คดีพลิก!! “ก้อย อรัชพร” ขอเคลียร์ “นิกกี้” ยกเงินให้ทุกบาทที่แท้ไว้โปะหนี้บ้าน


ให้คะแนน


แชร์

ที่ตัดสินใจรับเพราะอะไร

“รับเพราะพี่คงเดช ผู้กำกับ ก้อยไม่เคยได้เล่นหนังโรง ส่วนใหญ่ก้อยจะอยู่พาร์ตซีรีส์เป็นหลัก แต่ถ้าหนังไม่เคยเล่นเป็นความฝันอยู่แล้ว เป็นภาพยนตร์ที่ก้อยเล่นเต็มตัวเรื่องแรก บวกกับเราเคยเห็นผลงานพี่คงเดช อยู่แล้ว สนิทกับพี่ปอม ราสิเกติ์ เล่นตั้งวงมากับพี่คงเดช เขาอวยยศตลอดว่าเก่ง เรารู้สึกว่าอยากร่วมงานกับคนที่มีแพสชันด้านนี้ รับเพราะสิ่งนี้เลย พอได้อ่านบทแล้วรู้สึกว่ามันเป็นความเแปลกใหม่ไม่เห็นประเทศเราทำหนังแนวนี้เท่าไหร่ เลยรู้สึกอยากเล่น”

เป็นหนึ่ง 1 ในแอนแล้ว คาแรกเตอร์หลักๆของก้อยเป็นแบบไหน

“ตัวละครตัวนึงที่อยากจะโชว์ความอยากมีชีวิตรอด อยากมีชีวิตมากที่สุด เรื่องนี้เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมี นั่นคือรอดเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่เวลาแคร์คนอื่น เพราะในชีวิตจริงเราอยากเป็นคนดี ให้คนอื่นรับรู้ แต่ตัวนี้มีด้านมืดอยู่ข้างใน ไม่สนคนอื่นจะไปเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด”

ต้องทำการบ้านหนักขนาดไหน

“ข้อดีคือมีเวิร์กช็อป ระหว่างเวิร์กช็อปอยู่ในช่วงโควิด ปกติเวิร์กช็อปต้องมาเจอกันแต่เวิร์กช็อปช่วงโควิดต้องผ่านระบบซูม เล่นละครให้ดู สิ่งที่เกิดขึ้นคือก้อยอยู่คอนโด แล้วจะต้องกรี๊ดๆๆ แม่ก็งง เพื่อนข้างบ้านตกใจเกิดอะไรขึ้น เป็นการเวิร์กช็อปแปลกใหม่และแตกตื่น รู้สึกว่าเปลี่ยนสถานที่ เพราะแต่ละคนอยู่กันคนละที่ มันส์ดี”

มันยากหรือขำล่ะ

“ตอนแรกก็มีคิดว่ามันจะยากหรือเปล่า เป็นการมองหน้าผ่านจอคอมพ์ สุดท้ายเราอินกับตัวละครมันทำได้ พี่เดช พี่ปอม หรือครูร่ม ที่เวิร์กช็อป เขาคอมเมนต์ ทำไปสักพักก็เหมือนเจอกันจริงๆนะ สิ่งที่ไม่เหมือนคือคนข้างบ้าน เกิดอะไรเอย แม่ต้องไปบอกเขา”

ช่วงแรกๆที่ก้อยกรี๊ดออกมาแม่ตกใจมั้ย

“คือก้อยบอกแม่ว่าจะเวิร์กช็อปนะ แล้วก้อยเลี้ยงหมาด้วย แล้วหมาตกใจที่อยู่ๆเจ้าของกรีดร้องว่าเกิดอะไรเอ่ย อะไรแบบนี้ ต้องพาหมาไปเดินบ้าง ก็เป็นเรื่องตลกๆที่เกิดขึ้นตอนเวิร์กช็อป การทำงานหนังเวิร์กช็อปในช่วงที่มีโควิดทำให้เราต้องปรับตัว เหมือนเราคุยกับคอมพ์”

ความตื่นเต้นท้าทายนอกจากเรื่องซูม สิ่งที่ได้เจอะเจอจากเล่นหนังเรื่องนี้คืออะไร

“ก้อยว่ามีหลายมิติมาก ก้อยไม่เคยทำงานกับพี่เดช ไม่เคยถ่ายหนังมาก่อน มิติหนังต่างจากซีรีส์มาก เซตอัปบวกกับพี่ปอมมีความเป็นอาร์ตไดเรกชัน มันมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทำให้เราตื่นเต้นเพราะว่ารู้สึกมันใหม่สำหรับเรา สิ่งที่ยากเราไม่ได้เป็นแอนปกติ คือปกติเราเป็นตัวละครของเราแค่คนเดียว เราต้องดูแอนคนอื่นด้วยเล่นแบบไหน เราต้องเชื่อมโยงตัวละครตัวอื่นด้วยว่าอยู่ในภาวะแบบไหนต้องต่อเนื่องกันนะ”

