เปิ้ล หัทยา เผยคำพูด ลูกหนัง ในวันตัดสินใจถอนตัวจากวงเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี


ให้คะแนน


แชร์

ทำไมถึงยอมกลับมาเล่นละคร?
“จริงๆ เหมือนกับบทไม่ไกลตัวเกินไป อ่านดูแล้วสนุก เพราะตอนเล่น side by side อันนั้นบทเครียด ก็เลยมาเล่นสนุกบ้าง จริงๆ คนมองว่าพี่เปิ้ลเป็นคนขรึมๆ แต่จริงๆ เป็นคนสนุกสนานได้บ้าง ถามว่าท้าทายยังไง จริงๆ เปลี่ยนบรรยากาศ คืออย่างพี่เปิ้ลอยู่กับงานวิทยุ อีเวนต์ คอนเสิร์ต พอมาเปลี่ยนทำงานกับบุคคลที่เราคุ้นเคยและห่างหายไปนาน พี่เปิ้ลว่าบางทีมันก็เติมพลังให้ตัวเอง”

มีเหตุผลเฉพาะที่ยอมใจอ่อนไหม?
“เอาจริงๆ สนิทกับหน่อย (บุษกร วงศ์พัวพันธ์) กับเคน (ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์) จริงๆ มีเรื่องอื่นๆ ด้วย แต่ช่วงนั้นว่างอยู่ พี่ก็บอกว่าพอเล่นได้ถ้าไม่เครียดจนเกินไป ที่ไม่รับละครเครียดๆ เพราะชีวิตเครียดอยู่แล้ว ชีวิตก็ไม่ง่าย ชีวิตมันก็ยุ่งยากหลายเรื่อง ฉะนั้นเล่นอะไรบางทีก็เป็นการผ่อนคลาย และได้เจอเพื่อนๆ นักแสดงหลายรุ่น ได้เปลี่ยนมุมมอง แลกเปลี่ยนทัศนคติกัน”

ตอนนี้เราก็พร้อมแล้ว?
“ตอนนี้ถ่ายอยู่เรื่องนึงค่ะ ของทรูซีเจ จริงๆ พี่ก็มีงานที่ทำอยู่หลายงานเหมือนกัน คือถ้าเวลาได้บทได้พี่ก็โอเค ส่วนเหตุผลในการรับแต่ละงาน จริงๆ เราก็ต้องดูด้วยว่างานอะไรของเราเป็นหลัก อาจเป็นงานวิทยุ งานคอนเสิร์ต งานอีเวนต์ เป็นหลัก ส่วนงานตรงไหนที่มีเวลาไปได้เราก็ทำ เพราะการได้เปลี่ยนบรรยากาศมันก็ดี ทำให้เราได้อะไรหลายๆ อย่าง”

ถามถึงน้องๆ ช่วงหลังๆ ก็เริ่มทำงานด้วยเหมือนกัน?
“น้องหนุนเพิ่งปิดกล้องกับทางเวิร์คพอยท์ไปเลยค่ะ เป็นเรื่องแรกของเขาด้วย คือคนนี้เขาจะมีวิธีคิดของเขาว่า ขอเรียนจบก่อน จบแล้วค่อยรับงาน (ยิ้ม)”

น้องชอบไหมได้เล่นละครจริงจังครั้งแรก?
“เรื่องที่เขาเล่นน่าจะเจอบทหนักนะคะ เจอบทหนักเลย (หัวเราะ) แต่ส่วนตัวพี่คิดว่าทีมงานต่างๆ ก็น่าจะช่วยกันเต็มที่นะคะ เพราะทางเวิร์คพอยท์เองก็วางแผนมาดี มีทั้งไปเรียน ไปนู่นไปนี่ อีกอย่างน้องหนุนเองก็มีความตั้งใจอยู่แล้วด้วย เขาเป็นคนที่ชอบเล่นดนตรี ชอบร้องเพลง และก็ชอบการเล่นละคร”

แสดงว่าน้องก็น่าจะไปต่อกับเส้นทางนี้ได้เลย?
“น่าจะค่ะ น่าจะ แต่พี่ยังไม่ได้เห็นผลงานเขาเลยนะ เคยไปหาที่กองแค่ 2-3 ครั้งเอง (หัวเราะ) จริงๆ เขาเป็นเด็กที่รับซึมซับสิ่งที่พี่ตั้วเคยบอกนะคะ คืออยู่ที่กองต้องมีวินัย ไม่เล่นมือถือ ตามรอยที่พ่อเขาสอนทุกอย่าง คนนี้ตามรอย”

เหมือนเขาไม่อยากทำให้คุณพ่อคุณแม่เสียชื่อด้วย?
“เขาก็อยากทำให้ดีค่ะ และเขาก็คงคิดอยู่แล้วว่าเขาเป็นคนใหม่ เพิ่งจะเคยเล่นละครเรื่องแรก ดังนั้นเขาคงมีความตั้งใจค่ะ”

