ก่อนหน้านี้ได้มาการถกเถียงกันอย่างหนักถึงเรื่องสิทธิพิเศษในการถ่ายรูปกับศิลปิน ต้องซื้อบัตร vip ราคา 18,000 บาท จนสุดท้ายได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ จากการถ่ายรูปกลุ่มเป็นถ่ายรูปคู่ แฟนๆ ก็เลยเรียกร้องกันเข้ามามาก จนตอนนี้มีการปั่นราคาบัตรราคาพุ่งสูงไปถึง 500,000 บาท

ล่าสุด แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พานาซี เมดิคอลเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) และ หมวย ศิริญา เทพเจริญ รองประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในบริษัทผู้สนับสนุนการจัดคอนเสิร์ต Jackson Wang Magic Man World Tour 2022 Bangkok ก็ได้มาเคลียร์ถึงเรื่องประเด็นบัตรคอนเสิร์ต และไพรเวตปาร์ตี้หลังจากจบคอนเสิร์ต ให้เหล่าอากาเซ่ได้หายข้องใจว่า

แซม : “แค่เขาจะมาเล่นคอนเสิร์ตกัน คนก็ตื่นเต้นแล้ว ผมเองก็ตื่นเต้นในฐานะอากาเซ่คนนึง พอรู้ว่าเขาจะมาเวิลด์ทัวร์ที่เมืองไทย เราก็สนับสนุนได้นะ เพราะเราก็ชอบเขาอยู่ ก็เลยเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนคอนเสิร์ต ไม่ได้เป็นผู้จัด ก็ต้องขอบคุณทีมเขาที่ให้เราไปเป็นส่วนเล็กๆ ในคอนเสิร์ต ทำให้คนไทยได้ดูคอนเสิร์ตแจ็คสัน หวัง อย่างที่เราอยากดู”

แฟนๆ คอนเสิร์ตแจ็คสัน หวัง เกิดความไม่สบายใจเพราะไม่รู้ว่า Panacee คือใคร?

แซม : “Panacee เป็นแค่หนึ่งในสปอนเซอร์ เราเป็นคลินิกเพื่อสุขภาพ พวกเราชอบพี่แจ็ค อย่างแรกเลยคือเราชอบแอตติจูดเขา เขาเป็นคนมีความตั้งใจ ทำอะไรทำจริงตั้งแต่สมัยเด็กๆ แล้ว อยากจะเรียนฟันดาบ จนกระทั่งเป็นแชมป์ตามที่ตัวเองอยากเป็นและพ่อแม่อยากให้เป็น ทำเพื่อชาติจนได้เหรียญทอง วันนึงเขาก็ขอทำตามฝันของตัวเองบ้าง มาเป็นศิลปินจนประสบความสำเร็จ ระหว่างที่เขาเป็นนักร้องดัง ก็เอาใจแฟนคลับ ใส่ใจคนรอบข้าง ผมชอบมาก และที่ชอบที่สุดคือเขาเป็นคนรักสุขภาพ ในโอกาสที่ Panacee จะขึ้นปีที่ 15 เราอยากได้คนรุ่นใหม่ที่สนใจรักสุขภาพ ทางเราก็เลยอยากจะสนับสนุนตรงนี้

หมวย : “เราเป็นส่วนนึงในการสนับสนุนคอนเสิร์ตนี้ แล้วเราก็จะมีการเลี้ยงขอบคุณลูกค้า Panacee ในโอกาสที่คลินิกเข้าสู่ปีที่ 15 เพื่อเป็นของขวัญเซอร์ไพรส์ให้กับลูกค้า ก็จะต้องเป็นคนที่มีการ์ดเชิญเท่านั้นถึงจะมาร่วมงานนี้ได้”

แซม : “ทางแจ็คสัน เขาน่ารักมาก คือหลังจากคอนเสิร์ตแล้ว ก็จะมีงานเลี้ยง 1 วันที่เขาจะมาไพรเวตปาร์ตี้กับเรา พวกเราก็เลยถือโอกาสที่พวกเราเป็นเหล่าอากาเซ่อยู่แล้ว ก็จะอยู่ในไพรเวตปาร์ตี้ จนก็เลยสับสนว่าตกลง มาขายบัตร 300,000-500,000 บาทเหรอ ไม่ใช่นะ ใครจะไปซื้อบัตรราคานั้น ไม่เกี่ยวกับ Panacee แต่อาจจะมีคนพูดถึง Panacee ว่า อ้าว แล้วใครจะมีสิทธิ์มาร่วมไพรเวตปาร์ตี้นี้ ก็คือเป็นไพรเวตของลูกค้า Panacee”

หมวย : “เป็นไพรเวตของลูกค้า Panacee ที่ถือบัตรเงิน บัตรทองอยู่แล้ว ซึ่งมีอยู่เป็นหมื่นๆ คน ซึ่งก็ต้องดูว่าใครจะได้สิทธิ์ เพราะในงานไพรเวตปาร์ตี้มีอยู่แค่ 200 ที่เท่านั้น”

