และในวันที่ 29 ธ.ค. ที่ผ่านมา วี ฐิตาภา ธนทรัพย์ปรีชา CEO แพลตฟอร์ม หงษ์ทอง ได้ออกมาไลฟ์แถลงการณ์ทั้งน้ำตา พร้อมกับขอโทษ บอสณวัฒน์ โดยบอกว่า ตนเองนั้นรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และยอมรับว่ามีการเซตฉากรับรางวัลจริง ขอยอมรับผิดเลยว่า คุณเอก เป็นคนที่เซตขึ้นมาจริง แต่ยืนยันว่า มีรางวัลที่ 1 จริง มีคนถูกจริง ซึ่งลูกค้าไม่ขอเปิดเผยตัวตน แต่พร้อมไปขึ้นศาลด้วยกัน

ทำให้ประเด็นนี้ได้กลายเป็นที่วิจารณ์กันในโลกออนไลน์อย่างมาก ล่าสุด บอสณวัฒน์ ก็ได้จัดแถลงข่าวด่วนเพื่อชี้แจงประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะประเด็น “เห็นน้ำตาแล้วใจอ่อนหรือไม่!?” ต้องการลุยต่อหรือพอแค่นี้ 

โดย ณวัฒน์ ได้เปิดคลิปเสียงที่บุคคลหนึ่งคุยกับบุคคลหนึ่ง ซึ่งบทสนทนาได้คุยกันในทำนองที่ว่า จ้างดาราชื่อดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์เลย เพราะไหนๆ ก็จ่ายตังค์ไปแล้ว และเตรียมให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ต่อจากมิสแกรนด์

ณวัฒน์เผยว่า เบื่อกับเรื่องนี้มาก ขอพูดตรงๆ เลยว่าเป็นสปอนเซอร์รายแรก ในชีวิตการทำงานในวงการบันเทิง ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนเราต้องเป็นแบบนี้ แต่มันอาจจะมีการยุกันไปเรื่อยๆ ซึ่งมั่นใจว่าเรื่องแบบนี้มันก็ไม่จบ

แล้วเมื่อวานที่คู่กรณียืนยันว่ามีรายเดียวที่ชื่อคุณเอก ผมยืนยันว่าไม่ได้มีรายเดียวแน่นอน และมันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก จะมานั่งเถียงกันทำไม มีลอตเตอรี่จริงต่อให้ไปขึ้นเงินก็ต้องมีเก็บไว้ ก็เปิดออกมาเลยว่าคิวอาร์โค้ดอะไรเล่มที่เลขที่อะไร ลอตเตอรี่ตัวจริงมีแน่นอน 1,000,000% ไม่ต้องเบี่ยงเบนประเด็น

แต่ปัญหาของผมคือคนที่ให้ผมไปทำงานด้วย คือตัวปลอม นั่นคือสิ่งที่ทำข้อมูลเท็จเพื่อประโยชน์ของบริษัทเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยใช้ชื่อเสียงของมิสแกรนด์และผู้ชนะมิสแกรนด์รวมถึงรอง เป็นที่ค้ำประกัน ผมยอมไม่ได้

สปอนเซอร์แบบนี้ผมบอกแล้วว่าผมไม่เอา ใครจะเอาก็เอาไป เพราะฉะนั้นถ้ามีลอตเตอรี่จริงก็เอามาดู หลักฐานการให้เงินก็เอามาดู อย่าบอกว่าให้เงินสด มีใครเขาเอาเงิน 24 ล้าน ไปกองให้เป็นเงินสดบ้าง

หรือถ้ากองก็ต้องมีการเซ็นรับ มีภาพถ่าย แต่เท่าที่ผมรู้เงินที่ขนไปกองข้างหน้าก็ขนกลับ อย่าลืมว่าทุกอย่างปากมีหูประตูมีช่องวงจรปิดรอบด้าน เพราะฉะนั้นคิดให้ดีก่อนที่จะไปตายกันข้างหน้าหมด เงิน 24 ล้าน ต้องตอบให้ได้ ลอตเตอรี่ตัวจริงเอามาให้สแกนมันจะรู้เส้นทางว่าของใคร และคนคนนั้นเป็นลูกค้าคุณหรือไม่

จากนั้น ณวัฒน์ ก็ได้ต่อสายหาคนที่บอกว่า ถูกรางวัลจากสิงคโปร์ซึ่งเป็นคนที่ถูกรางวัลงวด 1 มิ.ย. 2565 ในวันนั้น อิงฟ้า ได้ไปมองรางวัลให้ด้วย และณวัฒน์ได้ถามว่าวันที่โทรไปอยู่ที่ประเทศไทยหรือสิงคโปร์ ซึ่งคนในสายได้บอกว่าอยู่ที่ประเทศไทย ทางภาคอีสาน

