ยังไม่เคยเล่า อาย กัญญาลักษณ์ ลิ้นหัวใจรั่วเกือบคร่าชีวิต เมินทุกคำดูถูก


ให้คะแนน


แชร์

คว้าใจแฟนนางงามไปได้อย่างอยู่หมัด สำหรับ อาย กัญญาลักษณ์ หนูแก้ว หลังจากที่เธอโชว์ฟอร์มเยี่ยมบนเวทีประกวดต่างๆ ด้วยการเดินแบบสับบนเวที สามารถสะกดสายตาคนดูได้ทุกรอบไม่ว่าจะเป็นชุดว่ายน้ำหรือชุดราตรี แต่หลายคนไม่เคยรู้เลยว่าเส้นทางนางงามของเธอกว่าจะมาถึงวันนี้ ต้องก้าวผ่านอุปสรรคแสนเจ็บปวดมานักต่อนัก

ซึ่ง อาย กัญญาลักษณ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับ บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ เอาไว้ว่าชีวิตของเธอไม่เคยรอโอกาสมีแต่จะเดินไปหาโอกาสเองทุกครั้ง แถมยังเป็นสุดยอดลูกกตัญญูยอมสละเงินรักษาอาการป่วยตัวเอง เพื่อนำไปรักษาคุณพ่อที่ป่วยเป็นโรคหัวใจแทน เพราะต้นทุนชีวิตของเธอที่แตกต่างจากคนอื่น

อาย กัญญาลักษณ์ หนูแก้ว

ชีวิตวัยเด็กไม่มีตุ๊กตาเล่นเหมือนคนอื่น

“ตอนนั้นก็มีวีรกรรมหลายอย่าง เพราะว่าเรามีนิสัยและบุคลิกค่อนข้างที่จะแมนๆ ในตอนเด็กก็จะเล่นกับผู้ชายและมีเพื่อนผู้ชายส่วนใหญ่ เพราะว่ากิจกรรมที่เราชอบเล่นก็จะเป็นเหมือนแบบแนวผู้ชายมากกว่า ซึ่งในตอนนั้นคุณครูก็ให้เราคุมผู้ชายไปด้วยเพราะเราเป็นคนที่ตัวใหญ่มากๆ และเป็นคนที่ผู้ชายไม่กล้ามีเรื่องด้วย เรียกว่าตอนนั้นต่อยกับผู้ชายมีเรื่องกับผู้ชายบ้าง ซึ่งตอนนั้นเราจะเป็นคนที่ลุยๆ ตั้งแต่เด็กเลยจำความได้ว่าไม่มีของเล่นไม่มีตุ๊กตาเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ กิจกรรมในตอนนั้นก็จะเป็นแบบซ่อนแอบปีนต้นไม้เล่นดินทราย หรือแบบว่ายน้ำในคลอง”

ต้นทุนชีวิตเริ่มจากศูนย์

“เป็นคนที่เริ่มจากศูนย์ เป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่กล้าแสดงออกสักเท่าไรในตอนนั้น แต่ด้วยความที่คุณพ่อเป็นนักร้องมันเลยเป็นจุดเริ่มต้นทำให้เรากล้ามากยิ่งขึ้น เพราะพ่อสอนให้ร้องเพลงให้ไปประกวดร้องเพลงมันทำให้เรากล้ามากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นเราก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนักร้องโรงเรียน มันเลยทำให้เรากล้ามากยิ่งขึ้น

คุณพ่ออายเป็นนักร้อง ส่วนคุณแม่อายเป็นพยาบาล ซึ่งตอนอายยังเด็กคุณพ่อก็ป่วยเป็นโรคหัวใจ ส่วนคุณแม่ตอนนี้ก็มีโรคประจำตัวทั้งคู่ก็ป่วยทั้งสองท่าน เราก็ลำบากพอสมควรเพราะว่าคุณแม่ไหนจะต้องรักษาตัวเองแล้วก็รักษาทั้งคุณพ่อก็ค่อนข้างที่จะต้องใช้เงินพอสมควรเลย ตั้งแต่ตอนเด็กอายุ 12 อายก็เลยไม่เคยขอเงินครอบครัวใช้อีกเลย ซึ่งเราก็หาเงินใช้เองด้วยการร้องเพลง พอร้องเพลงได้มาก็จะเอาเงินไปจ่ายค่าเทอมเอง หาเงินไปโรงเรียนด้วยตัวเองตั้งแต่เด็กค่ะ”

