อาทิตย์ใส – ‘หยาด’สัมผัสไออุ่นลูก ชีวิตก้าวขึ้นอีกหนึ่งบทบาท


ให้คะแนน


แชร์

‘หยาด’สัมผัสไออุ่นลูกชีวิตก้าวขึ้นอีกหนึ่งบทบาท

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

อาทิตย์ใส

เคยแสดงละคร “ศีรษะมาร” ในเวอร์ชั่นก่อน กับบท ‘ปี๋’ ตอนเด็ก มาตอนนี้นางเอกสาว หยาดทิพย์ ราชปาล หวนกลับมาเล่นละคร “ศีรษะมาร” อีกครั้งในเวอร์ชั่น 2022 ทางช่อง 8 โดยรับบทเป็น ‘ปี๋’ ตอนโต

วันนี้เจ้าตัวมาพูดคุยถึงบทบาทเด่นในละครให้ฟัง พร้อมเล่าถึงชีวิตวัยเด็กที่เล่นละครมาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ และยังอัพเดตชีวิตส่วนตัวที่ตอนนี้เป็นคุณแม่ของ ‘น้องเมย่า’ ลูกสาววัย 1 ขวบ

ศีรษะมาร เวอร์ชั่นที่แล้วถือเป็นละครในตำนานที่ประสบความสำเร็จมากๆ หลายคนก็ตั้งตารอดูว่าเวอร์ชั่นนี้จะออกมาเป็นยังไง?
หยาด – “เวอร์ชั่นนี้มีความพีกหลายๆ แบบ เช่น จะมี การสืบสวนสอบสวน มีเรื่องราวความรัก มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่น่ากลัว มีหลายๆ อย่างที่หยาดรู้สึกว่าน่าติดตามและน่าตื่นเต้น เรื่องนี้เป็นละครรีเมก ผ่านมาเกือบ 30 ปีกว่าจะมารีเมก แล้วยุคสมัยมันเปลี่ยนไป บทก็มีการปรับให้เข้ายุค อาจจะไม่น่ากลัวเท่ายุคเก่าที่หัวลอย ไปแล้วมีแต่ป่า แล้วก็ความเป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น เลยอยากให้คนดูเปิดใจกับเวอร์ชั่นนี้ค่ะ”

29 ปีผ่านไป จากปี๋เด็กในวันนั้น สู่ปี๋ตอนโตในวันนี้?
หยาด – “ใช่ค่ะ ก็ยังเป็นภาพจำนะ ตอนเด็กๆ หยาดเล่นละครประมาณ 50 เรื่อง จะจำได้บ้างไม่ได้บ้างว่าเล่นอะไร ส่วนใหญ่จำไม่ได้ (หัวเราะ) แต่เรื่องนี้เป็นหนึ่งในเรื่องที่จำได้ เพราะเรื่องนี้จะมีประโยคที่ต้องพูดติดปากว่า ‘ปี๋เกลียดมัน’ ตั้งแต่เด็กก็ต้องพูดประโยคนี้”

“แล้วมันอะเมซิ่งมากเพราะหยาดเคยเล่นละครรีเมกที่ตัวเองเคยเล่นมาประมาณ 2 เรื่อง แต่หยาดไม่ได้กลับมาเล่นเป็นตัวเดิม อย่างเช่น เรื่องนางทาส คือเวอร์ชั่นที่แล้วหยาดเล่นเป็นตอนเด็ก พอโตมาก็มาเล่นเป็นอีกตัวละครหนึ่ง แต่ศีรษะมารเป็นเรื่องแรกในชีวิตที่หยาดเล่นเป็นเขาตอนเด็ก พอโตมาก็ได้กลับมาเล่นเป็นเขาตอนโต สำหรับหยาดมันอะเมซิ่งก็เลยตั้งใจทำให้ดีที่สุดค่ะ”

ซีนเด็ดซีนดังเยอะมาก?
หยาด – “เยอะมาก เริ่มต้นมาคือซีนหัวขาด เป็นซีนที่พีกที่สุดแล้ว ซีนนั้นเราตั้งใจถ่ายทำกันมาก เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง การถ่ายทำยากและน่ากลัวมาก กลัวตัวเองด้วย กลัวบรรยากาศรอบข้าง กลัวทุกอย่าง ตอนถ่ายก็น่ากลัว บ้านที่ถ่ายก็น่ากลัว ไม่กล้าดูไม่กล้าเช็กเทป วันนั้นหยาดกลัวเพราะเป็นวันที่เราเล่นเป็นผีหัวขาดแรกๆ ซึ่งหยาดเป็นคนกลัวผีอยู่แล้ว ตอนถ่ายทำก็มีจุดธูปไหว้ หยาดไหว้แล้วไหว้อีก ไปไหนก็ไหว้ เพราะสถานที่ถ่ายทำน่ากลัวทุกที่เลยค่ะ”

