ล่าสุดหลังจากที่จบจากรายการ เปิดปากกับภาคภูมิ ทางไทยรัฐทีวี เกรซก็ได้ลงมาให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าว โดยเจ้าตัวได้เผยว่า กว่าจะจับโจรได้ ต้องกลั่นกรองความคิดและวางแผนมาเยอะมาก พร้อมกับขอบคุณทุกๆ ฝ่ายให้ที่ความช่วยเหลือ ส่วนเรื่องงานเพลง ภูมิใจในตัวเองสุดๆ ที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างดี เพราะตอนที่คิดจะทำเพลง คิดแค่ว่าทำเอาสะใจ ปีนี้จะมุ่งไปที่งานเพลงอย่างเดียว ส่วนละครมีแพลนเริ่มทำปลายปีหน้า

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนชื่นชมกับแผนการต่างๆ ของเรา ต้องใช้ความคิดเยอะมั้ย?

“กลั่นกรองเยอะมาก เปลี่ยนหลายแผนมากกว่าจะเลือกมาเป็นแผนนี้ เริ่มจากอันแรกเลยที่เกรซชั่งน้ำหนักว่าตัวเองจะโพสต์ดีมั้ย เพราะว่าการโพสต์มันสองแง่สองง่าม คือเรามีสื่อโซเชียลในข้อมูลของเราใช่มั้ยคะ ก็กระจายเพื่อให้ร้านรับซื้อได้รู้ตัว จะได้ไม่รับซื้อของโจร แต่มันก็ทำให้คนร้ายตื่นตัว มันก็เป็นผลดีผลเสีย

กับอีกอันหนึ่งไม่โพสต์ดีมั้ย แล้วเรากระจายสื่อของเราตามร้านแบรนด์เนมต่างๆ ที่เราเคยซื้อ ถ้ามีแบบนี้มาให้บอกเลยนะ แต่ก็ตัดสินใจว่าผลเสียขององค์รวม ไม่ว่าจะเป็นร้านรับซื้อหรือลูกค้าที่เขาซื้อไปแล้ว มันจะซวยหลายทอด เลยตัดสินใจว่าลบโพสต์ดีกว่าเพื่อป้องกัน และไม่ให้คนอื่นตกเป็นเครื่องมือของโจรด้วย”

ย้อนกลับไปวันแรก พอรู้ว่าเกิดเรื่องทำอะไรก่อนอันดับแรก?

“ตอนนั้นทำงานอยู่ แล้วช็อกมาก คุณแม่โทรมาบอกว่า เกรซ ที่บ้านโดนโจรขึ้นบ้านนะ ใจเย็นๆ นะ ของหนูหายไปหมดเลย เราก็ตกใจ คือมันมีของประจำที่เกรซใช้อยู่ที่คอนโด ที่บ้านก็มีของที่เรารักเหมือนกัน ที่เราเก็บไว้ อาจจะไม่ได้ใช้ หรือผ่านการใช้มาแล้ว

เราก็แจ้งตำรวจเลย อย่างน้อยมันก็เป็นรูปคดีความ คุณตำรวจก็มาที่บ้าน เก็บลายนิ้วมือ เพราะเรามีความกังวลว่าจะเป็นคนในรึเปล่า ที่รู้ว่าวันนี้เราไม่กลับบ้าน ทำไมมันมาได้เป๊ะจังเลย เลือกห้องเรา ก็มีความคิดหลายอย่าง ไม่สามารถไว้ใจใครได้เลย รวมถึงการล่อซื้อ เราก็เลือกแฟนให้พาขับรถไปคนเดียวเลย ไม่ไปกับใครใดๆ เพราะว่าเราก็อยากจะเซฟด้วย เผื่อว่าโจรจะรู้ว่ารถคันนี้ทะเบียนของเรา

สติสำคัญมาก และเกรซรู้สึกว่าตัวเองโชคดี และโซเชียลมีเดียก็ช่วยด้วย รวมถึงคุณตำรวจก็น่ารักด้วย และที่สำคัญคือร้านรับซื้อ และทุกคนที่กระจายข่าว ให้ความร่วมมือกับเราดีมากๆ เลย และทุกคนให้ความร่วมมือกระจายข่าว จนตามของกลับมาได้ รู้สึกขอบคุณมากๆ”

ที่บอกว่ากลัวว่าจะเป็นคนใน เราสงสัยใครเป็นพิเศษไหม?

“ไม่มีใครในใจ เพราะว่ามันไม่มีเบาะแสอะไรเลย แค่เป็นความกลัวว่าเขาอาจจะรู้ว่าเป็นเรามา ก็เลยมีความกลัว เลยตัดสินใจไปลุยเอง เพราะว่ามันคือของของเรา ถ้าเกิดตำรวจรวบแล้ว มันไม่ใช่ของๆ เรา เราผิดมากเลยนะ แต่ว่ามีการยืนยันกับร้านแล้ว ทางคนร้ายได้ถ่ายรูปมาว่าจะไปส่งของลอตนี้ แต่เราก็ได้รีเซ็กด้วยตัวเราเอง