เคยป่วยลิ้นหัวใจรั่วเหมือนคนจะตาย

“ความลำบากที่เคยเจอมาตอนเด็ก จริงๆ มันมีหลายเรื่องมากๆ ที่เราเคยเจอมา ขอยกตัวอย่างตอนช่วงแรกๆ เลยที่เราคิดว่ามันลำบากมากๆ นั่นก็คือตอนที่อายป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว ซึ่งตอนนั้นเราลำบากมากๆ ในเรื่องของการใช้ชีวิต เพราะว่าตอนนั้นเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเรา นั่งอยู่ดีๆ ก็เหนื่อย ก็หายใจไม่ออก อยู่ดีๆ ก็เจ็บหัวใจจี๊ดขึ้นมา ซึ่งตอนนั้นเราทรมานมากเหมือนคนจะตายเลย ทำให้ตอนนั้นเราต้องขาดเรียนค่อนข้างบ่อย เพราะว่าเราต้องไปหาหมอไปใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าในหัวใจตั้งแต่เด็กเลย และเราไม่ค่อยได้เรียนบ้างเพื่อนก็หายไปบ้าง

ตอนนั้นการใช้ชีวิตไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเรียนก็ลำบาก คือมันลำบากไปทุกอย่างเพราะคุณแม่ต้องหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับอาย จากที่แม่เป็นหนี้อยู่แล้วก็มาเป็นหนี้กับเราเพิ่มอีก และคุณแม่ก็ต้องดูแลคุณพ่อที่ป่วยเป็นโรคหัวใจด้วย ซึ่งเราก็ไม่ทำการผ่าตัด เราก็บอกคุณแม่ว่าไม่เป็นไรให้คุณแม่เก็บเงินไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่คุณพ่อป่วยก่อน แล้วก็พยายามหาแนวทางที่ทำให้ตัวเองดีมากขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมันก็เริ่มดีขึ้นแล้วตอนนี้แล้วก็หายเป็นปกติแล้ว หมั่นดูแลรักษาสุขภาพตัวเองออกกำลังกายบ้าง เพื่อที่จะให้หัวใจกล้ามเนื้อเรามันแข็งแรงขึ้น”

อาย กัญญาลักษณ์ หนูแก้ว

เข้าสู่วงการนางงามหาเงินเลี้ยงครอบครัว

“หลังจากนั้นก็เริ่มประกวดนางงามเดินสาย เพราะว่าประกวดครั้งหนึ่งเราก็ได้เงินแล้วก็นำเงินตรงนั้นมาช่วยเหลือคุณพ่อคุณแม่ตั้งแต่เด็ก และใครว่านางงามเดินสายมันเป็นกันได้ง่ายๆ บอกเลยว่าเป็นอะไรที่ลำบากมากๆ และยากมากๆ คือเราจะต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อทำการแต่งหน้าทำผม มันเป็นอะไรที่ใช้เวลาค่อนข้างยาวนานมากใช้เวลาหลายชั่วโมงในการแต่งหน้าทำผม ไหนจะมาพอกผิวที่จะต้องทำให้ผิวไม่ด่าง แต่งหน้าให้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน และตอนนั้นต้องยอมรับว่าเราไม่ได้เป็นที่นิยมมากพอสำหรับยุคนั้น เพราะเราเป็นผิวสีเราก็ต้องพอกผิวเพื่อที่จะให้เหมือนได้รับค่านิยมของคนไทยตอนนั้น

ซึ่งความลำบากที่เราเจอ คือ เราแทบไม่ติดโผไม่เข้ารอบในการประกวดนางงามเลย เพิ่งจะมาได้พักหลังตอนที่เขาเริ่มเปิดใจยอมรับผิวสีมากยิ่งขึ้น และด้วยความที่ว่าเราต้องทำงานหาเงินก็ทำให้เราคิดว่าเป็นหนทางเดียวที่ทำให้เราได้เงินเร็วมากที่สุด แล้วก็พยายามประกวดต่อไปเพื่อหาเงินมารักษาคุณพ่อ และแบ่งเบาภาระให้กับคุณแม่ในการจ่ายค่ารักษาพยาบาล”