แซม : “เฉพาะเรากันเอง ญาติพี่น้อง หุ้นส่วนธุรกิจก็เต็มแล้ว เราไม่ได้ขายบัตร ปาร์ตี้นี้เฉพาะลูกค้า เราเลยตั้งเป็นกฎว่าใครจะมีโอกาสได้มา ใครที่ถือการ์ดเงิน การ์ดทองอยู่ ก็จะได้สิทธิ์ก่อน สำหรับคนที่ดูแฉ วันนี้ เรามีบัตรคอนเสิร์ตที่จะได้ถ่ายรูปด้วยมาแจกให้ 5 ใบ แค่แอดไลน์ Panaceemed ก็ส่งกันมา วันที่ 31 ต.ค. นี้เราจะจับสลากช่วงบ่าย คัดเลือกเอาว่า 5 คนนี้จะเป็นใครที่ได้บัตรไป เราได้บัตรมา ไม่อยากจะหวงไว้ให้เฉพาะลูกค้า Panacee เมื่อมีก็แบ่งปันครับ

หมวย : “ไม่มีกติกาอะไร แค่แอดไลน์ เราจะเอาชื่อไปจับสลาก แจ้งรายชื่อผู้โชคดีทางไลน์แอดค่ะ”

แซม : “เรายืนยันว่าเราไม่มีขายบัตร 500,000 บ้าง 1 ล้านบาทบ้าง ไม่มีนะครับ แค่เฉพาะลูกค้าเรา เราก็ไม่รู้จะดูแลยังไงแล้ว เราทำเรื่องของสุขภาพ เราไม่ได้จัดคอนเสิร์ตครับ ที่เราเข้ามาเพราะเราชอบเขา เลยอยากจะเป็นส่วนนึงสนับสนุนเขาในฐานะคนที่รักสุขภาพ คนที่มีแอตติจูดบวกๆ พอเราสนับสนุนเขา ทางเขาก็น่ารัก มีไพรเวตมาให้เรา อาจจะมีคนถามว่าการ์ดเงิน การ์ดทอง คืออะไร มันเป็นเรื่องภายในบริษัทครับ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน มันเป็นเรื่องภายในที่เราจะสามารถคัดใครเข้ามาในงานก็ได้ เพราะเรามีโควตา 200 ที่”

คนลืมไปแล้วว่า Panacee เป็นธุรกิจของแซม?

แซม : “เราเริ่มไปบุกทำธุรกิจที่เยอรมนีเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ไปทำบำบัด ตอนนี้คนถามทำไมไปที่เยอรมนีแล้วปิด ยังปิดอยู่นะครับ ตั้งแต่โควิดจนตอนนี้ยังไม่ได้เปิดเลย อย่าตกใจนะ ก็ใกล้จะเปิดในเร็วๆ นี้แล้ว”

หมวย : “เรามีที่เยอรมนี ที่เอาศาสตร์ชะลอวัยมาใช้ เราเป็นโรงพยาบาลที่ทำสเต็มเซลล์รายแรกของประเทศจีน”

แซม : “ที่จีนของเราใหญ่มาก เพราะเขามารักษาที่เยอรมนีแล้วอยากให้เราไปเปิดที่จีนด้วย”

มีธุรกิจใหญ่ขนาดนี้ ทำไมยังกลับมาเล่นละครอีก?

แซม : “อยากเล่นครับ ก็ฝากธุรกิจให้น้องๆ ดูกันไป พี่ขอกลับไปเล่นละครสัก 2-3 ปี เราชอบละครไง เราอยู่กับธุรกิจมา 10 กว่าปี ก็เลยกับหุ้นส่วนว่าน้องพี่ขอไปทำอย่างอื่นบ้างนะ เพราะอยู่กับสุขภาพมา 10 กว่าปีแล้ว ที่ผ่านมาก็ทุ่มเทให้กับมันมามาก เราต้องไปเรียนปริญญาโทจนจบเอ็นไทร์เอจจิ้ง ถึงมาเปิดโรงพยาบาลได้ อยู่กับแพทย์กับพยาบาลมา 10 กว่าปี วันนี้ขอไปเล่นละคร ตอนแรกคิดว่าจะเล่นเรื่องเดียว เล่นไปเล่นมาก็ยาวตั้งแต่โควิดมาเลย ตอนนี้ก็เลยตัดสินใจไม่รับเงินเดือนอะไรทั้งสิ้นในการบริหาร ขอไปเล่นละครอย่างสบายใจดีกว่า

ผมหายจากละครไป 17 ปีได้ ก็ไปทำธุรกิจนี้แหละ แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ เราเดินทางไปทำที่เยอรมนี ไปทำที่จีน ไปปกครองเยอรมนีเป็นอะไรที่ยากมากนะ ปกครองฝรั่งหัวทองให้เขามาเชื่อในสิ่งที่เราทำได้ ไปแรกๆ เขาแอนตี้เรามาก เขาแอนตี้เอเชีย จนวันนึงที่เราเอาธงชาติไทยไปปักได้กลางประเทศเยอรมนี ก็รู้สึกภาคภูมิใจ”.