ณวัฒน์ได้ถามว่า สรุปแล้วถูกรางวัลที่ 1 จริงหรือไม่ ซึ่งคนในสายบอกว่า ไม่ได้ถูกลอตเตอรี่และรู้สึกไม่ดีด้วย ได้เงินตอบแทน 5,000 บาท ผมต้องขอโทษด้วย ขอโทษคุณอิงฟ้า ด้วยที่เป็นอย่างนี้ และผมยินดีให้ข้อมูลครับ

ณวัฒน์กล่าวต่อว่า ที่เอาข้อมูลเหล่านี้มาแชร์เพราะอยากให้ทุกคนช่วยกันและเป็นคนไทยที่มีคุณภาพ เราจะไม่ท้อกับความจริงที่มันต้องเปิดเผย

หลังจากนี้ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการเหมือนเดิมที่กำหนดไว้ เพราะว่าต้องบอกคนไทยทุกคนว่าการที่ออกมาขอโทษ หรือการที่ออกมาร้องไห้ของคู่กรณี มันคือส่วนหนึ่งสำหรับความรู้สึก ผมก็รู้สึกว่าผมสงสาร ถ้าเรามองแค่น้ำตา

แต่เมื่อเรามองข้อเท็จจริงก็ยังมีภาคเสธและการปัดความรับผิดชอบไปสู่พนักงาน พยายามให้เป็นแบบนั้น และก็บอกว่ามีแค่รายเดียว แต่ผมมั่นใจไม่ใช่แค่รายเดียว แต่อาจจะทั้งหมดหรือเปล่าผมก็ไม่รู้

ผมรอรายคนที่ได้ 24 ล้าน รายคนนี้ และผู้หญิงคนที่อยู่ชลบุรี รวมถึงคนที่เดินทางมารับมอบบนเวทีนี้ที่บอกว่าอยู่จันทบุรี ซึ่งผมก็สงสารเขา แต่ถ้าเขาใช่และได้รับเงินจริงผมก็ดีใจด้วย แต่ถ้ามันไม่ใช่ผมก็อยากจะเติมเต็มให้เขาดีกว่า

กระบวนการต่อไปขึ้นสู่ศาลแน่นอนนะครับ แล้วมันไม่มีอะไรที่อ้อมค้อม เราก็รักษาสิทธิ์ของเรา เพราะว่าผมไม่ได้เริ่มกับใครก่อน อย่าลืมในสิ่งที่ตัวเองทำ ทำเราก่อนมากมาย ไปแจ้งความผมที่ สน.พระโขนง เอาผมไปแขวนในเฟซบุ๊กและปักหมุดจะฟ้อง 100 ล้าน ผมไม่ได้เป็นควายที่กินหญ้าแต่ยังสามารถวิ่งชนได้ ผมเป็นมนุษย์ คุณตีผมมาหลาย 100 ครั้งจะไม่ให้ผมสู้กลับเลยเหรอ

เพราะฉะนั้นต้องตระหนักว่าคุณเริ่มทำร้ายเรา คุณเริ่มหลอกลวงเรา คุณเอาของปลอมมาให้เราคุณก็ต้องรับผิดชอบ น้ำตาคือความรู้สึก ส่วนเน็ตไอดอลผมฟ้องแน่นอน

ส่วนเจ้าของร้านเพชรกับดาราดัง ส่วนตัวผมก็ไม่มีข้อขัดแย้งอะไร เพียงแค่ว่าผมรอความร่วมมือ และยุติในการสนับสนุน หรือส่งเสริมให้ผู้อื่นผู้ใดได้กระทำการล่วงเกินผม

แต่ถ้าคู่กรณีจะเข้ามาขอโทษ ก็ขอบคุณนะครับส่วนเรื่องไกล่เกลี่ย ผมว่าน่าจะไปไกล่เกลี่ยที่ศาลดีกว่า ศาลจะได้รับรู้ แต่ถ้าเรื่องมากกว่านี้ก็มั่นใจว่าเป็นเรื่องที่ กฎหมายคงต้องดูแลประชาชนและดูแลความถูกต้องครับ

โดยหลังจากที่ ณวัฒน์ แถลงข่าวไปแล้ว ทางคู่กรณีก็ยังไงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ออกมา และผู้สื่อข่าวยังไม่สามารถติดต่อคู่กรณีได้ ซึ่งหากมีความเคลื่อนไหวของคู่กรณีออกมา ไทยรัฐออนไลน์จะรายงานให้ทราบทันที.