ถามตัวเองทำไมต้องลำบาก

“หลังจากที่เราลองประกวดนางงามมาหลายวิธีแล้วตกรอบ ทำให้เราเริ่มท้อไม่ไหว ทำให้เราเปลี่ยนสายจากนางงามมาเป็นนางแบบ ซึ่งเวทีนางแบบนี่แหละทำให้เราได้รับการยอมรับมากที่สุด ช่วงแรกๆ ก็ไม่เข้ารอบทำให้เรากลับไปฝึกฝนมากยิ่งขึ้น พอปี 2016 เราก็เริ่มได้รับรางวัลและประสบความสำเร็จในวงการนางแบบมากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นเราก็เดินสายประกวดในเวนางแบบมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นก็คือลำบากมากเหมือนกัน เพราะเราทำอะไรไม่เป็นเลยแต่งหน้าทำผมเองก็ไม่เก่งการเดินแบบก็เหมือนเริ่มจากศูนย์ ทำให้ต้องฝึกซ้อมเยอะมากประมาณ 5 ชั่วโมงต่อวัน รู้สึกว่าเหนื่อยมากถ้าเทียบกับในวัยตอนนั้นแต่เราก็ภูมิใจกับตัวเองในรางวัลที่ได้มา”

อาย กัญญาลักษณ์ หนูแก้ว

จุดพีกในชีวิต โดนบูลลี่หนักมาก

“ตอนนั้นเราได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดที่โปรตุเกส ซึ่งก็ต้องใช้การสื่อสารมากพอสมควรแต่เราก็มีพื้นฐานแค่เบสิกทั่วไป มันก็ลำบากต่อการที่เราต้องใช้ชีวิตกับชาวต่างชาติ เลยทำให้เราเป็นคนที่ไม่กล้าแล้วก็เก็บตัวทั้งๆ ที่เราควรที่จะออกไปเจอเพื่อนออกไปเอ็นจอยกับการประกวดครั้งนั้น แล้วตอนนั้นที่เราไปก็ถูกบูลลี่หนักมากจากเพื่อนในแถบชาวยุโรป ซึ่งเขาก็บูลลี่มีความเป็นเอเชียนของเรา บูลลี่คนเอเชียบูลลี่รูปร่างหน้าตา มันทำให้เรารู้สึกว่าอายแทบไม่อยากจะออกมาเจอใครอีกเลย ซึ่งตอนนั้นเราเสียใจมากเหมือนกับเราออกนอกประเทศครั้งแรกและเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ เลยรู้สึกดาวมากๆ แทบจะไม่อยากเป็นนางแบบอีกเลย”

โดนดูถูกเป็นนักร้องไม่ได้

“มีช่วงหนึ่งที่เราเคยกลับไปประกวดร้องเพลงแล้วเจอพี่สุนารี ซึ่งเค้าทักเราว่าเราไม่สามารถเป็นนักร้องได้ ตอนนั้นเราก็ตกใจรู้สึกว่าทำไมมันแรงจังเลย แต่ด้วยความที่มั่นอยู่ตอนนั้นเป็นเด็กมั่นคนนึงก็เลยรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา แต่มันมีคำพูดและประโยคนึงที่ว่าหนูเหมาะที่จะไปเป็นนางงามให้ผันตัวเองไปเป็นนางงามนางแบบ

เราเลยรู้สึกว่าคำพูดนี้มันเป็นจุดประกายความฝันในตัวเราขึ้นมาอีกครั้งเพราะตอนนั้นเราเคยคิดว่าไม่อยากประกวดนางงามอีกแล้ว คือโฟกัสการเป็นนักร้องด้วยตอนนั้น ต้องยอมรับว่าการเป็นนางงามสังคมตอนนั้นยังไม่ได้เป็นที่ยอมรับมากพอสำหรับเรา”

สุนารี ราชสีมา – อาย กัญญาลักษณ์

ประสบความสำเร็จในสายนางงาม

“หลังจากนั้นเราใช้เวลาหลายปีมากๆ ในการเปลี่ยนแปลงตัวเองตั้งแต่การลดน้ำหนัก ควบคุมอาหารและที่สำคัญฝึกเดินเราใช้เวลาหลายชั่วโมงในการซ้อมเดินต่อวัน เราซ้อมจนเล็บหลุดตอนนั้นคือเจ็บและปวดมากๆ รวมไปถึงพัฒนาความสวยของตัวเอง ดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้น ฝึกในเรื่องการพูดและการตอบคำถาม จนประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยการรับตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 2 ในการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022

อดเดินแบบเวทีโลก-ไม่คืนตำแหน่ง

“ยอมรับว่าเสียใจมากๆ เพราะการไปเดินแบบที่นิวยอร์กมันก็เป็นอีกหนึ่งความฝัน เพราะนี้ถือว่าจะเป็นอีกหนึ่งเก้าที่ทำให้เราสามารถไปต่อในสายนางแบบได้มากยิ่งขึ้น แต่ถ้าถามว่าเราเสียใจจนอยากคืนตำแหน่งเลยไหมก็ไม่คิดขนาดนั้น เพราะการไปนิวยอร์กมันก็เหมือนการไปเปิดประสบการณ์อะไรใหม่ๆ ในชีวิตเท่านั้นเอง สุดท้ายเราก็ยังเดินแบบในไทยได้อยู่ดี เมื่อเราเก็บเงินได้ทุกอย่างพร้อมวีซ่าพร้อมองค์ประกอบในการเตรียมตัวพร้อม เราก็อาจจะไปนิวยอร์กในวันข้างหน้าก็ได้

