แม้จะเป็นความตั้งใจอันดีของศิลปินดาราที่อยากช่วยเหลือสังคมเพื่อให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่ก็เกิดคำถามจากสังคมว่า จริงๆ แล้วเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุหรือไม่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างหากที่ควรจะเป็นผู้รับผิดชอบ เงินต่างๆ ที่ได้จากภาษีประชาชนถูกนำไปใช้อย่างไม่เหมาะสมหรือไม่ บ้างก็วิจารณ์แรงถึงขั้นใช้คำว่า นักบุญทุนคนอื่น บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ย้อนเล่าถึงคนดังบางส่วนที่โชว์ความฟิต ทำกิจกรรมออกกำลังกายเพื่อการกุศล ท่ามกลางกระแสดราม่าร้อนจากสังคม

เจอกระแสดราม่าเต็มๆ สำหรับพระเอก-นักร้องหนุ่ม โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ หลังจัดกิจกรรมว่ายน้ำเพื่อการกุศล ซึ่งก่อนหน้านี้โตโน่เคยว่ายน้ำข้ามทะเลมาแล้ว กับโครงการ “ONE MAN & THE SEA หนึ่งคนว่าย หลายคนช่วย” ภารกิจว่ายน้ำข้าม 12 เกาะ สุราษฎร์ธานี-สมุย รวมระยะทาง 82 กม. ตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค.-5 เม.ย. 2563 และเปิดรับบริจาคเพื่อร่วมสมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์และเครื่องมือแพทย์ให้แก่สัตว์ทะเล และโรงพยาบาลริมชายฝั่ง แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังรุนแรงในช่วงนั้น และรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้โครงการดังกล่าวต้องหยุดพักไป เพื่อปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาล

และในปี 2565 โตโน่ตัดสินใจจัดโครงการว่ายน้ำเพื่อการกุศลอีกครั้ง กับโครงการ “One Man And The River หนึ่งคนว่าย หลายคนให้” ซึ่งเป็นการว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขงไป-กลับระหว่างประเทศไทย และ สปป.ลาว ระยะทางจากองค์พญาศรีสัตตนาคราช จ.นครพนม ไปฝั่ง สปป.ลาว คือ วัดพระธาตุศรีโคตรบอง รวมระยะทางทั้งหมด 15 กิโลเมตร และเปิดรับบริจาคเพื่อระดมทุนจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์มอบให้ 2 โรงพยาบาลริมฝั่งโขง คือ โรงพยาบาลนครพนมของไทย และโรงพยาบาลแขวงคำม่วน สปป.ลาว ในวันที่ 22 ต.ค. 2565

งานนี้ก็มีดราม่า เมื่อเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมว่า เป็นภาระให้กับทีมแพทย์ พยาบาล รวมถึงเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฯลฯ รวมไปถึงบ้างก็มองว่าการว่ายน้ำในช่วงนี้อันตราย เพราะเป็นช่วงฤดูฝน น้ำเชี่ยว อีกทั้งยังมีเอกสารสรุปผลการประชุมการเตรียมงานของโครงการนี้ โดยมีรายละเอียดชี้แจงถึงภารกิจต่างๆ ที่จะต้องทำในวันที่ 22 ตุลาคม 2565 กว่า 33 รายการ โดยมีรายชื่อหน่วยงาน หรือสังกัดที่ต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็น ทีมแพทย์ พยาบาล สำนักงานราชการอีกหลายหน่วยงานทั้งรัฐบาลและเอกชน รวมถึง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และยังมีนางรำมาร่วมรำในงาน อีกทั้งยังถามว่า ค่าใช้จ่ายใครเป็นคนออก

แต่ก็มีเซียนว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขงบอกว่า การว่ายน้ำข้ามโขงง่ายกว่าว่ายน้ำในสระ เพราะในแม่น้ำโขงมีกระแสน้ำที่ไหล ต่างจากสระว่ายน้ำที่เป็นน้ำนิ่ง มีน้ำสูงขึ้นมากแค่ไหนก็ยิ่งว่ายง่าย เพราะกระแสน้ำจะพาตัวเราลอยไปเอง ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ผู้จัดการส่วนตัวของโตโน่บอกว่า งบว่าจ้างออแกไนซ์ ได้มาจากสปอนเซอร์ ผู้สนับสนุนกิจกรรมเป็นหลัก ไม่ได้ใช้งบประมาณรัฐแต่อย่างใด ในส่วนนางรำก็ได้รับการเปิดเผยจาก นายวชิรเชษฐ์ กิตติ์พรศิริกุล รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองนครพนม ว่ามาจากชาวบ้านในชุมชนเขตเทศบาลเมืองนครพนม และมองว่าเป็นกิจกรรมที่ควรสนับสนุน เป็นการโปรโมตจังหวัดนครพนม และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของ จ.นครพนม อีกด้วย ไม่ได้มองว่าเป็นภาระแต่อย่างใด