นิกกี้มีถามหรือเราซ้อมบทให้เค้าดู

“(หัวเราะ) ไม่มีค่ะ แต่ชอบกลับมาเล่าให้เค้าฟังว่าแปลกใหม่มากเลยนะ สนุกดี เราชอบเล่าความตื่นเต้นให้เค้าฟัง รอดูๆ”

นิกกี้มีสอนการแสดงก้อยบ้างมั้ย

“เขาสายเป็นตัวเองนั่นแหละ เขาเป็นคนมีความเป็นยูทูบเบอร์ มีความเป็นตัวตนชัดเจน ลักษณะนิสัยของเขาเป็นตัวเอง เวลาเขาเล่นเราเล่น ก็จะเออๆๆดีนะ ไม่เคยเห็นมุมแบบนี้ในชีวิตจริง เขาจะชอบอวยยศ”

ภาพที่ออกมาทุกคนจะมองว่า นิกกี้กลัวก้อยดูเกรงใจไปหมด

“ตัวจริงเขาเป็นคนขี้เขิน ขี้อายมาก เวลาออกไปข้างนอกหรือเจอคนไม่รู้จักจะเป็นคนเงียบๆ”

เวลาอยู่กับ เพื่อนนิกกี้มาแนวซ่าส์ๆ บ้าบอเหมือนกันนะ

“ใช่มะ ก้อยก็งงเหมือนกัน เค้าเคยบอกก้อยว่าพี่เป็นไบโพลาร์หรือเปล่า (หัวเราะ)”

เวลาเจอคนไม่รู้จักก็ชอบพูดติดอ่างใส่เค้าอีก

“ใช่ๆ แปลกมาก ก้อยเจอเค้าแรกๆ ติดอ่างเยอะมาก”

เพราะเขินก้อยมั้ย

“อาจจะเป็นไปได้ เขาพูดติดอ่างเวลาเขิน ประหม่า เวลาทำอะไรไม่ถูก พอคบกันจนถึงตอนนี้เค้าติดอ่างน้อยมาก ลืมไปแล้วติดอ่าง แต่เวลาออกรายการหรือเจอคนไม่รู้จักเอาอีกแล้วพูดติดอ่าง เวลาเจอผู้หญิงสวยๆ พูดติดอ่าง ก้อยได้ยินก็จะแซวเค้าติดอ่างอีกแล้วนะ (หัวเราะ)”

ก่อนหน้านี้นิกกี้ไม่ว่าสัมภาษณ์ อะไรๆ จะถามก้อยก่อน

“เค้าน่ารักค่ะ”

จริงๆเวลาเราอยู่กับเค้าก้อยดุเค้าบ่อยรึเปล่า นิกกี้ถึงกลัวและเกรงใจเรามากขนาดนี้

“ไม่เลยก้อยปล่อยมาก จริงๆเป็นเพราะเขาผ่านชีวิตอะไรๆมาเยอะ ก้อยเชื่อว่าไม่มีทางเปลี่ยนใครได้หรือควบคุมใครได้ เค้าอาจจะอยากเปลี่ยนอยู่แล้ว ด้วยความที่โตขึ้น คิดว่านั่นคือทางของเค้าเอง แต่ถ้าก้อยเอง ก้อยปล่อยเค้ามากและพูดกับเค้าเสมอ อยากทำอะไรก็ทำ สิ่งเดียวคือให้เกียรติกันแค่นี้ รู้สึกว่าเราพูดน้อย แทบไม่บ่นอะไร เวลาเราพูดหนึ่งทีอาจจะมีน้ำหนัก”