เวอร์ชั่นที่แล้วผ้าพันคอคุณปี๋กลายเป็นไอเท็มที่ฮิตมาก เวอร์ชั่น 2022 จะมีอะไรให้ฮิตไหม?
หยาด – “เวอร์ชั่นเราล้ำมากเพราะเป็นโชกเกอร์ แล้วแต่ละอันคือถ้าหล่นไปโดนหัวหมา หมาหัวแตกอ่ะ คนก็ด้วย มีแตกแน่นอนเพราะอลังการมาก เวลาใส่หนักมาก เล่นไปก็คือตีคอไปเรื่อยๆ แต่สวยมาก พี่สไตลิสต์ไปคัดเลือกอันที่มันเหมาะกับ คาแร็กเตอร์และยุค 2022 ให้ดูล้ำๆ หน่อยค่ะ”

เรื่องนี้ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ในหลายๆ อย่างด้วยไหม?
หยาด – “จริงๆ หยาดเคยเล่นเป็นผีนะ แต่เป็นผีเต็มร่าง เรื่องนี้ยากสุดๆ เพราะเราเล่นได้แค่ส่วนหัว ไม่สามารถใช้ตัวเราแสดงความรู้สึกใดๆ ได้ ทุกอย่างต้องออกมาจากสายตาและสีหน้า เพราะเราเหลืออยู่แค่ช่วงคอขึ้นไปให้ได้แสดง บางทีมันไม่ได้มีแค่ความน่ากลัวอย่างเดียว แต่ยังมีความรักกับพระเอก หรือความอาลัยอาวรณ์ที่อยากจะต้องเล่นโดยใช้แค่ส่วนหัว ซึ่งยากมาก”

“ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ ละคร ศีรษะมาร เวอร์ชั่น 2022 อย่างที่ทุกคนรู้ อยู่แล้วว่ามันมีความน่ากลัว แต่ในเวอร์ชั่นนี้จะเน้นความตื่นเต้นในการสืบสวนสอบสวน เน้นฆาตกรรม เน้นความรัก ค่อนข้างเข้มข้นมากๆ ค่ะ”

เป็นคุณแม่ได้ 1 ปีแล้ว ชีวิตเป็นยังไงบ้าง?
หยาด – “ดีนะคะ เลี้ยงลูกสนุกดี ก่อนหน้านี้ไม่ได้จินตนาการว่าการเลี้ยงลูกจะเป็นยังไง หยาดเป็นคนไม่ค่อยชอบศึกษาไว้ก่อนเพราะกลัวเครียด ชอบเจอหน้างานมากกว่า พอเจอแล้วก็จะไปศึกษาต่อ มันเลยสนุกตรงที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าเด็กทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ เขาจะชอบทำอะไรตลกๆ ทุกวัน มีท่าใหม่มาเรื่อยๆ จนเรางงว่าเขาทำอย่างนี้แปลว่าอะไร แล้วเขาก็ค่อนข้างมีพัฒนาการ โดยรวมก็มีความสุขดีค่ะ”

วินาทีที่ได้เป็นแม่?
หยาด – “ตื่นเต้นนะคะ ดีใจแล้วก็รู้สึกเหมือนได้ก้าวขึ้นไปอีกบทบาทหนึ่งของชีวิต ได้โตเต็มที่สักที เพราะมีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นมาก”

วันแม่ที่ผ่านมาคือเป็นวันแม่ที่ได้เป็นคุณแม่ครั้งแรกเลย?
หยาด – “ค่ะ ปีแรกที่เป็นวันแม่ที่เราได้เป็นแม่ แต่ลูกหยาดยังเด็กคงไม่รู้เรื่องอะไร ถ้าเขาโตกว่านี้เราอาจจะอินกว่านี้ แล้วก็อาจจะต้องทำหน้าที่ลูกที่ดีกับแม่เราให้เต็มที่เหมือนเดิม ส่วนลูกเราก็รอให้เขาโตอีกนิดหนึ่งค่ะ”

เข้าใจหัวอกความเป็นแม่มากขึ้นไหม?
หยาด – “เข้าใจนะคะ แล้วก็ได้รู้ในมุมมองของคนที่เป็นแม่มากขึ้น แต่หยาดจะเป็นคนที่เลี้ยงลูกแบบชิลชิล ไม่ค่อยเครียด ปล่อยไปตามธรรมชาติ ฉะนั้นสมัยที่แม่เลี้ยงเราเขาอาจจะเหนื่อยกว่านี้เพราะด้วยยุคสมัยนั้น เราก็เข้าใจว่าสมัยก่อนแม่เราเหนื่อยมากเลยเนอะ สำหรับหยาดก็ตั้งใจทำหน้าที่ของการเป็นแม่ให้ดีที่สุด แล้วก็จะมีหลายพาร์ตเพราะเราก็ยังทำงานอยู่ แต่ก็จะแบ่งเวลาและทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุด ณ โมเมนต์นั้นของตัวเองค่ะ”

หลายคนก็จะจับตาลูกดาราว่าจะเข้าวงการตามรอยพ่อแม่หรือเปล่า?
หยาด – “แล้วแต่เขาเลยค่ะ เขาอยากเป็นอะไรก็ให้เขาเป็นเลย แต่ถ้าเขาอยากจะเข้าวงการก็ดี เราก็สนับสนุนเพราะเราอยู่ตรงนี้อยู่แล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้วางแผนอะไรไว้ให้เลยค่ะ”