น้องอีกคนเป็นยังไงบ้าง?
“สำหรับน้องหนัง เหลืออีก 2 วิชาก็จบแล้วค่ะ และก็คงจะสอบที่เกาหลีให้จบ ใกล้จะจบแล้ว”

เขามีแพลนหรือมีความตั้งใจอะไรในอนาคตอีกไหม?
“น้องหนังก็อาจจะเป็นอีกแบบหนึ่ง ก็คือก็อาจจะบอบช้ำกับเรื่องที่ตัวเองเจอ และก็คิดว่าไม่อยากให้ตัวเองไปสร้างความหนักใจให้กับทีมงานหรือว่าเพื่อนร่วมทีม เขาก็เลยคิดว่าเอาตัวเขาเองออกมาก่อนดีกว่าแล้วเดี๋ยวค่อยว่ากัน”

ย้อนกลับไปตอนนั้น น้องใช้เวลาในการตัดสินใจเรื่องนี้นานไหม?
“นานค่ะ คือพี่เปิ้ลคิดว่าเป็นสิ่งที่หนักสำหรับเด็กคนหนึ่งเลยแหละ แต่พี่เปิ้ลก็เคารพการตัดสินใจของเขานะ เขาบอกว่า เขาอยากหยุด อยากอยู่นิ่งๆ ก่อนแม่ เพื่อแบบให้คนอื่นเขาได้ไปต่อ ถ้าหากตัวเขาเองทำให้คนอื่นหนักใจ แต่จริงๆ แล้ว พี่ก็เคารพการตัดสินใจของเขานะ”

ในฐานะแม่เรากลัวไหมว่าเรื่องนี้จะเป็นปมในใจของน้อง และทำให้เขาไม่กล้ารับงานในวงการ?
“ก็มีบ้างนะคะ ก็มีบ้าง ก็ต้องบอกกับน้องอะค่ะว่าต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว และเราก็คงจะต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

กังวลไหมว่าเรื่องนี้มีผลต่ออนาคตของน้อง?
“เอ่อ…พี่ว่าเดี๋ยวเขาคงคิดแหละค่ะ แต่ตอนนี้เขายังเหลือเรื่องการเรียนอีก 2 วิชา ที่เขาอยากทำให้สำเร็จก่อน หลังจากนั้นเดี๋ยวเขาก็คงตัดสินใจว่าจะยังไงต่อไป แต่จริงๆ ตัวเขาเองก็ได้มีการเขียนเพลงให้กับสมาชิกที่เขาเคยทำงานด้วยนะคะ มีทำนู่นทำนี่ของเขาค่ะ”

น้องยังมีความมุ่งมั่นที่อยากจะทำงานในเกาหลีไหม?
“เขาอยากอยู่ในเกาหลีนะ พี่เปิ้ลรู้สึกว่าเหมือนเขาเองก็คุ้นชินกับเพื่อนๆ กับชีวิตที่นั่นแล้ว และเขาเองก็เติบโตที่นั่นมาตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัย”

ให้กำลังใจและซัพพอร์ตลูกยังไงบ้าง?
“ให้กำลังใจค่ะ เพราะเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ยากพอสมควร ต้องคุยกันนาน ต้องอธิบายกันยาวนาน และก็ต้องฟังเขาด้วย เขาเองก็เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีความคิดอีกแบบ ก็ต้องฟังเขาค่ะ”

ช่วงที่เจอกับดราม่าหนักๆ เขามาระบายหรือมีน้ำตากับเรื่องนี้ไหม?
“เยอะค่ะ เขาเครียด คือจริงๆ เขาเจอเรื่องหนักมาตั้งแต่ตอนซ้อมแล้วค่ะ แต่มาหนักสุดก็ตอนที่เจอเรื่องนี้นี่แหละค่ะ”

ตอนนี้สภาพจิตใจน้องโอเคขึ้นหรือยัง?
“ลึกๆ พี่เปิ้ลไม่แน่ใจนะ แต่ไม่น่า 100 เปอร์เซ็นต์ เพียงแต่เขาเองก็คงมองแนวทางว่าเขาจะยังไงต่อไปกับชีวิตเขา”

เป้าหมายตอนนี้คือขอเรียนให้จบก่อน?
“ใช่ค่ะ ใกล้จบแล้วเหลืออีกแค่ 2 วิชา”

เป็นไปได้ไหมว่าอาจจะชวนน้องกลับไทย?
“เขาก็มาไทยนะคะ ช่วงที่ครบรอบเสียชีวิตพี่ตั้ว 2 ปี เขาก็กลับมา ยังไปๆ มาๆ ส่วนเรื่องทำงานยังไม่เคยได้คุยเลยค่ะ อีกอย่างตัวเขาเองก็มีมุมมองของเขาเองด้วย เขามีเพื่อนที่นั่นเยอะ สังคมส่วนใหญ่ของเขาอยู่ที่นั่น”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2494875
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2494875