เขาให้สัมภาษณ์ว่าก้อยมาเปลี่ยนแปลงชีวิตที่ดีขึ้น แม้แต่เรื่องเงินให้เราเก็บหมด

“ก้อยจะตอบคำเดิมเราไม่มีทางเปลี่ยนเขาได้ แต่เค้าอยากดีขึ้น ก้อยว่าเขาผ่านชีวิตมาและได้รู้มาอะไรที่ไม่ดีสำหรับชีวิตเค้า ดีสำหรับชีวิตเค้า เขาเลือกแล้ว เขาอยากดีขึ้น อยากมั่นคง อยากโตขึ้นแล้ว ก้อยว่านั่นคือสิ่งที่ทำให้เค้าเป็นแบบนี้ แต่ถามก้อย เค้าก็เป็นคนน่ารัก เขาทำไม่แค่เพื่อตัวเองและแสดงให้เราเห็น ครอบครัวเราด้วย เขาก็จริงใจกับเรา”

ทุกบาททุกสตางค์นิกกี้ยกให้เราเก็บหมดจริงมั้ย

“ ไม่ขนาดนั้น เว่อร์ (หัวเราะ) มันแค่ว่าเขาผ่อนบ้าน พี่นิกกี้มีความชอบอะไรหลายๆอย่างเยอะ เห็นรถก็ชอบ เห็นเสื้อผ้า เห็นทุกอย่างชอบไปหมด ตัดมาที่ก้อย ไม่ใช่ไม่ชอบ เราจะมีสิ่งที่ชอบไม่มาก เป็นคนใช้เงินเป็นมากกว่า บ้านยังผ่อนไม่หมดนางก็ซื้อรถอีก ก้อยรู้สึกว่าผ่อนสองทาง ถามว่าโปะบ้างมั้ยเพราะก้อยมีบ้านของก้อยเอง ก้อยโปะหนักมากทุกเดือนเพราะดอกเบี้ยบ้านมันแพง แต่นางไม่ใช่คนคิดเยอะ ผ่อนตามเงินที่เขาให้ผ่อน ถ้าผ่อน 20 ปี ดอกเบี้ยจะครึ่งนึงของบ้านเลยนะ ก้อยมีความรู้สึกว่าพูดไปเหมือนไม่เข้าหูเลยบอกเอามาเงินนี่มั้ย เดี๋ยวจัดการจ่ายเอง ก้อยจะเก็บแค่เงินจะไปโปะบ้าน เงินส่วนตัวของเขาก้อยไม่ได้ยุ่ง ก้อยชัดเจนนะ เงินใครเงินมันเพราะเราต่างคนต่างทำงาน หาเงินได้ แต่เงินนี้เราบอกเค้าว่าผ่อนบ้านเหอะเพราะว่าก้อยอยากให้หมดภายในสองปี ก้อยเชื่อว่าเค้าทำได้อยู่แล้ว ถ้าผ่อนเกิน 3 ปี ดอกจะทบขึ้นอีกหลายเปอร์เซ็นต์ งานเค้าทำได้แต่วินัยการใช้เงินมันอาจจะน้อยหน่อยเลยบอกเอามานี่ เดี๋ยวดูให้ในส่วนนี้”

ยังไม่ถึงขั้นยึด ATM ใช่มั้ย

“ไม่ๆ แค่ว่ามีก้อนนึงที่เค้าขายรถได้ รถคันเก่าแล้วความโชคดีหรือความประจวบเหมาะ ธนาคารนางไม่รับเงินหรือมีปัญหาอะไรไม่รู้ ก้อยเลยบอกว่าเอาบัญชีเราไหมล่ะ (หัวเราะ) หลังจากนั้นโอนมาให้เรา เราเลยโอเคเงินอยู่ที่เราก็เลยเอาไปโปะบ้าน ห้ามเค้าเอาเงินไปทำอย่างอื่นแค่นั้น”

เพราะมันคือเรือนหอในอนาคต

“(ถอนหายใจ) เอาอย่างนี้ดีกว่า ถามตอนนี้มันคือบ้านของเค้า แต่ถ้าวันนึงแต่งงานก็โอเค อาจจะเป็นเรือนหอ”

นิกกี้บอกว่าวันนึงเกิดเค้าเป็นอะไรยกให้ก้อยเลยนะ

“เขายังผ่อนไม่หมดไงล่ะ (หัวเราะ) ยกหนี้ให้เราแหละ ทุกครั้งคนฟัง นิกกี้ดูคลั่งรักแต่ยังเหลือผ่อนครึ่งนึง”

เริ่มคุยเรื่องอนาคตเรื่องแต่งงานกันบ้างหรือยัง

“ก็มีพูดบ้าง แต่ตัวก้อยเองไม่ได้เป็นคนซีเรียสขนาดนั้น จะเป็นคนชิลชิล แต่คนที่ไม่ชิลจะเป็นแม่หรือครอบครัว การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่แต่สำหรับเรา ค่อนข้างเฉยๆก็เลยไม่ไปกดดันเค้าเพราะที่เป็นอยู่ปัจจุบัน เป็นอะไรที่โอเคมากแล้ว เขาอยากแต่ง แต่เคยคุยกัน เขาเป็นคนอยากมีลูก คุณนิกกี้เขาเคยพูดว่าอยากมีลูกนะ เราโอเครับรู้แต่เราบอกเสมอว่าเรารักการทำงานมากไม่ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรเราก็จะทำงาน”