คิดจะมีอีกคนไหม?
หยาด – “อืม…พอหยาดได้เรียนรู้การเลี้ยงลูกจริงๆ รู้สึกว่าเด็กมีความน่ารักอบอุ่นมากเลยนะคะ แต่ถามว่าจะมีอีกคนตอนนี้เลยไหม ยังก่อนเพราะอยากทำงานก่อน แล้วก็ยังไม่อยากจะหายไปไหน เพราะว่าการมีลูกคนหนึ่งต้องให้เวลาเต็มที่จริงๆ อย่างน้อยก็ปีสองปีเลย ฉะนั้นอนาคตค่อยว่ากันอีกที”

ย้อนชีวิตวัยเด็ก เข้าวงการมาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ตอนนั้นหนักหน่วงขนาดไหน?
หยาด – “เอาจริงๆ จำอะไรไม่ค่อยได้ จำได้แค่ว่าชอบมาถ่ายละครมากเพราะไม่ชอบไปโรงเรียน (หัวเราะ) ตอนเด็กๆ ไม่ชอบเรียนหนังสืออ่ะ แล้วพอมากองถ่ายเขาจะชอบจับหยาดใส่ชุดไทย จำได้ว่าเรื่องแรกหยาดเล่นเป็นผีเด็กเป็นกุมารที่มัดจุก ใส่กำไลข้อเท้าวิ่งอยู่ในบ้าน หยาดชอบมาก รู้สึกว่าได้แต่งตัวน่ารักดี ก็สนุกดีค่ะ แต่พอเริ่มโตเริ่มไม่อยากทำแล้ว (หัวเราะ) ช่วงสักม.1 จะเริ่มแบบโอ๊ย! ไม่เอาแล้ว ไปทำงานเหนื่อยจังเลย ไปเรียนหนังสือดีกว่า นั่งอยู่ในห้องสบายๆ ตอนนั้นก็บอกแม่ว่าไม่อยากเป็นดาราแล้ว แต่สุดท้ายคนจะต้องเป็นก็เลยเป็นมาจนถึงทุกวันนี้”

เห็นว่าเคยเป็นนักกีฬาเทควันโดด้วย?
หยาด – “ตอนนั้นเป็นช่วงม.1-ม.3 ช่วงที่ไม่อยากเป็นดารา เลยตั้งใจเรียนมาก ได้เกรด 3.9 อ่ะ 3 ปี จนได้ทุนเรียนหมดเลย เราตั้งใจทำให้แม่เห็นว่าเป็นอย่างอื่นได้นะ แล้วก็บอกแม่ว่าจะไปเป็นหมอ (หัวเราะ) แล้วก็ไปเป็นนักกีฬาเทควันโด แต่สุดท้ายพอจะเข้าม.4 มาแคสต์งานที่ช่อง 3 แล้วเรื่องแรกก็ได้เป็นนางเอกเลย หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปไหนอีกเลย (หัวเราะ) อยู่มาถึงทุกวันนี้อ่ะค่ะ มาทางนี้มันเหมือนเป็นทางถนัดของเรา สุดท้ายพอโตมาสรุปว่าการเล่นละครก็เป็นสิ่งที่ชอบและถนัดที่สุดค่ะ”

คนเรียก หยาด มาตลอด แต่จริงๆ มีชื่อเล่นว่า ซันนี่?
หยาด – “ค่ะ ชื่อเล่นจริงๆ ชื่อซันนี่ ชื่อจริง หยาดทิพย์ แต่ไม่มีใครเรียกชื่อเล่นเลย เพราะชื่อจริงมันประหลาด ย้อนกลับไป 30 ปีที่แล้วชื่อ หยาดทิพย์ ไม่มีเลยนะ แล้วครูก็จะชอบเรียกชื่อจริง ไม่มีใครเรียกชื่อเล่นเลย จนมันหายไปเอง พ่อก็ไม่เรียก พ่อจะเรียกคุณหยาดทิพย์หรือน้องหยาดทิพย์ พี่ชายจะเรียกว่าทิพย์ แม่และคนอื่นๆ เรียกหยาด ชื่อเล่นซันนี่มันค่อยๆ หายไปเรื่อยๆ เลยเคยชินกับคำว่าหยาดค่ะ”

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ได้อะไรจากวงการบ้าง?
หยาด – “ได้เยอะมากค่ะ จริงๆ คิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกที่เล่นละครต่อมาเรื่อยๆ ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งได้รับบทที่ท้าทายขึ้น ทำให้รู้สึกสนุกกับการทำงานตรงนี้ แล้วหยาดก็ได้เรียนรู้เหมือนคนที่ทำอาชีพอื่นๆ ว่าต้องมีความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา ใส่ใจกับงาน และตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดค่ะ”

อชริญา บุญชู

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7234374
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7234374