สัญญาทาส อิงฟ้า-ณวัฒน์ พร้อมทนาย ยืนยันไม่จ่ายสักบาท หลังถูกฟ้อง 1,245 ล้าน ขอเจอในศาล


ให้คะแนน


แชร์

ความคืบหน้าคดีตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
ณวัฒน์ : อย่างที่ทุกท่านทราบก่อนดำเนินการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมบางส่วนแล้ว แต่บางคนอาจจะสงสัยเพราะตอนที่เราได้สัญญามาแล้วก็พยายามอ่านอย่างละเอียด ซึ่งตอนได้สัญญามาแล้วก็พยายามทำความเข้าใจ แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะยืนยันก่อนเลยว่ามูลค่าที่คิดมาค่อนข้างสูง เพราะเราไม่รู้ว่าบางสำนักข่าวบอกว่าไม่ได้เยอะขนาดนั้น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นใครให้ข้อมูลก็ตามแต่สำหรับเรายืนยันว่ามีจำนวนมากกว่า 1,200 ล้าน ซึ่งรายละเอียดอย่างละเอียดเลยเดี๋ยวให้ทนายสาครอธิบายอย่างชัดเจน เพราะมันมีทั้งสองยอด ยอดแรกคือก่อนการทำสำนวนหลังจากนั้นอีกวันละ 1 ล้านบาท ในทุกๆ วันหลังจากนี้

ทนาย : คดีนี้มีการยื่นฟ้อง วันที่ 13 มิถุนายน 2565 ซึ่งมีทุนทรัพย์ในตอนนั้นคือ 49,500,000 บาท
รวมไปถึงที่เขาฟ้องข้อหาที่น้องไปกล่าวพาดพิง และฟ้องมาเรื่อยๆ จนถึงวันนี้ รวมเป็นเงินในตอนนี้คือจำนวน 1,245 ล้าน 5 แสน บาท เรามองว่าสิ่งที่โจทก์เรียกร้องมาข้อสัญญาก่อนหน้านี้ตั้งแต่น้องทำสัญญามาเค้าไม่ได้ให้คู่ฉบับมา โดยน้องก็ไม่รู้ว่าเนื้อหารายละเอียดเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นเรามาตรวจสอบสัญญาตามข้อกฎหมายแล้วสัญญานี้น่าจะเป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมในพระราชบัญญัติ 2540

หนึ่งในข้อสัญญาว่าจ้างเป็นนักร้อง ไม่ได้ระบุห้ามน้องไปประกวดนางงามอันนี้ถือว่าไม่มีข้อห้ามในการประกวดมิสแกรนด์ ส่วนที่สองเรามองว่าในสัญญาว่าจ้างนักร้องนักแสดงแต่กลับมีข้อห้ามไประบุหลายอย่างที่มันอาจจะนอกเหนือสัญญา เช่น ห้ามไม่ให้เป็นพิธีกร แสดงละคร แสดงภาพยนตร์ ถ่ายแบบเดินแบบ หรือรับจ้างโฆษณาให้บุคคลอื่น ไม่ว่าผ่านทางสื่อวิทยุโทรทัศน์สิ่งพิมพ์ทีวีหรือสื่ออื่นใด เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากคู่สัญญา

ณวัฒน์ : ข้อที่สองที่เรามองไม่เห็นทำคือได้ซ่อนปมสิ้นสุดอายุสัญญาไว้ คือหมายความว่าถ้าไม่มีการต่อสัญญานี้จะมีการต่อสัญญาไปเรื่อยๆ อีก 10 ปี แสดงว่าต้องตายจากกันไปข้างหนึ่งจนจะหมดอายุสัญญาตรงนี้ เรามองว่าเป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรม สิ่งหนึ่งที่เราจะโต้แย้งตามหลักการในสัญญาเลยคือไม่มีตัวไหนที่บอกว่าห้ามประกวดนางงาม เป็นไปไม่ได้คุณคนนึงจะต้องผูกมัดตัวเองไปกับสัญญานั้นตลอดชีวิตมันก็เข้าข่ายอย่างที่พี่สาครบอก

ตอนที่อยู่กับอดีตต้นสังกัดเก่าเป็นยังไง?

อิงฟ้า : คือจริงๆ ตอนที่อยู่กับเขาถ้าพูดถึงงานในฐานะศิลปินมันไม่ได้มีเลย แต่ว่าก็จะอยู่เหมือนเป็นพนักงานออฟฟิศที่เราก็ได้รับเงินเดือนปกติเดือนละ 10,000 บาท ประมาณหนึ่งปี ส่วนการซัพพอร์ต อย่างอื่นก็มีในเรื่องของค่าเทอม แต่ว่าที่เค้าแจ้งว่าส่งเราเรียนจนจบ อันนี้แล้วก็แจ้งว่าเค้าไม่ได้ส่งเราเรียนจบปริญญาตรี ซึ่งที่อยู่กับเขาก็ไม่มีงานโชว์เข้ามาเลย เป็นพนักงานบริษัทถ่ายเอกสารทั่วไป

