ดิว อริสรา ช็อปหนัก จนถูกเชิญไปแฟชั่นวีกแบรนด์หรู  ลั่น ซื้อเอง ไม่ได้ใช้เงินสามี


ให้คะแนน


แชร์

ดิว อริสรา ช็อปหนัก จนถูกเชิญไปแฟชั่นวีกแบรนด์หรู ลั่น ซื้อเอง ไม่ได้ใช้เงินสามี

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

ขึ้นแท่นเซเลบริตี้วงการแฟชั่นชั้นนำ สำหรับนักแสดงสาว ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ คุณแม่ป้ายแดงที่เพิ่งคลอด ‘น้องไซลาส’ ลูกชายตัวน้อยได้ 2 เดือนกว่า แต่ก็ต้องห่างลูก เพื่อไปร่วมชมแฟชั่นโชว์แบรนด์ดัง ไกลถึงกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ล่าสุด ดิว อริสรา เดินทางมาร่วมงานในฐานะพรีเซนเตอร์ เปิดตัวอย่างเป็นทางการ “THE KLINIQUE SURGERY CENTER” (เดอะ คลีนิกค์) ที่ เดอะ คลีนิกค์ แฟลกชิพ สโตร์ สยามสแควร์ ศูนย์รวมแฟชั่นใจกลางกรุงเทพมหานคร จากนั้นได้เผยความรู้สึกถึงเรื่องที่ต้องห่างลูกชาย เพื่อไปร่วมชมแฟชั่นโชว์ ที่ฝรั่งเศสนานเกือบ 2 สัปดาห์

ไปร่วมงานแฟชั่นเป็นยังไงบ้าง? “ก็เป็นครั้งหนึ่งในชีวิต ของสาวกนักช็อป เราก็มีโอกาสได้ไปดูแฟชั่นวีคของ Chanel เพราะเราก็ซื้อเยอะ เราเลยได้ไป ไปในฐานะลูกค้า ไม่ได้ไปในฐานะเซเลปอะไร ก็โอเคเป็นประสบการณ์ที่ดี แต่เอาจริงๆ มันก็ทำให้เรายิ่งสิ้นเปลืองมากขึ้นนะ (หัวเราะ) เพราะพอเราเห็นของจริงแล้วในโชว์ ด้วยมู้ด ด้วยบรรยากาศใดๆ

มันก็ทำให้เรารู้สึกว่ามันน่าซื้อเนาะ เขาก็ช่างเอาลูกค้าอย่างเราไปจริงๆ ถูกต้องแล้ว ก็มีโดนใจเยอะ ถามว่าช้อปไปเกิน 7 หลักไหม ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก แต่ชิ้นหนึ่งมันก็ค่อนข้างราคาสูงอยู่แล้ว (ตั้งลิมิตไว้ไหมว่าควรจะช้อปเท่าไหร?) เวลาช้อปปิ้งไม่เคยตั้งเป้าอยู่แล้ว เอาที่เราชอบ ถูกใจก็เอา แต่อยู่บ้านเลี้ยงลูกก็ไม่ได้ออกไปไหน ก็ไม่รู้จะเอาไปทำไมเหมือนกัน (หัวเราะ)”

สามีบ่นไหม แบบว่าซื้อไปแล้วไม่ได้ใช้ไม่ได้ใส่?เขาก็เข้าใจอยู่แล้ว ว่าเราชอบอะไรแบบนี้ เขาก็เข้าใจแหละ ไม่ได้เบรกอะไร คือใส่แล้วสวยเขาก็โอเค เราใส่แล้วเรามั่นใจ เขาก็ไม่ได้ขัด แต่ถ้าซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้เขาก็บ่น เพราะด้วยเบบี๋เรายังเล็ก เราก็ไม่ค่อยได้ไปไหนเนอะ เขาก็จะบ่นว่าแบบ ก็ซื้อมาอยู่นั่น แต่เขาก็เข้าใจ (ยิ้ม) เราเคยเป็นเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่เคยแต่มอง วันหนึ่งเราทำได้แล้ว เราก็เหมือนเป็นการให้กำลังใจตัวเอง”

ช้อปปิ้งด้วยเงินตัวเอง ไม่เคยใช้เงินสามี? “ไม่ค่ะ เวลาเราช้อปปิ้ง เราช้อปปิ้งด้วยเงินตัวเอง เพราะสามีก็ให้เขาดูแลครอบครัวไป

ไปกี่วัน ต้องห่างลูกด้วย คิดถึงมากไหม? “ตั้งแต่มีเบบี๋มา ทริปนี้เป็นทริปที่จะห่างไปนานที่สุด ก็คิดถึงนะ คิดถึงมากเลย วันหลังๆ ก็คือเริ่มใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว คิดถึง คอลหาทุกวัน ดูรูปทุกวัน ดูคลิปตลอดเวลา ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าตัวเองจะมีอารมณ์นี้ คืออยู่ปารีสแทนที่จะดูหอไอเฟล แต่ในขณะที่รถขับผ่านหอไอเฟล ก็ก้มหน้าดูคลิปลูกอยู่ มันก็จะแบบแอบเศร้าๆ ถามว่ามีน้ำตาไหลไหม มันก็นิดหนึ่ง (พยักหน้า)”

