ซาร่า โฮเลอร์ เล่านาทีน้ำตาไหล เบ่งคลอดลูก 4 ชม.จนออกซิเจนเกือบหมด


ให้คะแนน


แชร์

กลายเป็นคุณแม่ป้ายแดงอีกคนของวงการบันเทิง สำหรับนักร้องสาวเสียงดี ซาร่า โฮเลอร์ หรือ ซาร่า เอเอฟ ที่เพิ่งจะคลอดลูกสาว น้องแอร่า ไปเมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา 

ล่าสุด คุณแม่คนสวย ก็ได้มานั่งเปิดใจในรายการแฉ เล่าถึงเหตุการณ์ตอนคลอดลูก และเรื่องราวความรักของเธอกับสามี แอช จอร์แดน ให้ทุกคนได้ฟังอีกครั้งว่า 

นอนน้อย เลี้ยงลูก ต้องตื่นทุก 3 ชั่วโมง น้องแอร่า ตอนท้องน้ำหนักขึ้นมา 10 กิโล ก็ยังทำงานปกติ ใส่ชุดวอร์มๆ คลุมๆ เท่ๆ สปอร์ตๆ ไม่ได้รับงานในรายการซะส่วนใหญ่ แต่จะเป็นรับงานในกองไปต่างจังหวัด ก็ชิลๆ แต่ทุกคนก็รู้นะคนที่ทำงานทุกคนก็รู้ (รู้ว่าท้อง?) ใช่ แต่เราก็ไม่ได้ออกมาโพสต์หรือมาบอก เพราะเราก็เชื่อว่าวันนึงก็ต้องมีคนรู้ วันนึงก็จะมีข่าวออก (ยิ้ม) ก็เลยรอจังหวะนี้ดีกว่า

ตอนได้ยินเสียงลูกครั้งแรกน้ำตาไหล?
ตอนแรกตั้งใจอยากคลอดธรรมชาติ น้ำเดินตั้งแต่ 8 โมงเช้า เราก็จะคลอดธรรมชาติเพราะคุณแม่ ญาติพี่น้อง คลอดธรรมชาติหมดเลย เราก็รอให้น้องมาจนถึงทุ่มนึง เริ่มเบ่งจนถึงสี่ทุ่ม น้องไม่มา ตัวเขาใหญ่ เราเบ่งจนออกซิเจนจะหมด สุดท้ายก็เลยต้องเข้าห้องผ่าตัด ได้ยินเสียงลูกก็ร้องไห้

จุดเริ่มต้นกับแฟนหนุ่ม?
เขามาทักเราก่อน ตอนนั้นทำงาน เขาก็ดูเป็นฟิตเนสแมน หลังจากที่ได้คุยกันก็ได้เห็นความตั้งใจของเขา การงานของเขา ก็คุยกันไปเรื่อยๆ จนเขาทำเพลงเป็นโปรดิวเซอร์ ซึ่งจริงๆ เขาไปอยู่เกาหลีมาก่อนปีนึง ทำเพลงอยู่ที่โน่นแล้วก็พอมาเมืองไทยดันติดช่วงโควิดกลับไปไม่ได้ ก็เลยอยู่ยาวจนกระทั่งได้มาเจอกัน เขาตั้งใจจะย้ายออกแล้ว จนกระทั่งได้มาเจอเราเขาก็เลยอยู่ต่อ (หัวเราะ)

โสดมานานเหมือนกัน?
ก็เกือบ 2 ปี แต่สุดท้ายทั้งนี้ทั้งนั้นก็ดีใจนะกับการได้เป็นแม่คนในช่วงเวลานี้ เพราะใช้พลังงานเยอะมาก เหนื่อยมากที่ต้องดูแลเด็กคนนึง

บุพเพสันนิวาสมีจริง เขาเห็นหน้าเราแล้วเดินมาคุยเลย?
เขาเคยมีพูดอยู่ประโยคนึงว่า คุณเคยรู้สึกว่าต้องรู้จักใครสักคนไหม แม้แต่กระทั่งแค่เดินผ่าน มันมีเซ้นส์อะไรบางอย่างที่ดึงดูด เราไปช็อปปิ้งแล้วเดินผ่านกัน กฎของแรงดึงดูดจริง เขาเป็นฝ่ายมาทักเราก่อน ตอนนั้นเราตัดเรื่องความรักไปเลย เพราะเราอยากโฟกัสเรื่องงาน (หัวเราะ) จริงๆ ตอนนั้นอยากให้สิ่งดีๆ อยากพัฒนาตัวเองมากกว่า อยากทำในสิ่งที่เราอยากทำ ทุกวันนี้ดีใจที่อ่านคอมเมนต์ที่เขาบอกว่าเห็นเราเติบโต เห็นเราได้เป็นแม่ ติดตามมาตั้งแต่เข้าเอเอฟจนถึงตอนนี้มีลูกแล้ว