รักการวิ่งและทำโครงการวิ่งเพื่อการกุศลมานานหลายปี สำหรับ ตูน อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม ที่มีจุดเริ่มต้นจากโครงการ “ก้าวคนละก้าว กรุงเทพฯ-บางสะพาน” โดยวิ่งตั้งแต่กรุงเทพฯ จนถึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 400 กม. เมื่อวันที่ 1-10 ธ.ค. 2559 เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับ โรงพยาบาลบางสะพาน และได้รับเงินบริจาคเป็นจำนวนเงิน 85 ล้านบาท

ก่อนที่ตูนจะจัดโครงการ “ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ” โดยเป็นการวิ่งจาก อ.เบตง จ.ยะลา มาจนถึง อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นระยะทาง 2,215 กม. ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2560 จนถึงวันที่ 25 ธ.ค. 2560 เป็นระยะเวลากว่า 55 วัน โดยเงินบริจาคได้นำไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งเป็นโครงการที่โด่งดัง เกิดกระแสสังคมอย่างมาก ส่วนยอดเงินบริจาคพุ่งสูงกว่า 1,300 ล้านบาท

ซึ่งหลังจากนั้นตูนก่อตั้งมูลนิธิก้าวคนละก้าว อีกทั้งยังมีภาพยนตร์สารคดี “2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว” อีกด้วย เพื่อนำเงินไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับ อาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา โรงพยาบาลศิริราช มียอดบริจาครวมกว่า 132 ล้านบาท และในปี 2562 ตูน บอดี้สแลม ยังคงจัดโครงการวิ่งการกุศลอีก ทั้งโครงการ “ก้าวคนละก้าว ก้าวต่อไปด้วยพลังเล็กๆ” ซึ่งเป็นการวิ่งระยะสั้นๆ จัดขึ้นทั้งในภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง เพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลในภาคต่างๆ ในปี 2562-2563 แต่จากสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาด ทำให้โครงการดังกล่าวที่จะจัดขึ้นในภาคตะวันออกและภาคกลางต้องหยุดไป

จากนั้นตูนยังจัดโครงการวิ่งอีก คือ โครงการก้าวเพื่อน้องเวอร์ชวลรัน ในปี 2563 ก่อนที่จะมีโครงการก้าวเพื่อน้องเวอร์ชวลรัน “๑๐๙ คำขอบพระคุณ” ซึ่งเป็นโครงการที่สานต่อกิจกรรมวิ่ง ก้าวเพื่อน้องเวอร์ชวลรัน ปี 2563 โดยรายได้ทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่าย จะนำไปช่วยเหลือนักเรียน 109 คน ซึ่งเป็นนักเรียนที่จบ ม.3 แต่ไม่มีทุนเรียนต่อ เพื่อวิ่งสะสมระยะทาง เริ่มวิ่ง 1 ม.ค. – 28 ก.พ. 2565

แต่หลังจากที่มีโครงการดังกล่าว ก็เกิดกระแสดราม่าเรื่องการวิ่งเพื่อรับเงินบริจาค เพราะหลายคนมองว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หากอยากเป็นกระบอกเสียง ควรผลักดันให้เกิดระบบการศึกษาที่ดีกว่านี้ ทำให้เด็กเข้าถึงการศึกษาได้ และวิจารณ์ว่าเป็นนักบุญทุนคนอื่น จนเกิดแฮชแท็ก #พี่ตูนวิ่งทำไม แม้ตูนจะไม่ได้ตอบโต้กับดราม่าดังกล่าว แต่ ก้อย รัชวิน ภรรยา ก็ได้ออกมาโพสต์ถึงที่มาที่ไปของโครงการ และยืนยันว่าเงินต่างๆ จากโครงการนี้นำไปมอบเป็นทุนการศึกษาให้น้องๆ ที่ขาดแคลน โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ และสามีไม่ได้วิ่งยาวๆ เหมือนที่คนเข้าใจผิด

