ต้องเรียนรู้ใหม่เป็นอีกโลกนึง ถ้าใครไม่ได้เป็นแม่ก็จะไม่รู้ว่ามีโลกใบนี้อยู่ ในการเลี้ยงลูก ปั๊มนม ฝึกพัฒนาการลูกแต่ละวัยแต่ละวัน แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ได้คาดคิดก็คือก้อยนอนวันละ 4 ชั่วโมงมาติดต่อกันจะหนึ่งปีแล้ว เลยรู้สึกว่าฉันก็ยังใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้ เพราะฉะนั้นบอกเลยว่าคนที่เป็นแม่ทุกคนคือเก่งมากๆ”

พ่อตูนก็ช่วยเลี้ยงลูกด้วยมั้ย? “ใช่ค่ะ พี่ตูนเค้ามีความน่ารักมากที่อยากจะเลี้ยงลูกหรือว่าทำในสิ่งที่คุณแม่ทำได้ ในช่วงที่เราออกไปไหนไม่ได้ เค้าก็ได้เห็นเราในบทบาทของแม่ เค้าก็ช่วยดูช่วยเป็นกำลังใจ แล้วก็ลองฝึกทำตาม ตอนออกจากโรงพยาบาลมาก็บอกพี่ตูนว่าอย่างหนึ่งที่ก้อยขอเลยนะ คืออยากให้พี่ตูนอาบน้ำให้ลูกเพราะว่าพี่ตูนมือใหญ่กว่าและแข็งแรงกว่า ก้อยก็เลยรู้สึกว่าหน้าที่นี้อยากให้เป็นหน้าที่ผู้ชาย เค้าก็ไปฝึกกับพยาบาลพยายามที่จะทำ แล้วก็หลายๆอย่างที่เค้าสามารถทำได้เหมือนแม่ทุกอย่าง ยกเว้นให้นมอย่างเดียว ป้อนได้ แต่ว่าเอาเข้าเต้าไม่ได้ (หัวเราะ)”

คุณพ่อติดลูกหนักมั้ย? “ที่สุดค่ะ ขนาดลืมแม่ไปเลย (หัวเราะ) ไปทำงานก็จะบอกว่าส่งรูปลูกมาให้ดูหน่อย วิดีโอคอลมาขอคุยกับลูกหน่อย ก้อยก็บอกว่าคุยกับแม่มั้ย เราก็พยายามส่งรูปเราไป ไม่คิดถึงแม่บ้างเหรอ ไม่ถามหาแม่เลย”

น้อยใจมั้ย? “ไม่ๆๆ แซวเล่นๆ”

ตอนนี้น้องทะเล 9 เดือนแล้ว เล็งเปิดอู่คนที่ 2 เลยมั้ย? “อืม…ก็เริ่มวางแผนกันแล้วว่าจะเมื่อไหร่ แต่ก็อยากให้น้องทะเลผ่านขวบหนึ่งไปก่อน”

ตูนบอกว่าอยากมีลูก 3 คน ก้อยไหวมั้ย? “เอ้ย! ปาดเหงื่อนิดนึงลองไปตามธรรมชาติก่อน พูดยากมากเลย ค่อยๆเป็นไปตามสเต็ป รอมีคนที่ 2 ก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยมานั่งคุยกันว่าอีกสักคนไหวมั้ย”

หรือว่าท้อง 2 จะลองใช้วิธีวิทยาศาสตร์ช่วยทำเป็นแฝดไปเลย? “ณ ตอนนี้ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องวิทยาศาสตร์ คืออยากให้เป็นไปตามธรรมชาติ แต่ว่าถ้ามาได้เองก็คือเหมือนข้างบนส่งมาให้ จริงๆแล้วทางฝั่งบ้านก้อยก็มีแฝด ฝั่งพี่ตูนก็มีแฝด อาอี๊ด-อาแอ๊ด ก็เป็นแฝด หนูต้องไปมูที่ไหนคะ มันยากเหมือนกันนะการที่จะมีธรรมชาติแล้วเป็นแฝด แต่จริงๆสำหรับก้อยได้หมดคืออยากให้ลูกมีพี่น้องมีเพื่อน เราโตมากับครอบครัวที่มีพี่น้องเพราะฉะนั้นจะมาเดี่ยวมาแฝดจะเพศอะไรก็ได้หมด แต่ถ้าเป็นลูกผู้หญิงมันก็จะโอเคเพราะว่าเรามีผู้ชายแล้ว”

ตอนนี้แฮปปี้กับการเป็นคุณแม่และมีชีวิตครอบครัว หลายคนเลยมองว่าก้อยอาจจะหันหลังให้วงการบันเทิงไม่รับงานแสดงแล้ว? “อาจจะขออนุญาตเบรกไว้สักแป๊บนึง เหมือนพี่ๆคุณแม่ในวงการหลายๆคนที่พอมีลูกแล้วเราก็อยากจะทุ่มเทเวลาในการเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นในช่วง 2-3 ปีแรกก็อาจจะยังไม่ได้เห็นก้อยในบทบาทใหม่ในเรื่องของละคร แต่ก็จะมาเจอกันแว้บๆตามงานก็ยังรับอยู่ ยังไม่ได้แบบหันหลังหายไปเลยค่ะ”.