จุดเริ่มต้นในการเข้าวงการ?
“มุกเข้ามาอาจจะโชคร้ายนิดหนึ่งที่ธุรกิจงานเพลงมันเปลี่ยน เขาก็อาจจะยุบเพลงที่มุกทำเก็บไป คือเราทำเพลงเตรียมจะออกแล้ว ซึ่งในตอนนั้นเราอายุ 16 ปี ใน 9-10 ปีที่แล้ว เขาก็เปลี่ยนมาทำซีรีส์ และซีรีส์เรื่องแรกที่เล่นกับพี่พุฒ คือ รักนะเป็ดโง่ ก็กลายเป็นว่าเราแจ้งเกิดในฐานะนักแสดง จริงๆ เริ่มต้นด้วยการชอบร้องเพลงมากกว่า แต่ ณ ตอนนี้ก็ชอบพอๆ กันค่ะ”

การเป็นนักแสดงเจอแรงกดดันด้านไหนบ้าง?
“กดดันมาตลอดเลยสำหรับมุก ตั้งแต่แรกเราเข้ามาก็อยากเป็นนักร้อง เรามีสกิลด้านการร้องเพลง แต่สกิลการแสดงเราไม่มี ต้องทำงานกะทันหัน ต้องพยายามอย่างมาก เราก็ยังเป็นมือใหม่ คำคอมเมนต์ต่างๆ นานา ยังไม่ค่อยคุ้น ไม่เคยเจอ บางทีเวลาเราโดนว่าก็จะทำไมเขาต้องทำแบบนี้กับเรา ตอนเด็กๆ ก็เหมือนป่วยเลย เพราะโดนแรงคอมเมนต์แล้วไม่เข้าใจ โดนลามไปเรื่องส่วนตัว ไม่สวยอะไรแบบนี้ เป็นอาชีพที่หลายๆ คนสามารถเข้ามาคอมเมนต์ทำร้ายจิตใจ หรือทำให้มีความสุขก็ทำได้ง่าย

กว่าจะผ่านมาได้ เรายังรับมือไม่ทัน ช่วงนั้นมุกก็อยู่แต่ในบ้านไม่กินข้าว กินอะไรไม่ลง แล้วไม่อยากดูโซเชียลด้วย แล้วมุกก็อาจเป็นยุคแรกๆ ที่โดนเรื่องโซเชียล บางทีเราก็ไม่แข็งแรงพอที่จะกล้าออกมาพูดอะไรด้วยซ้ำ มุกต้องพบจิตแพทย์ด้วยนะคะ บ้านมุกจะเป็นอะไรที่เครียดนิดๆ หน่อยๆ ก็จะหาจิตแพทย์กัน เพื่อให้เรายังมีความสุขแบบทุกวันนี้”

การสูญเสียแบบกะทันหัน?
“คุณพ่อมีช่วงที่ไม่สบายหลายอย่างต้องอยู่โคม่าใน ICU 2-3 ปีได้ แต่ก็หายกลับมา ช่วงนั้นมุกจะรับปริญญาแล้วเตรียมจะไปต่างประเทศด้วยกัน เสร็จแล้วคุณพ่อเขาหลับที่บ้าน ช่วงนั้นมุกก็ทำงานหนักมากเพราะคิดว่าช่วงนั้นเป็นช่วงกอบโกย เลยไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบครัว เป็นสิ่งที่เราเจอกะทันหัน เราไม่ได้ทำใจ

มุกเรียกว่าเป็นโรควิตกกังวล (Anxiety Disorder) ที่เป็นวิตกกังวลเฉียบพลัน กลายเป็นว่าเรากลัวทุกอย่าง ว่าสิ่งที่เราจับอยู่มันจะหายไปไหม อะไรแบบนี้ค่ะ และต้องไปปรึกษาจิตแพทย์ เพราะฉะนั้นเวลาที่มุกอยากทำอะไร มุกก็จะทำ เพราะไม่รู้ว่าถ้าเลยไปมุกจะได้ทำมันไหม ตอนนี้ก็อาจจะเข้าใจขึ้น แต่ก็ยังคิดถึงคุณพ่อ เราไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ไม่มีเขาอยู่”.