กับเรื่องงานก้อยตอนนี้ล้านแปดโปรเจกต์ ยังมีโปรเจกต์ใหม่ๆอีกมั้ย

“ก้อยก็ทำไปเรื่อยค่ะ มีหนังเรื่องนี้ และก้อยต้องทำยูทูบ ก้อยเขียนหนังสือเพราะก้อยเป็นคนชอบอ่านหนังสือ เป็นเรื่องสั้นหลายๆเรื่องมารวมกันประมาณ 20 กว่าเรื่อง เกี่ยวกับตัวเราทัศนะคติที่เรามองต่อโลก เป็นเรื่องสั้นจบในตอน จะลงทุนทำเอง จ้างสำนักพิมพ์เอง ออนไลน์ หรือติดต่อร้านหนังสือบ้าง มาร์เก็ตติ้งแพลนยังไม่มี ตอนนี้รอเขียนให้เสร็จก่อน”

จุดเริ่มจับปากกาเขียน

“เมื่อก่อนก้อยเขียนบทซีรีส์มาบ้าง หนังบ้าง ก้อยเป็นคนเขียนมอนิ่งเพจเกือบทุกวัน เป็นไดอารี พอเราเขียนทุกวันเกิดคำถาม สิ่งที่เราเขียนมีหลายอย่างมากที่เราอยากสื่อสารให้คนรู้ว่าเป็นสิ่งที่เราคิดเลยทำให้อยากลองเขียน อยากลองแชร์สิ่งที่เราเจอในแต่ละวันให้คนอื่นรู้ แต่จะมานั่งเขียนวันนี้ฉันไปโน้นมันเขินๆ ด้วยอาจจะไม่ใช่สไตล์เราเลยผันให้เป็นเรื่องสั้น”

เวลาอยู่ในโลกของนักเขียนเป็นยังไง

“ทำให้ก้อยมีสมาธิดีนะ ทำให้เรามีการตกผลึกกับตัวเองจริงๆเรื่องที่เราเล่า รู้สึกกับมันในแง่ไหน อยากสื่อสารอะไรออกไป โมเมนต์นึงที่เราอยากสื่อสาร มองรอบด้านหรือยัง เราไม่รู้คนอ่านได้อะไรแต่ตัวเราได้ตกผลึกตัวเองก่อนที่เราจะเขียนออกมา ทำให้เรารู้จักตัวตนเองมากขึ้น ตั้งใจจะเขียนให้เสร็จปลายเดือนตุลา กว่าจะตีพิมพ์ก็ปลายปี”

เรื่องสั้นที่เขียนมีเรื่องราวเรื่องเล่าของนิกกี้บ้างมั้ย

“ก้อยไม่ได้เขียนตัวละครไหนชัดเจนแต่มีประเด็นมีเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิต มีอยู่แล้ว (หัวเราะ) รออ่านได้ค่ะ”

ทุกวันนี้คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง

“ประสบความสำเร็จแล้วค่ะ ทุกวันนี้สิ่งที่ก้อยได้มันคือกำไร หมายถึงว่า ก่อนหน้านี้ก้อยเป็นคนมีความคาดหวังในตัวเองสูง คิดว่าอยากได้โน่นอยากได้นี่ การที่เราโฟกัสสิ่งนั้นทำให้เราไม่เคยได้มา พอเรารู้สึกแค่ทำมันในสิ่งที่เราอยากทำ ถามตัวเองจริงๆได้ว่า ไม่ว่ายูทูบที่เราทำมันเกิดจากการที่เราอยากทำมัน สิ่งที่ได้มาเป็นกำไรชีวิต เมื่อก่อนแม่ยังอยากให้เป็นหมออยู่เลย รู้สึกชีวิตคาดเดาไม่ได้ ทุกวันนี้ครอบครัวสบายแล้ว เราทำงานที่อยากทำถือว่าโชคดีมากๆ ภูมิใจในสิ่งที่ทำ มันเป็นความสุขดีกับสิ่งที่ทำ”.

เรื่อง: วรรณี ห่อวโนทยาน

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2527098
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2527098