และล่าสุด ตูน บอดี้สแลม จะเข้าร่วมงานวิ่ง “Betong 21 Half Marathon” ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 พฤศจิกายน 2565 โดยเป็นกิจกรรมการกุศลเพื่อช่วยจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ ดูแลสุขภาพประชาชนที่โรงพยาบาลเบตง จ.ยะลา และมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว และสร้างรายได้แก่ประชาชนในพื้นที่ เสริมสร้างสุขภาพประชาชน และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนด้วย

เคยจัดกิจกรรมวิ่งเพื่อระดมทุนเช่นกัน สำหรับ ก้อง ห้วยไร่ นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ซึ่งจุดเริ่มต้นมาจากเหตุการณ์เมื่อ 12 ธ.ค. 2560 ก้อง ห้วยไร่ พร้อมเพื่อนศิลปิน ได้วิ่งเพื่อการกุศลสมทบทุน ตูน บอดี้สแลม ช่วยเหลือโรงพยาบาลทั่วประเทศ 11 แห่ง โดยวิ่ง 2 วัน จากอำเภอวานรนิวาส สู่อำเภอเมืองสกลนคร ระยะทางประมาณ 100 กม. ได้เงินบริจาคกว่า 2.7 ล้านบาท

แต่ในระหว่างที่วิ่งในวันที่ 13 ธ.ค. ก้องมีอาการปวดตึงที่ขาข้างขวาจนต้องทรุดร่างลงไปนอนกับสะพานไม้ข้างทาง ก่อนที่ทีมพยาบาลนักกายภาพบำบัด โรงพยาบาลค่ายกฤษณ์สีวะรา จะรีบเข้าไปทำการปฐมพยาบาลคลายกล้ามเนื้อ โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที อาการของก้องจึงทุเลา และลุกขึ้นวิ่งต่อไป

จากการวิ่งดังกล่าวทำให้ก้องอยากสานต่อปณิธานของ ตูน บอดี้สแลม ในการทำความดีเพื่อบ้านเกิด แบบไม่หวั่นกระแสดราม่า จึงจัดกิจกรรมการกุศล “เดินวิ่งปั่น ก้าวตามฮอย ซอยบ้านเกิด” เดินวิ่งปั่นเพื่อคนสกลนคร ระยะทางประมาณ 513 กม. ผ่าน 18 อำเภอของจังหวัดสกลนคร ระหว่างวันที่ 26 ก.พ. – 2 มี.ค. 2561 ยอดเงินบริจาค 18.1 ล้านบาท 

จากนั้นในปี 2562 ก้องและเพื่อนๆ ศิลปิน จัดกิจกรรมวิ่งการกุศลเพื่อรับบริจาคเงินซื้อเครื่องมือแพทย์ช่วย โรงพยาบาลคอนสาร อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เมื่อวันที่ 30-31 พ.ค. 2562 แต่ระหว่างการวิ่ง ก้องเกิดอาการวูบ จึงพักการวิ่งชั่วคราวเพื่อปฐมพยาบาลเป็นเวลากว่า 1 ชม.

ก่อนจะจัดกิจกรรมวิ่งการกุศล เพื่อระดมทุนหาเงินซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ช่วย โรงพยาบาลท่าอุเทน จ.นครพนม เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2562 โดยวิ่งจากจุดเริ่มต้นที่บริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช ริมแม่น้ำโขง และสิ้นสุดการวิ่งที่ วัดพระธาตุท่าอุเทน รวมระยะทางทั้งสิ้น 33 กิโลเมตร

เป็นอีกหนึ่งคนบันเทิงที่ตั้งใจช่วยเหลือสังคมเช่นกัน สำหรับ เชษฐ์ วรเชษฐ์ เอมเปีย หรือ เชษฐ์ สไมล์บัฟฟาโล อดีตนักร้องดัง ที่ผันตัวมาเป็นเกษตรกรที่ จ.ชลบุรี และทำโรงทานเลี้ยงอาหารฟรี โดยใช้ชื่อโรงทานเชษฐ์ สไมล์บัฟฟาโล อีกทั้งสอนเด็กๆ ด้านวิชาชีพ ส่วนบางคนที่ยากจน เจ้าตัวก็ส่งให้เรียนหนังสือ หรือถ้าพบเจอคนที่ยากลำบากก็พร้อมช่วยเหลือ

ในส่วนกิจกรรมวิ่งกุศล เจ้าตัวและเพื่อนศิลปินอย่าง อ่ำ อัมรินทร์ นิติพน รวมถึงหน่วยงานราชการและประชาชน เคยร่วมวิ่งรับบริจาคเงินในส่วนที่ ตูน บอดี้สแลม วิ่งมาไม่ถึงใน จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2560 เพื่อนำเงินไปสมทบโครงการก้าวคนละก้าว โดยมียอดเงินบริจาคทั้งหมดกว่า 10 ล้านบาท

