"ท็อป-จรณ" เผยแผนฟื้นฟูป่วยหมอนรองกระดูกทับเส้น ต้องอดทนในสิ่งที่ขาดหาย!


ให้คะแนน


แชร์

เป็นหนึ่งในนักแสดงสายมู เมื่อนักแสดงหนุ่ม ท็อป–จรณ โสรัตน์ ถูกเชิญมารายการ “จิ้งจกทัก” ทางช่อง 3 งานนี้เจ้าตัวรีบตอบรับทันที แถมยังเตรียมตัวเตรียมคำถามไว้รอ หมอช้าง–ทศพร ศรีตุลา อีกตะหาก เราก็เลยถามเรื่องความมู พร้อมกับอัปเดตอาการป่วย “หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท” ซะเลย

เริ่มจากถามว่ามารายการ จิ้งจกทัก วันนี้เป็นยังไงบ้าง?

“สนุกมากครับ คือต้องบอกเลยว่าลุ้น อยากได้รางวัล ได้ความรู้ด้วย ความรู้เกี่ยวกับเรื่องตัวเลขด้วย และอีกหลายอย่างเลย”

เห็นว่า พกคำถามเรื่องความรักมาเพื่อถามอาจารย์ช้างด้วย?

“ใช่ครับ แต่สรุปว่าวันนี้ก็ได้คำตอบไปว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่เราคิด อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าเรามีทางออกมีทางแก้ หลังไมค์ก็ไปถามว่ามีอะไร ผมต้องทำยังไงดี”

ปกติมูบ้างหรือเปล่า?

“ก็มีครับ ผมว่าในสมัยนี้ทุกคนมูหมด ผมว่าไม่มีใครไม่มูแล้ว เราเองก็นับถือพระพิฆเนศ ไหว้พระพิฆเนศ ไหว้พระแม่ลักษมีอะไรแบบนี้ ถ้าเป็นทางพุทธก็มีท้าวเวสสุวรรณ ไหว้พญานาค เรียกได้ว่าเป็นกำลังใจในการทำงานของเราละกัน ในการที่เราจะออกจากบ้านไป เราก็จะไหว้ขอพรให้งานราบรื่นให้งานสำเร็จ”

"ท็อป-จรณ" เผยแผนฟื้นฟูป่วยหมอนรองกระดูกทับเส้น ต้องอดทนในสิ่งที่ขาดหาย!

อัปเดตสุขภาพหน่อย แฟนๆเป็นห่วง

“ตอนนี้ดีขึ้นเยอะมากแล้วครับ 80% แล้ว แต่ก็ยังเมื่อยง่าย นั่งนานๆก็จะตึงบ่า ก็ค่อยๆรักษาไปเรื่อยๆ ก็พยายามจะอดทนและก็มีวินัยกับมันมากที่สุด”

ตอนนี้ต้องรักษายังไงบ้าง?

“มีฝังเข็ม เป็นแพทย์ทางเลือกทั้งหมด นวดจัดกระดูก กายภาพ พิลาทิสด้วย แล้วก็มีนักกายภาพด้วย”

แฟนๆจะได้เห็นท็อปกลับมาบู๊บ้างไหม?

“ตอนนี้มีซีรีส์ที่บู๊เสร็จไปแล้ว ยังไม่ได้ออนแอร์ น่าจะไม่ปลายปีนี้ก็ต้นปีหน้าได้ดูกัน ถ้าจะกลับมาบู๊อีกไหม ผมว่าอาจจะต้องเป็นปีแหละ อยากให้มันร้อยเปอร์เซ็นต์จริงๆ มันค่อนข้างเสี่ยงมาก แต่ถามว่าอยากบู๊ไหม ก็อยากบู๊นะ เพราะการบู๊ได้ หมายความว่าร่างกายเรากลับมาสมบูรณ์ 100% แล้วเพราะฉะนั้นเราก็อยากจะกลับมาสมบูรณ์ 100% แต่เหนือสิ่งอื่นใดทุกอย่างก็ต้องค่อยๆเป็น ค่อยๆไป ไม่หักโหม ไม่เร่งรีบ”

มีเอฟเฟกต์กับการดำเนินชีวิตยังไงบ้าง?