ณวัฒน์ : จริงๆ เราก็รู้สึกว่ามันมีหลายข้อความที่มันไม่เป็นความจริง อย่างในเรื่องของการเรียนที่ส่งเราเรียนจนจบปริญญาตรี ซึ่งตอนนี้เราก็กำลังจะเริ่มเรียนใหม่ไม่ได้เรียนจนจบนะคะ และในพาร์ตของค่าเสียหายของการทำศัลยกรรมต่างๆ ซึ่งก็ไม่ได้มีรายละเอียดตรงตามที่เค้าแจ้ง ก็เดี๋ยวไปแจ้งในชั้นศาลอีกทีนึง ส่วนค่าเทอมก็มีในส่วนที่เค้าจ่ายแต่ไม่ได้จ่ายครบจบการศึกษาจนทำให้น้องเสียโอกาส

ผมคิดว่าตอนนั้นต้นสังกัดอาจจะคิดทำผลงานเพลงให้กับอิงฟ้าบ้าง แต่มันก็ไม่เคยออกมาเลยหรือจะเป็นงานโชว์งานอีเวนต์ก็ไม่เคยมีสักนิด เพราะฉะนั้นน้องก็จะอยู่งานในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสัญญาของน้องเท่านั้น

อิงฟ้า : ซึ่งตอนที่เราไปประกวดเดอะวอยซ์เราก็ไปเอง แล้วเราก็ไปดูสัญญาต้นฉบับเข้าไปคุยว่าอะไรบ้างที่เราทำได้อะไรที่ทำไม่ได้ แต่ตอนที่เข้าไปคุยก็ไม่ได้มีให้สัญญาต้นฉบับมา ซึ่งตอนนั้นก็ถูกห้ามและเราก็เสียโอกาสตรงนั้นไป

ณวัฒน์ : ซึ่งอิงฟ้าก็เพิ่งได้เห็นสัญญาพร้อมกับเราตรงนี้ไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน แต่ถ้าทุกอย่างได้ทำตามสัญญาและประสบความสำเร็จอิงฟ้าก็คงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้เป็นมิสแกรนด์

และเราก็ขอฝากถึงคู่กรณีอย่าเพิ่งไปลงกับแฟนคลับ อย่าเพิ่งไปลงกับนักข่าว อย่าไปเพิ่มประเด็นดีกว่า เพราะทางเราก็ยินดีที่จะต่อสู้ทางการกฎหมายให้มันเป็นเรื่องเป็นราวในคดีนี้ดีกว่า ไม่อยากให้คนอื่นเดือดร้อนกับเรื่องนี้ด้วย เพราะว่าตอนนี้มีคนนอกซึ่งเป็นแฟนคลับถูกฟ้อง แล้วก็เรื่องถึงโรงพักแล้วก็เป็นอาญาด้วย เพราะฉะนั้นเป็นหมิ่นประมาท

ผมขอเล่านิดหนึ่งว่าอย่างน้อยเราก็คิดว่าเราเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เราอยู่ร่วมโลกเดียวกันวัตถุประสงค์คือตรงนี้ครับ ไม่ใช่ตรงอื่นเพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งไปทำคนอื่น ถึงแม้คุณจะมีสิทธิ์เราก็เคารพสิทธิ์ของคุณ แต่อยากจะให้ผ่อนปรนสำหรับบางคนที่ไม่ได้ที่อยู่ในวงล้อมจริงๆ แต่เราก็รู้สึกโล่งใจที่มาอ่านดูแล้วไม่มีข้อห้ามประกวดนางงาม ไม่ได้ห้ามเป็นนักการเมืองก็แสดงว่าถ้าเรียนจบก็สามารถเป็น ส.ส.ได้ ไม่ได้ห้ามเป็นเชฟก็แสดงว่าถ้าน้องเรียนจบน้องก็สามารถไปเป็นเชฟทำอาหารได้

ตามกระบวนการกฎหมายต้องเจอกันตอนไหน?
ณวัฒน์ : นัดฟ้องวันที่ 26 ตุลาคม 2565 หลังจบการประกวดมิสแกรนด์อินเตอร์ ซึ่งเราก็จะมีวิธีการจัดการ เพราะน้องเค้าอยู่ในการดูแลของพวกเรา เราก็ต้องดูแล และในสิ่งที่จะต้องพูดอย่างที่ทนายพูดมันต้องปลดล็อกเพื่อสังคมในทุกๆ ด้านด้วย เพราะฉะนั้นถ้าศิลปินประสบความสำเร็จหรือสัญญาใดที่ประสบความสำเร็จมันจะไม่เกิดเหตุการณ์ขึ้นแบบนี้ ในวันนี้ซึ่งมันไม่ได้เป็นตามสัญญาก็น่าจะปล่อยให้เค้าไปทำอย่างอื่น และมันไม่ควรเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ซ้ำๆ กับทุกๆ คนที่มีภาระสัญญาผูกพันแบบนี้