ซึ่งเราไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ คนอาจจะบอกว่าไม่กลัวเหรอ ด้วยความที่เกรซเป็นเกรซ เป็นคนชอบจัดการ ชอบทำอะไร เราก็ไม่สามารถนั่งอยู่เฉยๆ แล้วรอให้เป็นความโชคดีได้ เราไม่สามารถรอกระบวนการยุติธรรมหรือใจเย็นได้ ด้วยความที่เหตุมันเกิดวันนั้น เราก็ทำวันนั้นเลย ต้องขอขอบคุณตำรวจ สน.คูคต มากๆ ค่ะ ที่ช่วยกันรวบตัว

สำหรับเคสนี้ เกรซ ว่าเอาให้เป็นอุทาหรณ์ และดูแลทรัพย์สินของเราดีๆ แต่มันก็ยากอีก เพราะว่ากระเป๋ามันไม่ได้เหมือนเครื่องเพชรหรือนาฬิกาที่เราจะใส่ในตู้เซฟอยู่แล้ว เราก็ไว้ในห้องนอนของเรา มันเป็นของใช้ มันเป็นของที่มีมูลค่าและถูกลักไปแลกเป็นมูลค่าอย่างอื่นได้ แค่จะต้องระวังตัวเองให้ถึงที่สุด รวมถึงร้านรับซื้อของแบรนด์เนม ซึ่งในปัจจุบันนี้โจรวิ่งราวมันเยอะ ถ้ามีอะไรที่น่าสงสัย ไม่น่าเชื่อถือ อยากจะให้เพิ่มขั้นตอนในการตรวจสอบนิดหนึ่ง ไม่งั้นคุณอาจจะเป็นผู้โชคร้าย รับซื้อของโจรโดยไม่รู้ตัวก็ได้”

บทบาทนักร้อง เพลง I DON’T KNOW ตอนนี้ขึ้นหลักล้านวิวแล้ว ภูมิใจกับซิงเกิลนี้ยังไงบ้าง?

“ก็ภูมิใจนะ เราไม่ได้คาดหวังว่ามันจะโอ้โหล้านวิว คือเพลงนี้เราทำเอาสะใจ เป็นจริตที่เป็นตัวเรา สงสารทางค่ายมาก คือเพลงแรกมันเป็นเอกลักษณ์ของเรา ก็ต้องขอขอบคุณทางค่ายสไปซี่ดิสมากๆ ที่เปิดโอกาสให้เกรซได้เป็นตัวเอง ได้ทำในสิ่งที่เรารัก และหาตัวเองเจอ”

ได้อ่านฟีดแบ็กมั้ย?

“อ่านนะคะ คนก็บอกว่าเพลงต่อไปเจอเลย จะเต้นให้ลุกเป็นไฟ เราก็บอกว่า ไม่ไหวแล้ว เอาแค่นี้แหละ ไหนจะจับโจรอีก วันนั้นอะร้องก็ต้องร้อง เต้นก็ต้องเต้น ไหนโจรก็ต้องจับอีก ไม่ไหวแล้ว แต่สนุกดีค่ะ พอกลับมาคิดก็เป็นเรื่องขำๆ เพราะเหตุการณ์มันผ่านไปแล้ว ส่วนปีสองปีนี้ ขอลุยงานเพลงเต็มที่ ส่วนละครเจอกันอีกทีปลายปีหน้าเลย ปีนี้จะเป็นเรื่องของเพลงอย่างเดียวเลย”

มีแพลนการทำงานยังไงบ้าง?

“แพลนคือต้องรักษาร่างกายให้ดี เพราะว่าเวลาที่เรานอนไม่พอ ตื่นเช้ามาเสียงมันไม่ดีนะ แล้วทุกรายการมีความสำคัญ เราต้องใส่ใจในการทำงานทุกๆ ครั้ง ซึ่งการทำงานมันเหนื่อยแสนเหนื่อย เข้าใจ แกรนด์ เดอะสตาร์ แล้วว่าทำไมต้องตื่นมาซ้อมทุกๆ 6 โมงเช้าแต่มีงานเที่ยง”

แล้วจะได้เห็น 2 พี่น้องเต้นกับแบบไฟลุกมั้ย?

“ต้องรอฟีตเจอริ่งเพลงที่เต้นกับ แกรนด์ เดอะสตาร์ ปีหน้าค่ะ เจอเลย ต้องมี สำหรับซิงเกิลหน้า อาจจะเป็นเพลงที่จังหวะเบาลงนิดหนึ่ง แต่ก็ยังเป็นคาแรกเตอร์ของเกรซอยู่ที่เป็นแบบกวนๆ ค่ะ หลายคนอาจจะชินที่เราร้องเพลงประกอบละคร ร้องเพลงคัฟเวอร์ เป็นสายชิล”

อยากจะบอกอะไรแฟนๆ ที่เขาซัพพอร์ตเราเต็มที่?

“ขอขอบคุณทุกๆ คนมากๆ สำหรับกำลังใจทุกเรื่องเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น และเรื่องเพลงค่ะ ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ค่อนข้างหนักสำหรับเกรซเหมือนกันค่ะ ในการที่จะเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ หลายอย่าง แต่ก็ดีใจที่ตัวเองได้ทำ ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะปังเบอร์ไหน แค่เราได้ทำและสะใจ มีความสุขในชีวิตเราพอแล้ว และขอขอบคุณสำหรับคำติชมด้วย มันมีความหมาย และทำให้รู้ว่าเขาต้องการอะไร อยากเห็นอะไร อยากให้ติชมกันมาเยอะๆ ค่ะ (ยิ้ม)”.