อาฉี เผยว่า ที่ผ่านมาไม่ได้หายไปไหน ก็ยังรับเล่นละครอยู่กับ อาฉลอง ภักดีวิจิตร อยู่เหมือนเดิม แต่ด้วยความที่สมัยนี้มีสื่อให้ติดตามเยอะ คนอาจไม่ค่อยเห็น แต่ก็ยังรับงานละคร งานหนังเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าช่วงโควิดก็มีสะดุดไปบ้าง

อาฉี เล่าว่า เมื่อก่อนตอนสมัยยังเล่นตลกคาเฟ่ก็ยังเจอกับ เหลือเฟือ มกจ๊ก อยู่ ยังเดินสวนกันไปมา คำว่า “บัดซบจังเลย” มาจากหนัง ถ้าถามถึงความดัง ตอนนั้นเราไม่รู้ตัวหรอกว่าเราดังแล้ว เพราะเราไม่เคยดัง หลังไปออก ก่อนบ่ายคลายเครียด พี่เป็ด เชิญยิ้ม ก็ติดต่องานให้ไป ตอนนั้นออกมาตั้งคณะ อาฉี เสียงหล่อ แต่เมื่อก่อนอยู่คณะยุ้ย ยิ้มสยาม และก่อนหน้านี้ก็เคยใช้ชื่อ เด๋อ ดาวอังคาร เพราะมีหน้าตาคล้ายกับ เด๋อ ดอกสะเดา

เหลือเฟือถามต่อว่า ช่วงที่มีอยู่มีกินที่มีงานเยอะๆ คือช่วงไหน อาฉี บอกว่า เป็นช่วงที่อัดสปอตโฆษณาเยอะๆ เพราะตอนนั้นขายเสียง มีงานพากย์เยอะ แต่ตอนแรกอยากจะร้องเพลง อยากเป็นนักร้องมากกว่า ไม่ได้ตั้งใจจะมาเป็นตลก ก็วิ่งหาสมัครหลายที่ แต่เขาก็ไม่เอา ซึ่งอาชีพตลกไม่คิดว่าจะทำเลย เพราะเราไม่รู้และไม่เข้าใจ แต่ก็มีแต่คนจ้างไปเล่นตลก ไม่มีใครจ้างไปร้องเพลงเลย

อาฉี บอกว่า ตอนนี้อยู่อย่างสบายมาก อยู่ดีกินดี สถานะความเป็นอยู่ปัจจุบันนี้สบายมาก ไม่เดือดร้อนอะไร ที่เปิดร้านอาหารก็เพราะว่าเราก็ต้องมีอะไรสำรองไว้ เพราะอาชีพของเรามันไม่แน่นอน และร้านอาหารก็เป็นทางของเราด้วย ถามเรื่องหนี้สิน อาฉีบอกว่า มี จะไม่มีได้ยังไง แต่ก็มีการผ่อนผันกันได้ มีหนี้ไม่เยอะ แค่ 1-2 แสนเท่านั้น

ถามว่า เป็นคนฟุ่มเฟือยมั้ย อาฉียอมรับว่า เมื่อก่อนเป็นคนฟุ่มเฟือยหน่อย แต่ไม่ได้ติดแบรนด์เนม แค่อยากได้อะไรก็ซื้อ แต่ก็ไม่แพงมาก แค่ 400-500 บาท ส่วนมากจะเป็นพวกเสื้อผ้า แต่จริงๆ มันก็ไม่มีความจำเป็นมากมาย แค่ต้องใส่ให้มันดูดีเท่านั้นเอง

ถามว่า อยากทำอะไรต่อไปในวงการบันเทิง อาฉี บอกว่า ถ้ามีโอกาสอยากจะสร้างหนัง ทำหนังเป็นของตัวเองจากพล็อตเรื่องที่เป็นไอเดียของเรา แต่ถ้าไม่มีโอกาสก็ไม่เป็นไร ก็เคยสร้างหนังด้วยทุนตัวเองเหมือนกัน แต่มันไม่สำเร็จ.