ถ้าต้องจ่ายสามารถจ่ายได้เท่าไร?
ณวัฒน์ : คือมันตอบไม่ได้ แต่สำหรับเราคือสามารถจ่ายได้ 0 บาท และถ้าขึ้นศาลเราจะไม่ไกล่เกลี่ย จากการดูสถานการณ์ถ้าสู้คดีไม่มีการไกล่เกลี่ยจะมีการสืบพยานปีหน้า ก็ต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการข้อเรียกร้องที่เรียกร้องมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการศัลยกรรมหรือเป็นเรื่องของการศึกษาเราก็ต้องมีพยานมีหลักฐานทุกอย่างที่เค้าเรียกร้องมา

หลังจากนั้นแม้ว่าผลจะออกมาเป็นยังไงก็ต้องอุทธรณ์ประมาณสองปี ก็ต้องรออีกทั้งหมดประมาณห้าปี ยังไงก็แล้วแต่เราปฏิบัติภายใต้กรอบของกฎหมายที่เปิดให้สู้ตามกระบวนการยุติธรรม ขอย้ำอีกทีแทนน้องอิงฟ้าว่ายอมไกล่เกลี่ยไหม ไกล่เกลี่ยได้ก็คือต่างคนต่างถอยไป และก็ 0 บาท ถามว่ามากกว่านั้นได้ไหมก็ค่อยไปเจอกันที่ศาลครับ

เราได้บทเรียนอะไรจากตรงนี้บ้าง?

อิงฟ้า : มันก็เป็นบทเรียนของเรา เราก็อยากให้เป็นตัวอย่างกับเยาวชนอีกหลายคนว่าถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้เราก็ต้องคิดและไตร่ตรองให้รอบคอบมากขึ้นกว่านี้ แล้วก็อยากบอกว่าเราเสียโอกาสค่อนข้างเยอะ เพราะตอนนี้อาจจะไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ได้ ซึ่งก่อนที่เราจะเข้ามาอยู่ตรงนี้เราก็เคยสู้ขอความเป็นธรรมให้กับตัวเองมาตลอด เพราะเราก็ต้องมีครอบครัวที่ต้องดูแล

หลังจากวันนี้ก็มีรอยยิ้มมากขึ้น?

อิงฟ้า : ส่วนตัวก็จะไม่ค่อยเท่าไร แต่ห่วงคุณแม่มากกว่า ช่วงแรกท่านก็เครียดเพราะท่านเป็นหลายโรคเกี่ยวกับสมองด้วยต่อให้เราบอกเค้า เค้าก็ยังเครียดอยู่ดี มันก็ส่งผลกับสุขภาพที่เขาเป็น จากที่จะดีขึ้นมันก็ต้องกลับมาแย่เหมือนเดิม แต่ทุกวันนี้ก็ดีขึ้นพยายามบอกเค้าให้ใจเย็น คิดว่ามันต้องผ่านไปได้ ก็อยากจะขอบคุณ พี่ณวัฒน์ และเชื่อว่าตัวเองมาถูกที่ถูกเวลา ก็จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดให้สมกับที่เขารักและช่วยเหลือ

ขอฝากถึงอดีตต้นสังกัดเก่าอิงฟ้า

ณวัฒน์ : อยากขอร้องฝ่ายตรงข้ามว่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดเราต้องกลับมาคุยถึงเรื่องความเป็นจริง น้องอายุ 27 ถึงนับหนึ่งได้ น้องเพิ่งนับหนึ่งได้ไม่ถึงห้าเดือน อุปสรรคสิ่งที่แย่ที่สุดในชีวิตขณะนี้ก็คือชิ้นที่คุณกำลังหยิบยื่นให้กับน้อง ถ้าความรักมีจริงถ้าเกิดความปรารถนาดีมีจริงและหลักฐานความเป็นธรรมมีจริงมันต้องรู้สึกได้ว่าควรจะให้คนคนหนึ่งออกไปมีชีวิตที่ดีขึ้น

การประสบความสำเร็จของน้องจะมากล่าวอ้างอะไรมันก็ค่อนข้างจะฟังยาก เพราะว่าน้องเพิ่งอยู่กับทางเราเข้าสี่เดือนกว่า แต่ก่อนหน้านี้น้องอยู่กับที่อื่นมา 7-8 ปีเป็นเวลาที่มาก ควรที่จะไปสู่ดวงดาวจนข้ามไปดาวดวงอื่นได้แล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้อย่าคิดอะไรเยอะเลย ปล่อยน้องไปให้มีชีวิตของตัวเอง ผมว่าน่าจะเป็นกุศลด้วยแล้วก็น่าจะเป็นความสุขในชีวิตบั้นปลายของทุกคน อย่าคิดอะไรให้มันเยอะเกินไปยังยืนยันจุดเดิมว่าจะช่วยน้องเกินความสามารถ.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2495980
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2495980