โดยมี เรโด้ พิธีกรรายการ รับหน้าที่ขยี้ปมดราม่าที่เกิดขึ้น…

“เอาจริงๆผมตอบคำถามคำครหา เหนื่อยกว่าการว่ายน้ำอีก ครั้งนี้ผมขอตอบที่นี่ครั้งเดียว”

เขายอมรับตรงๆกับคุณเรโด้พิธีกร กรณีงบดำเนินงานและบุคลากรที่เกี่ยว ข้องในโครงการครั้งนี้ ซึ่งโตโน่ได้พูดถึงประเด็นนี้อย่างชัดเจนว่า

“ทีมคยัค ทีมเจ็ตสกี ทีมงานทั้งหมดเป็นทีมของเก็บรักษ์ ทีม One Man and the Sea จนมาเป็น One Man And The River อย่าเพิ่งเข้าใจผิด และไม่ต้องห่วงว่าจะใช้ทรัพยากรของหน่วยงานอื่นๆ เราเตรียมพร้อมด้วยงบของเรา ซึ่งเป็นเงินส่วนตัวของผมรวมกับเงินของผู้ใหญ่ใจดีที่เขาอยากมาช่วย”

นอกจากนี้ยังพูดถึงกรณีคนท้วงติงเรื่องอันตรายจากกระแสแม่น้ำโขงที่เชี่ยวกรากคาดเดาไม่ได้ และยิ่งเป็นฤดูมรสุม โตโน่บอกว่า การว่ายครั้งนี้เราวางแผนกันมาอย่างดี ไม่ว่าจะยากหรือง่าย มันไม่ใช่นึกว่าจะว่ายก็ว่าย

“การว่ายแบบนี้เป็นกีฬาชนิดหนึ่ง ชื่อว่า Open Water บางคนไม่ทราบเลยว่าตามกฎต้องมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตฉุกเฉิน ต้องฝึกซ้อม และศึกษากระแสน้ำมาอย่างดี เป็นสิ่งที่เราทำมาหมด แต่เพียงแค่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ เราก็เลยต้องอธิบายว่า มันเป็นแบบนี้ และได้สอบถามคนพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าช่วงเวลาปลายเดือนตุลาคมอากาศเป็นอย่างไร กระแสน้ำเป็นอย่างไร”

เมื่อถามถึงกระแสวิพากษ์ วิจารณ์ทางทางโซเชียลโตโน่ เล่าว่า

“ประเทศเรามีคนพูดเยอะมากแล้ว แต่ไม่มีคนลงมือทำ สิ่งที่ตัวเองทำก็เพื่อจะช่วยบุคลากรทางการแพทย์เพื่อให้ตระหนักรู้ถึงปัญหาขยะในแม่น้ำ ปัจจุบันไทยติดอันดับขยะมากที่สุดในโลกอันดับ 5 มีจำนวนขยะพลาสติกในทะเล 22.8 ล้านกิโลกรัม ผมอยากให้ทุกคนลงมือทำเหมือนที่ผมทำ”

สามารถติดตามชมคลิปฉบับเต็มในรายการ Thairath Talk ทุกโซเชียลมีเดียของไทยรัฐออนไลน์.