“มิว” เผยเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรังมานาน 4 ปี ขอพักรักษาร่างกาย

“มิว” เผยเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรังมานาน 4 ปี ขอพักรักษาร่างกาย

        หลังจากที่ประสบอุบัติเหตุไฟลวกในร้านปิ้งย่าง และได้แอดมิดเข้าโรงพยาบาลเพื่อพักรักษาตัวได้สักพัก นักร้องขวัญใจวัยรุ่น  “มิว ชิษณุชา ตันติเมธ” หรือ  “มิว Meyou” 

        อ่านข่าวต่อ : ปิ้งย่างเป็นเหตุ MEYOU ลาพักร้อน เฝ้าดูอาการกันต่อไป!

        ล่าสุด  “มิว” ได้ออกมาโพสต์ข้อความร่ายยาวอัปเดตอาการล่าสุดว่า.. “สวัสดีแฟนเพลงที่รักทุกคนนะครับ วันนี้ผมขออนุญาติใช้พื้นที่เล็กๆ ตรงนี้แชร์อะไรหน่อยครับ ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบคุณแฟนคลับทุกๆ คน ครอบครัว ผู้ใหญ่หลายๆ ท่านที่คอยให้การสนับสนุน รุ่นพี่รุ่นน้องเพื่อนๆ ที่คอยโทรหาแวะมาเยี่ยม ให้กำลังใจ ตอนนี้ผมดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังคงต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกเป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน หวังว่าเร็วๆ นี้คงจะพร้อมกลับมาทำงานอย่างสนุกสนานกับทุกคนได้อย่างเต็มที่

         นอกจากนี้  “มิว”  ยังบอกอีกเรื่องหนึ่งที่คิดว่าไม่น่าจะมีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน เจ้าตัวเผยว่า…  “ตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า และได้พบว่า ตัวเองเป็นมาตั้งแต่ปี 2019 แล้ว และเข้ารับรับการรักษาอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน หมอวินิจฉัยว่าผมเป็น Dysthymid หรือ Persistent Depressive Disorder เรียกง่ายๆ ก็คือ ภาวะซึมเศร้าเรื้อรังนั้นเอง ภาวะซึมเศร้าของผมอยู่ในขั้นดิ่งมากในบางเวลา คิดลบมากๆ หรืออยากทำร้ายตัวเองสุดขั้ว วันๆ เอาแต่เศร้าอย่างเดียว เขียนเพลงไม่ออก ทำงานไม่ได้ รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าตลอดเวลา หมอบอกจะดีขึ้นทุกๆวันไม่ใช่แค่จากยา แต่ต้องพึ่งกำลังใจจากคนรอบข้างด้วย แล้วโอ้โห กำลังใจผมดีขนาดนี้ ทั้งจากแฟนๆ ครอบครัว จัสมิน เพื่อนพี่น้อง อีกแปปเดียวก็หายแน่นอน

       ส่วนในเรื่องงาน show นี้ขอพัก recover ให้ร่างกายกลับมาพร้อมลุย 100% ก่อนทุกคนจะได้รับ show คุณภาพจากผม ออกไปตอนนี้ไม่ไหวจริงๆ แต่ไม่ต้องห่วงนะ เพราะว่าผมจะกลับมาพร้อมกับ Show ที่ดีขึ้นและเพลงใหม่ๆ ที่แอบไปชุ่มทำมาไว้ให้ทุกคนได้ฟังกันอย่างแน่นอน… ขอบคุณทุกคนที่ยังรัก ยังรอ และ ยังเป็นห่วงผมนะครับถ้าไม่มีพวกคุณก็ไม่มีผม… LUV YALL MEYOU”

      จากนั้นเหล่าคนบันเทิงรวมทั้งแฟนคลับ แฟนเพลง ของนักร้องหนุ่ม  “มิว” ต่างเข้ามาส่งกำลังใจให้รัวๆ

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.daradaily.com/news/119626/read
ขอขอบคุณ : https://www.daradaily.com/news/119626/read