ซึ่งตอนนี้เราก็ยังเดินสายแคสต์งานไปเรื่อยๆ ยังไงก็ขอฝากติดตามงานเดินแบบแล้วก็แฟชั่นวีกที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ อายมีเดินที่แบงคอกแฟชั่นวีก ซึ่งตอนนี้ก็มีงานทุกวัน หลักๆ เลยเราทำแคสติ้งกับมิสเตอร์เจ ซึ่งเค้าเองก็เป็นบอสใหญ่ของเราเหมือนกัน เป็นเบื้องหลังแบบนี้มาสักพักนึงแล้วก่อนที่จะประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ รวมไปถึงการทำหนังต่างประเทศ และก็ยังมีงานอีเวนต์งานเดินแบบเข้ามาตลอด”

เตรียมแขวนส้นสูงนางงามหรือยัง

“ตอนนี้เราอยากโฟกัสการเป็นนางแบบอย่างเต็มตัวก่อน ส่วนเรื่องการประกวดนางงามอายว่ามันเป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้แพสชันของเราอยากโฟกัสที่นางแบบแค่นั้นเลย ซึ่งชีวิตต่อจากนี้ของเราคิดว่ามันขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของสังคมในตอนที่เราเจอหรือว่าตอนนั้นเรามีโอกาสทางด้านไหนมากกว่า ซึ่งไม่สามารถให้คำตอบได้จริงๆ ว่าชีวิตหลังจากนี้จะไปในเส้นทางไหน

ขนาดเราเรียนมาสายวิทย์คณิต แต่เรายังไม่ได้ไปในทางนั้นเลย เพราะฉะนั้นอนาคตของเราก็ไม่แน่ไม่นอนเหมือนกัน มันขึ้นอยู่ที่โอกาสและช่วงชีวิตของเราว่าเราเจออะไรแบบไหนมาบ้าง และเราได้รับโอกาสไหนมากกว่า ยังไงก็ฝากติดตามปลายทางของเราว่าจะเดินไปในเส้นทางไหน อยากให้ทุกคนเดินไปพร้อมกับเรา”

อาย กัญญาลักษณ์ หนูแก้ว

เป้าหมายสูงสุดในชีวิตถ้าไม่ใช่นางงาม

“ต้องขอพูดตรงนี้เลยว่ามันขึ้นอยู่ ณ ตอนนั้นแพสชันของเราอยากทำอะไรต้องการทำอะไรมากกว่า ตอนนี้เราโฟกัสกับการเป็นนางแบบความฝันของเราก็เลยเปลี่ยนไป อายอยากเป็นนางแบบที่มีแต่คนรู้จักที่มีชื่อเสียง หรือสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ตอนนี้ความฝันของเราเป็นแบบนี้ และอยากที่จะเป็นจะเป็นยูทูบเบอร์ด้วย แล้วก็ร้องเพลงในช่องของตัวเองเป็นเพลงคัฟเวอร์ เพราะเราเองก็ไม่อยากจะทิ้งการร้องเพลงไปซะทีเดียว”

เตรียมเปิดโรงเรียนสอนเดินแบบ

“และความฝันอีกอย่างหนึ่งเราก็คืออยากปิดอะคาเดมีสถาบันการสอนเดินแบบสอนเดินนางงาม ซึ่งเร็วๆ นี้ เราจะเปิดสอนแล้ว ตอนนี้เราก็มีติดต่อเข้ามาให้สอนแล้วจากต่างประเทศเหมือนกัน เดี๋ยวเค้าจะบินมาที่ไทยและให้เราสอนเขาในเดือนตุลาคมนี้ ยังไงฝากติดตามสถาบันการสอนเดินแบบสอนเดินนางงามของเราด้วยนะคะ รอดูกันว่ามันจะเติบโตไปได้ไกลสักแค่ไหน ยังไงก็ฝากให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ”.

อาย กัญญาลักษณ์ หนูแก้ว

อาย กัญญาลักษณ์ หนูแก้ว

อาย กัญญาลักษณ์ หนูแก้ว

อาย กัญญาลักษณ์ หนูแก้ว

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2496822
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2496822