ก่อนไปมีลังเลไหมว่าจะไปหรือไม่ไปดี เพราะเพิ่งคลอดด้วย? “เรามีการคุยกัน ปรึกษากัน ว่าเราจะไปดีไหม ครั้งหนึ่งในชีวิตจะไปตามฝันตัวเองดีไหม เราก็เลยรู้สึกว่า อ่ะถ้ามีโอกาสแล้ว ก็ลองดูครั้งหนึ่งในชีวิตแล้วกัน ในขณะนี้ที่เบบี๋ยังจำความไม่ได้ เราก็ไปซะหน่อย ดีกว่าไปตอนที่เขาจำความได้แล้ว แล้วหม่าม๊าปะป๊าไปไหน เพราะเราจะยิ่งรู้สึกแย่ไปอีก ไปมาเกือบ 2 อาทิตย์เลยค่ะ ไปปารีสก่อน แล้วก็ไปต่อเยอรมัน”

ลูกงอแงไหมตอนเราไม่อยู่? “นางยังไม่รู้เรื่องไง ตอนนี้เรายังไม่รู้เลย ว่านางรู้ไหมว่าเราเป็นแม่ (หัวเราะ) เขาแค่ 2 เดือนเองนะ เขายังไม่รู้อะไร บางทีเขายังไม่มองกล้องด้วยซ้ำ มันเหมือนเราเป็นแฟนคลับเขามากกว่า แต่คุณแม่เซบเขาก็บินมาจากไต้หวัน มาช่วยดูลูก แล้วก็มีคุณแม่ดิวด้วย

ทั้งย่า ทั้งยาย ทั้งพี่เลี้ยง แล้วก็มีแม่บ้านอีก เขาไม่เหงาหรอก (แต่มีน้ำตาคลอเวลาคิดถึง?) ใช่ แล้วไหนจะบรรดาเพื่อนๆ ที่อยู่ทางนี่ ไม่ว่าจะเป็นกุ๊บกิ๊บ (สุมณทิพย์ ชี) กวาง (วรรณปิยะ ออมสินนพกุล) เขาก็มีการวางแพลนผลัดเวรกันมาช่วยดูหลาน จนบอกว่าโอเค ไม่ต้องแล้ว (เข้ามาช่วยเลี้ยงหลานด้วย?) ใช่ค่ะ”

ล่าสุดจะเปิดธุรกิจใหม่?ใช่ค่ะ จะเปิดร้านเล็บค่ะ ก็จะมีดิว กุ๊บกิ๊บ กวาง แซมมี่ ถ้าร้านไม่เวิร์กเนี่ย ต้องพิจารณาตัวเอง แล้วออกจากวงการเลยนะ ก็คือเรามาทำตามฝันกันแหละ (4 คนร่วมหุ้นมีเถียงกันบ้างไหม?) เอาความเป็นจริงไหม มันทำให้เรารู้ว่า จริงๆ แล้ว ทำธุรกิจมันมีการสุ่มเสี่ยงที่จะทะเลาะกัน

แต่การทำธุรกิจกับคนที่ใช่ มันไม่ทะเลาะกันหรอก เพราะทำกับคนที่ใช่ไง (ใครเจ้าโปรเจกต์?) คนริเริ่มมันคือเรา แล้วเราก็เลยดึงเพื่อนเรามา อย่างกุ๊บกิ๊บเราก็ดึงมา แล้วเราก็สนิทกับกวาง กับแซมมี่ เราก็ดึงมา เขาก็โอเคได้รู้จักกัน สนิทกันมากขึ้น

ร้านยิ่งใหญ่ขนาดไหน? “มันก็ร้านเล็กๆ กันเองๆ ไม่ใหญ่จริงๆ (หัวเราะ) (ไม่ใหญ่แน่นะวิ?) เป็นร้านเล็กๆ แต่ลงทุนก็ประมาณหนึ่ง (ทำไมต้องเป็นร้านทำเล็บ?) คือผู้หญิงทุกคนก็จะมีความฝันในการทำธุรกิจ ครั้งหนึ่งในชีวิตที่เราเคยฝันตอนเด็กๆ พอวันหนึ่งเราโตขึ้นแล้ว เราก็อยากทำ แค่นั้นเอง ทุกคนลึกๆ คืออยากทำอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่ได้มีเวลามาเปิดคนละร้าน ก็รวมตัวกันแล้วกัน”

คิดเผื่อไว้ไหมที่คนเป็นเพื่อนกันทำธุรกิจด้วยกัน อาจจะมีปัญหา ตีกันมาเยอะแล้วนะ? “เรายังเคยตีกับคนอื่นเลย (หัวเราะ) แต่พอเรามาทำกับเพื่อนๆ เรา เราก็จะรู้อยู่แล้ว ว่าแต่ละคนนิสัยเป็นยังไง แล้วมันทำให้เราเห็นอะไรขึ้นเยอะ ว่าจริงๆ แล้วทำธุรกิจมันไม่จำเป็นต้องตีกันตลอด ถ้าตราบใดที่เราไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงิน แล้วเพื่อนเรานิสัยน่ารัก มันก็ไม่ตีกันหรอก”

ร้านนี้ตั้งใจมากๆ เห็นประชุมกันจริงจัง? “ใช่ๆ ทำการบ้าน (มีความเห็นไม่ตรงกันบ้างไหม?) ไม่มีเลย เพราะคนเราเป็นเพื่อนกัน นิสัยมันก็จะคล้ายๆ กัน ความชอบมันจะคล้ายๆ กัน ดังนั้นมันก็เลยไปในทิศทางเดียวกันค่ะ”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7324780
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7324780