“จั๊กจั่น อคัมย์สิริ” เปิดใจเรื่องลูก รับก่อนหน้านี้เครียดหนักจนต้องพบจิตแพทย์

“จั๊กจั่น อคัมย์สิริ” เปิดใจเรื่องลูก เผยกลับมารับละครหลังหายไปนาน 2 ปี

           เป็นอีกหนึ่งนักแสดงสาวแถวหน้าของเมืองไทยที่ผ่านมาหายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิง สำหรับ “จั๊กจั่น อคัมย์สิริ” ที่ควงคู่กับหนุ่มนักธุรกิจเข้าสู่ประตูวิวาห์อย่างสมบูรณ์ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งบรรยากาศภายในงานอบอวลไปด้วยความยินดี และเผยแพลนที่จะเดินหน้ามีลูกกันในปีเสือ งานนี้ได้เจอกับสาวจักจั่นที่มาร่วมงานบรวงสรวงละคร “เรือนชฎานาง” เลยไม่พลาดที่จะถามถึงเรื่องนี้กันสักหน่อย โดยเจ้าตัวเผยว่า 

อ่านข่าวต่อ : “จั๊กจั่น” ร่วมเฟรมถ่ายรูปแกงค์ Wake Up ชะนี แต่งานนี้ถูกทักดูอวบขึ้นหรือจะมีข่าวดีอีกคน

            2 ปีที่ผ่านมาที่ห่างหายจากงานละคร คือพี่ปัญหาเรื่องหัวเข่า ผ่าตัดหัวเข่ามาด้วย ยังขึ้นลงบันไดได้ไม่ปกติ ตอนนี้ดีขึ้นแล้วเลยกลับมาทำงานได้ ที่ผ่านมาสุขภาพสมบูรณ์ดี แต่บางทีเราอาจจะเครียดและกดดันโดยไม่รู้ตัว มีไปหาจิตแพทย์ เพราะที่ผ่านมามันก็มีเรื่องราวเกิดขึ้น เคยรู้สึกว่าไม่อยากทำงานตรงนี้แล้ว ทำไมเราต้องมานั่งตอบคำถามในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ที่ตัดสินใจไปพบหมอ เพราะเรานอนไม่หลับ จะคิดว่าทำไมๆ ตลอด ตอนนี้ก็ปล่อยให้เป็นตามคดีแล้วกัน มันเครียดตรงที่ผู้หญิงคนนึงจะแต่งงาน กำลังจะใช้ชีวิตมีความสุขแต่กลับโดนว่าเป็นเมียน้อยคนอื่น แล้วคนอื่นกลับเชื่ออีกด้วย หลังจากที่ได้พักไป ตอนนี้สุขภาพเข่าก็ดีขึ้นสุขภาพจิตก็โอเค คุณหมอเขาจะให้เราเล่าว่าเรารู้สึกยังไงบ้าง เจออะไรมาบ้าง คุณหมอก็ช่วยปรับความคิดเรา แรกๆ ก็มีทานยา หลังๆ เตรียมมีน้องก็หยุดทาน แต่ยังไม่ถึงขึ้นซึมเศร้า ตอนนี้คือปกติแล้ว เรียกว่าเวลาจะช่วยเยียวยา

              ตอนนี้เรื่องราวอยู่ในชั้นศาล มีความคืบหน้าอยู่เรื่อยๆ ถ้าอยากรู้อะไรต้องถามทางพี่นิด้า เราะเราไม่สามารถพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะ ไม่รู้ว่ามันจะส่งผลอะไรในชั้นศาลหรือเปล่า ตอนนี้เตรียมพร้อมที่จะมีลูกด้วย ได้ไปฝากไข่ไว้แล้ว แต่อยากลองวิธีธรรมชาติก่อน เราดันไปฝากตอนช่วงเครียดด้วย เลยไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนนี้ก็ถ่ายละคร กระบวนการการผลิตช่วงนี้เลยต้องหยุดไว้ก่อน ส่วนสามีก็โอเค ฤกษ์ของการมีน้องเราต้องคลอดปีหน้า เดือนมีนาคมถึงจะดี แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้ซีเรียสแล้ว ถ้าเขาอยากจะมาก็ให้เขามา

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.daradaily.com/news/119935/read
ขอขอบคุณ : https://www.daradaily.com/news/119935/read