โดย แม่เหน่ง เปิดเผยว่า ขณะกำลังเดินอยู่บนทางเท้าได้เห็นมีรถตู้สีแดงจอดอยู่ จู่ๆ รถคันดังกล่าวถอยหลังเข้ามาประชิดร่างของตนจนไม่สามารถขยับตัวหลบได้ ซึ่งอีกข้างเป็นพุ่มไม้บนขอบฟุตปาท จากนั้นคนขับได้หันมายิ้มให้ตน โดยไม่มีการจะลงมาขอโทษขอโพยแต่อย่างใด ต่อมาตนจึงพูดกับ รปภ.ของโรงแรมดังกล่าวว่า ช่วยบอกกับคนขับรถตู้ด้วยว่าตรงนี้เป็นทางเท้าสำหรับคนเดินรถไม่สามารถจอดได้ จากนั้น รปภ.ได้ตอบกลับมาว่า เขาจอดกันแบบนี้มาตั้งนานแล้ว

และได้เผยต่อว่า ตนตกใจมากที่ทั้ง รปภ.และคนขับรถตู้ไม่รู้การจอดลักษณะนี้มันผิดกฎหมายตนจึงโมโหมากจึงบอกว่าจะ “ฟ้องท่านผู้ว่าฯ ชัชชาตินะ” พอมีสติจึงได้บันทึกภาพรถคันดังกล่าวไว้ จากนั้นขณะตนเดินทางใกล้จะถึงบ้านเกิดอาการบ้านหมุน และลงไปนั่งกับพื้นจึงโทรบอกทางตำรวจและสำนักงานเขตให้มาตรวจสอบและได้แจ้งว่าให้มาหาตนที่นี่ด้วย ซึ่งหากว่าเกิดเหตุกับคนที่มีอายุมากกว่าตนอาจจะต้องล้มลงและเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องใหญ่บนท้องถนนทางม้าลายมีคนเดินข้ามถูกชนเสียชีวิตมาแล้วหลายราย หากว่าปล่อยผ่านเชื่อว่าจุดนั้นจะต้องมีอุบัติเหตุอย่างแน่นอน

ซึ่งหลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่เทศกิจมาถึงได้แจ้งว่าบริเวณดังกล่าวไม่มีรถจอดแล้ว แต่โชคดีที่ตนถ่ายรูปไว้จึงเปิดให้เจ้าหน้าที่ดู และมาแจ้งความ และยังบอกอีกว่าทางโรงแรมเอาทางเท้ามาทำมาหากินได้อย่างไร ไม่ควรให้รถขึ้นมาจอดถือว่าเป็นทรัพย์สินของประชาชน ส่วนตัวคิดว่าถ้าโรงแรมไม่ให้จอด รถก็ไม่สามารถให้จอดได้และคิดว่าสาเหตุที่จอดนั้นเพราะการทำธุรกิจร่วมกัน

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนรับเรื่องเพื่อให้ลงบันทึกประจำวันไว้ เพื่อเป็นหลักฐานเพื่อการตรวจสอบตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.