PLAN75สูงวัยเลือกอยู่หรือตาย ในวันที่สังคมญี่ปุ่นขาดความเห็นใจ


ให้คะแนน


แชร์

“เมื่อคุณอายุ 75 คุณเลือกที่จะอยู่หรือตาย?” คำถามจากภาพยนตร์เรื่อง PLAN 75 (วันเลือกตาย) ของผู้กำกับฯหญิง จิเอะ ฮายากาวะ ที่ล่าสุดถูกเลือกเป็นตัวแทนภาพยนตร์ญี่ปุ่นเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์นานาชาติ ออสการ์ ปี 2023

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

ส่วนก่อนหน้า จิเอะ ก็เพิ่งคว้ารางวัลผู้กำกับฯ หน้าใหม่ จากภาพยนตร์เรื่องนี้ ในเทศกาลหนังเมืองคานส์มาได้

หนังพูดถึงสังคมผู้สูงวัยในอนาคตอันใกล้ ประเทศญี่ปุ่นออกนโยบาย PLAN 75 ให้คนวัย 75 ปีเลือกได้ว่าจะยังอยู่หรือจากไปด้วยการการุณยฆาต ซึ่งเป็นการเลือก ‘ตาย’ โดยสมัครใจ

จิเอะเปิดใจถึงการทำภาพยนตร์เรื่องนี้

●การฆาตกรรมหมู่ในช่วงเปิดเรื่อง ทำให้นึกถึงเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในซางามิฮาระ ซึ่งคนร้ายบุกเข้าไปแทงคนพิการ (เสียชีวิต 19 ศพ บาดเจ็บ 26 คน โดยผู้ต้องหา เป็นอดีตพนักงานของศูนย์ดูแลผู้พิการเอง)? “ฉันตกใจมากตอนได้ข่าว ตอนฤดูร้อนปี 2016 ฉันมองว่ามันไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากคนบ้าคนหนึ่งลุกขึ้นไปแทงคนพิการ แต่มันเป็นผลผลิตของสังคมที่ใจแคบและไร้เหตุผล ฉันต้องการทำหนังให้คนดูได้ถกเถียงว่าเราต้องการสังคมแบบนี้จริงๆ หรือ เหตุการณ์ในซางามิฮาระ คือหนึ่งในแรงกระตุ้นให้ฉัน ทำหนังเรื่องนี้”

●เราสรุปได้เลยไหมว่า หนังกำลังพูดถึงปัญหาสังคมผู้สูงอายุในญี่ปุ่น? “ฉันคิดว่าอย่างนั้น หนึ่งในปัญหาวิกฤตของญี่ปุ่นคือประชากรที่อยู่ในสถานะช่วยเหลือตัวเอง ไม่ได้ เช่น ผู้สูงอายุ ในโลกความจริงเราอาจไม่มีกฎหมาย PLAN 75 แต่หลายๆ อย่างในหนังเกิดขึ้นจริงๆ เช่น คนแก่หลายคนยังต้องทำงานเพราะลำพัง แค่เงินบำนาญไม่พอกินพอใช้ ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย”

“ความรู้สึกที่ผู้สูงอายุต้องกลายเป็นภาระของสังคม และพวกเขาต้องอับอายที่ต้องไปขอสวัสดิการจากรัฐ บรรยากาศตอนนี้ทำให้ ผู้สูงอายุต้องกลายเป็นคนไร้ค่า สิ้นหวัง และที่หนักหนาที่สุดคือ กลายเป็นคนมองไม่เห็นความเจ็บปวดของคนอื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจเล่าในหนัง”

●ทำไมตัวละครคนสูงวัยในหนังยอมเข้าร่วมโครงการ PLAN 75 ง่ายนัก? “คนญี่ปุ่นมีความเชื่อที่หนักแน่นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนแก่ๆ ว่าต้องไม่เป็นภาระคนอื่น มันคล้ายเป็นศีลธรรมหลักของชาติ นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันจากสังคมที่ทำให้พวกเขารู้สึกไร้ค่า และเป็นภาระ สื่อมวลชนเองก็มีส่วนสร้างความหวาดกลัวต่อการเป็นผู้สูงอายุ แม้แต่ตอนนี้ หนุ่มสาวในญี่ปุ่นก็วิตกว่าชีวิตวัยเกษียณ จะเป็นอย่างไร แถมรัฐบาลญี่ปุ่นยังพยายามจะบอกกล่าวกับประชาชนทุกคนว่าให้ช่วยเหลือตนเอง”