“เยอะมาก ผมชอบออกกำลังกายมาก ผมออกกำลังกายทุกวัน แม้กระทั่งวันทำงานผมก็ออก เพราะฉะนั้นมันเหมือนส่วนหนึ่งของชีวิตมันหายไป ไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งด้วย ส่วนใหญ่ด้วย เพราะชีวิตผมอยู่ยิมเยอะมาก เรียกได้ว่าไม่ออกเลยดีกว่า แต่ตอนนี้ดีที่สุดตอนนี้ก็คือพิลาทิส เพราะว่าพิลาทิสเป็นการออกกำลังกายและก็รักษาด้วยในการล็อกกระดูกสันหลังทั้งหมด คือกระดูกสันหลังนิ่ง ผมก็มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกใช่ไหมครับ ก็ทำได้เท่านี้ซึ่งมันก็ดีนะไม่ใช่ไม่ดี แต่ว่าพลังงานเราลดลง เมื่อก่อนอาจจะถ่ายละครบู๊ได้ทั้งวัน ถ่ายซีนดราม่าเมื่อก่อนเราอาจจะร้องไห้ได้ 15 ฉาก ตอนนี้ฉากสองฉากก็เหนื่อยแล้ว เพราะเราไม่ค่อยได้วิ่ง เรื่องของพลังงานมันก็ลดลง เหมือนมันเฉาลง สิ่งที่เคยทำได้แล้วเราทำไม่ได้ก็ค่อนข้างส่งผล จริงๆก็ออกได้ในบางอย่าง ผมปรึกษาคุณหมอเขาก็บอกว่าก็เวทเทรนนิ่งได้นะ วิ่งก็เริ่มวิ่งได้แล้ว แต่ทุกอย่างต้องยืดเส้นให้ดีด้วย คือพอเส้นมันตึงมันก็ส่งผล มันก็ไปดึงถึงที่คอ ผมก็เลือกที่จะยังไม่ค่อยเสี่ยงมาก ก็จะค่อยๆดีกว่า เวทก็ยังไม่กลับไปเล่น เพราะเคยกลับไปเล่นแล้วกลับมาเป็นหนักขึ้น ก่อนหน้าที่เป็นผมยกเก้าอี้ไม่ขึ้นนะไม่มีแรง พอเริ่มดึงขึ้นได้แล้วก็ประมาท อยากให้รู้สึกเกือบ 100% ดีกว่าแล้วเดี๋ยวค่อยว่ากันไป เพราะสุดท้ายมันคือร่างกายเรา เราน่าจะรู้ดีที่สุดและเราก็ควรจะต้องดูแลสุขภาพให้ดีที่สุด”

ฝากถึงเป็นแฟนที่เป็นโรคเดียวกันหรือประมาทจนลืมดูแลสุขภาพ

“โรคกระดูกทับเส้นมันเกิดขึ้นง่ายมาก แล้วส่วนใหญ่จะส่งผลจากการที่เราใช้ชีวิตประจำวันนี่แหละ เช่นสิ่งที่ผมถูกห้ามทำคือการเล่นโทรศัพท์ แบบก้มอย่างนี้ เพราะว่าคอเราไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รับน้ำหนัก การที่คอเราก้มไปข้างหน้าเยอะๆมันรับน้ำหนักขึ้นสองถึงสามเท่าเลย และก็การนั่ง ท่านั่งก็ค่อนข้างจะส่งผล ก็อยากให้ทุกคนรักษาสุขภาพ เพราะว่าการที่เราเช็กอัปตัวเองบ่อยๆ หรือบางครั้งไปหาคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านกระดูกด้านกายภาพก็ไปเช็กอัปดู ดูซิว่าเราปวดคอบ่อยๆรึเปล่า เมื่อยคอบ่อยๆรึเปล่า หรือว่าคนที่ทำงาน พวกออฟฟิศซินโดรมก็อาจจะมีปัญหาในอนาคตได้ เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพดีๆ ส่วนคนที่เป็นอยู่ ผมก็ให้กำลังใจอย่างมากเลย เพราะว่าผมเองก็กำลังต่อสู้และอดทนอย่างมากเหมือนกัน และหวังว่ามันจะหายโดยเร็วครับ แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันมีเวลาของมัน ต้องใจเย็นๆ ต้องค่อยๆ อย่าทำอะไรที่มันหักโหมมากและเชื่อว่าวันหนึ่งจะต้องกลับมาหายไปด้วยกันครับ”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2539285
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2539285