หลังจากนั้น เชษฐ์ไปวิ่งการกุศลในโครงการ ร้อยล้าน วิ่งด้วยใจ มอบให้โรงพยาบาลชลบุรี โดยวิ่งจาก จ.ตราด ผ่าน จ.จันทบุรี จ.ระยอง และเข้าสู่ จ.ชลบุรี ถึงเส้นชัยที่ โรงพยาบาลชลบุรี ระยะทาง 236 กิโลเมตร ภายใน 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 26-30 พฤษภาคม 2561

แต่ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เจ้าตัวประกาศเลิกวิ่งทำความดี เมื่อ ส.ท.หนุ่มคนหนึ่งเป็นผู้เก็บเงิน และยังไม่ได้นำมาส่งมอบให้ทั้งหมด จนทำให้เจ้าตัวถูกคนเข้าใจผิดว่าซุกซ่อนเงินบริจาค ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องนี้ทำให้อดีตนักร้องดังน้อยใจ และประกาศเลิกวิ่งหลังเสร็จงานวิ่ง Smile Together เพื่อ โรงพยาบาลชลบุรี ในวันที่ 23 กันยายน 2561

เคยร่วมวิ่งรับบริจาคเงินเช่นเดียวกัน สำหรับนักแสดงตลกดัง จตุรงค์ มกจ๊ก ที่ทำโครงการ “วิ่งเก็บตกให้พี่ตูน” เพื่อรับเงินบริจาคไปสมทบทุนโครงการ “ก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ” ของ ตูน บอดี้สแลม โดยออกวิ่งจาก จ.ราชบุรี ไปจนถึงปลายทางสะพานแม่น้ำแคว จ.กาญจนบุรี รวมระยะทางประมาณ 140 กม. ตั้งแต่วันที่ 9-15 ธ.ค. 2560 (วันที่ 14 ธ.ค. หยุดวิ่งเนื่องจากติดภารกิจ) โดยมียอดเงินบริจาค 4,199,169 บาท ซึ่งในระหว่างการวิ่ง จตุรงค์เคยเกิดอาการฮีตสโตรก เนื่องจากอากาศร้อนจัดกว่าทุกวัน จนต้องหยุดวิ่งชั่วคราว โดยมีทีมแพทย์ดูแลรักษา ใช้เวลาประมาณ 20 นาที

หลังจากนั้นในปี 2561 จตุรงค์ และ โรงพยาบาลโพธาราม จ.ราชบุรี ได้จัดโครงการวิ่งเก็บตกต่อลมหายใจ เพื่อคนไข้ไอซียู ในวันที่ 26 พฤษภาคม จนถึง 10 มิถุนายน 2561 ส่วนเงินบริจาคจะนำไปจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจ จำนวน 10 เครื่อง มอบให้แก่โรงพยาบาลโพธาราม โดยวิ่งไปตามเส้นทางทั้ง 10 อำเภอ ในพื้นที่ จ.ราชบุรี และเพิ่ม จ.สมุทรสงคราม อีก 1 จังหวัด ที่บริเวณตลาดอัมพวา และวัดจุฬามณี รวมระยะทาง 342 กม. โดยได้รับเงินบริจาค 8.9 ล้านบาท ซึ่งระหว่างที่วิ่ง เคยเกิดอาการหน้ามืดเป็นลมจนต้องหามส่งโรงพยาบาลมาแล้ว

นอกจากนี้ จตุรงค์ ยังเคยบอกอีกว่า การที่ตัวเองวิ่งรับบริจาคเงินเพื่อซื้อเครื่องช่วยหายใจให้โรงพยาบาลโพธาราม ไม่น่าเชื่อว่าก่อนที่คุณแม่จะเสียชีวิต ก็ได้ใช้เครื่องช่วยหายใจที่ได้รับจากการบริจาคเช่นกัน คุณหมอพาไปดูยังตกใจ เพราะตอนวิ่งก็ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะเป็นครอบครัวตนเองที่ได้ใช้ ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการวิ่ง เจ้าตัวบอกว่า ไม่มีใครที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรแบบนี้เพื่อผลประโยชน์ตัวเอง เพราะการวิ่งทั้งร้อน ทั้งเหนื่อย และยังมีอุปสรรคหลายอย่าง จึงไม่สนหากคนอคติจะคิดเช่นนั้น.