●จริงหรือเปล่าที่คนพูดกันว่า ถ้าคุณไปเที่ยวโตเกียวจะเห็นคนแก่คอยเก็บก้นบุหรี่ ตามทางเท้า หรือไม่ก็เป็นพนักงานเฝ้าที่จอดรถ? “ใช่ค่ะ ผู้สูงอายุมากมายในญี่ปุ่นยังต้อง ทำงาน หลายคนทำเพราะไม่อยากอยู่เฉยๆ ไม่ได้ขัดสนเงินทอง เพียงต้องการเข้าหาสังคมบ้าง แต่ผู้สูงอายุอีกบางส่วนทำเพราะจำเป็น ฉันยินดีด้วยกับผู้สูงวัยที่ทำงานเพราะต้องการทำให้ตัวเองรู้สึกมีค่า ชีวิตมีความหมาย แต่ถ้าพวกเขา ต้องทำเพื่อดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด หวาดกลัวทุกวันว่าจะเอาอะไรกิน แบบนี้ฉันยอมรับไม่ได้จริงๆ ที่สังคมไม่ดูแลพวกเขา”

●การนำศพผู้สูงวัยไปขายแสวงหากำไรเป็นส่วนที่ น่ากลัวอีกอย่างในหนัง คุณใส่เข้ามาเพื่อต้องการพูดถึงอะไรเป็นพิเศษไหม? “ฉันต้องการพูดถึงการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การมองไม่เห็นคุณค่าของ ชีวิต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการให้ความ สำคัญกับการผลิต โครงการ PLAN 75 เกิดจากการให้ความสำคัญกับการผลิตที่ มากเกินไป คนที่ผลิตอะไรไม่ได้คือคนที่ ไร้ความหมาย”

●PLAN 75 มีความคล้ายคลึงกับประเพณี ‘อุบะสุเตะ’ ซึ่งอยู่ในหนังเรื่อง Ballad of Narayama ของ โชเฮ อิมามุระ? “จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ฉันรู้ว่าคนญี่ปุ่นมี ความเชื่อว่า เกิดมาต้องเสียสละตนเอง ความเสียสละตนกลายเป็นภาพแทนของ ‘ความดี’ และ ‘ความถ่อมตัว’ ฉันคิดว่าหนังสองเรื่องนี้มีตัวละครที่คิดแบบเดียวกัน แต่ใน PLAN 75 ฉันต้องการโจมตีรัฐบาล ซึ่งไม่ได้ปรากฏโฉมในหนัง แต่พวกเขาเป็นผู้ชักใยระบบแบบนี้ให้เกิดขึ้น และประชาชนต้องทุกข์ทรมานกับสิ่งเหล่านี้”

●ในหนังคลาสสิคหลายเรื่องของญี่ปุ่นจะแสดง ให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างพ่อแม่สูงวัยและลูกหลาน ในหนังของคุณดูเหมือนจะไม่มีความผูกพันแบบนี้ ให้เห็น แต่กลับมีตัวละครพนักงาน 2 คนของโครงการ PLAN 75 ที่เกิดความเห็นอกเห็นใจตัวละคร ผู้สูงวัย? “ความผูกพันแบบที่คุณพูดถึง แทบไม่หลงเหลืออยู่แล้วในสังคมญี่ปุ่น ความผูกพันในครอบครัวอ่อนแอลงเรื่อยๆ รวมถึงความผูกพันแบบอื่นๆ ด้วยเช่นกัน และมันทำให้คนญี่ปุ่นไม่ค่อยเห็นอกเห็นใจคนอื่น”

“ตัวละครสองตัวอย่าง ฮิโรมุ และ โยโกะ ตอนแรกพวกเขาก็นึกถึงความเจ็บปวดของคนอื่นไม่ออก แต่ผ่านไปสักพัก พวกเขาจะเริ่มสะเทือนใจไปกับชะตากรรมของผู้สูงวัย ฉันคิดว่าความรู้สึกเห็นอกเห็นใจคนรอบข้างนี่แหละ คืออาวุธหลักในการต่อสู้กับความใจแคบของสังคม ฉันอยากเน้นย้ำว่า ฉันยังเหลือความหวังในตัวคนรุ่นใหม่”

●แม้สถานการณ์จะดูน่าหวาดหวั่น แต่พนักงานของโครงการ PLAN 75 กลับพูดจาสุภาพและใจเย็นมาก ยิ่งทำให้มันดูเป็นความสยองขวัญ คุณต้องการวิพากษ์วิจารณ์ลักษณะนิสัยรักความสุภาพของคนญี่ปุ่นหรือเปล่า? “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะวิพากษ์วิจารณ์เรื่องกิริยามารยาทคนญี่ปุ่น แต่อยากชี้ให้เห็นความรุนแรงภายใต้ฉากหน้าที่ดูยิ้มแย้ม ฉันคิดว่าฉากเปิดเรื่องอธิบายได้อย่างดี สิ่งที่ทำให้ PLAN 75 ดูอันตรายก็คือภายนอกมันดูเป็นสิ่งสวยงาม ฉันอยากเน้นย้ำจุดนั้นด้วยการทำให้พนักงานทุกคนดูสุภาพและยิ้มแย้ม เป็นมนุษย์ที่ไม่มีความคิดความรู้สึก แต่ทำตามที่รัฐบาลสั่งให้ทำ การทำให้มนุษย์ ‘หยุดคิด’ เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับฉัน”

PLAN 75 (วันเลือกตาย) เข้าฉายให้ชมแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7254658
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7254658