เป็นคนคิดบวกตลอด เรื่องกฎแรงดึงดูดก็เคยอ่านมาก่อน?
หนูก็เชื่อเรื่องนี้นะ หนูจะเชื่อเรื่องของอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในชีวิตมนุษย์มันอยู่ที่โชคชะตาฟ้าลิขิต ไม่ว่าจะเป็นจังหวะชีวิตที่เจริญหรือว่าจังหวะชีวิตที่เราต้องตก เป็นช่วงชีวิตของคนที่ต้องเจออยู่แล้ว อย่างกับแฟนคนนี้เจอกันเขาก็ขอไลน์ จริงๆ เราจะให้ไอจี แต่เราก็แบบอย่าเลยดีกว่า เดี๋ยวเขารู้ว่าเราดังมาก (หัวเราะ) ก็เลยให้ไลน์ เพราะไลน์จะไม่มีรูปของเราเลย จะเป็นรูปการ์ตูน แล้วก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เขาทักมาแรกๆ เราไม่ได้ตอบเขาเลยเกือบ 3 อาทิตย์ จนสุดท้ายเราก็เห็นความตั้งใจของเขา เขาบอกว่าผมรู้นะการที่มาทักคนแปลกหน้าในสถานที่แบบนี้มันอาจจะทำให้คุณดูแปลก แต่ผมแค่ต้องการความสัมพันธ์เป็นเพื่อน มิตรภาพ ซึ่งเขาไม่รู้ว่าเราเป็นดารา วันที่เขาเจอแล้วแลกไลน์เขาเห็นเราแค่ลูกตาเพราะใส่แมสก์

เคยถามเขาไหม คนเราถ้าจะคบกันบางทีต้องรู้จักกันมาก่อน อันนี้ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม?
อย่างที่บอกเขาบอกว่าต้องรู้จัก เขารู้สึกว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อน ตอนนี้น่าจะบุพเพอาละวาดแล้ว (หัวเราะ) พอเราเริ่มตอบ เขาก็ชวนไปกินกาแฟร้านวีแกน เพราะเรากินวีแกนมาจะ 3 ปีแล้ว เขาบอกว่าเขาไม่รู้ว่าเรากินวีแกนแต่เพื่อนเขาแนะนำร้านนี้ก็เลยอยากจะชวน ก็เลยแบบ เฮ้ย! ได้ไปอีกหนึ่งแต้ม (หัวเราะ) หลังจากนั้นเราก็รู้สึกประทับใจอีกหลายๆ เรื่อง แล้วเขาก็เลยปรับตัวเองมากินตามเรา แล้วเขาก็สนับสนุนในสิ่งที่เราเป็น

เขามารู้ว่าเราเป็นดารา ก็ตอนที่เขามาถามเราว่ารู้จักมิวเซียมเก๋ๆ ไหม ซึ่งพอไปพิพิธภัณฑ์ด้วยกัน ขากลับพี่ รปภ. ขอถ่ายรูป ตอนแรกเขาก็งงทำไมมีคนมาขอถ่ายรูปเรา เกิดความสงสัยเป็นที่มาทำให้ต้องบอกเขาว่าเราเป็นดารา หลังจากนั้นด้วยความที่คนอเมริกันเขาจะค่อนข้างหวงความเป็นส่วนตัวมาก เขาเลยตกใจนิดนึง เราก็เลยบอกเขาว่าถ้าจะคบเราเป็นเพื่อนหรืออะไร ต้องรับประชากรที่จะเข้ามาในชีวิตของฉันให้ได้ เขาก็ตกใจนิดนึง ตอนนี้เขาก็เลยลบรูปทุกอย่างของเขาในไอจีออกหมดเลย ด้วยความเป็นส่วนตัวของเขา และเขาก็อยากจะโพสต์อะไรที่ตั้งใจให้จุดมุ่งหมายที่ดีกับคนอื่น ที่เขาลบรูปเก่าออกเพราะรู้สึกเกรงใจเรา แล้วรูปของเขาก็จะเป็นรูปครอบครัวก็ค่อนข้างจะไพรเวต แต่สุดท้ายเขาก็โอเค จะค่อยๆ ปรับให้เข้ากับเราให้ได้

การเลี้ยงลูกแบ่งเวลายังไง?
ด้วยความที่ต้องตื่นมาให้นมลูก ตอนนี้ก็จะเป็นหน้าที่เราเป็นหลักในการเลี้ยงเขา ส่วนช่วงเวลาที่เราจะพักผ่อนช่วงกลางวัน แฟนก็จะดูแลลูกให้”

เรามารู้ตอนไหนว่าเขาเป็นโปรดิวเซอร์?
หลังจากคบกันมาสักพักนึงเราก็เริ่มแชร์ว่าเราเป็นใคร ทำอะไร เริ่มแชร์ความฝันของเรา แล้วก็เรื่องเกี่ยวกับเพลงที่เราเคยทำที่จีน เขาก็เริ่มแชร์ของเขาแล้วก็ชวนไปที่คอนโดซึ่งมีสตูดิโอที่นั่น เขาก็ให้เราลองอัดเพลง ซึ่งเราก็คิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ เพราะเราคิดว่ากว่าจะแต่งได้แต่ละเพลงมันยาก แต่เขามีทุกอย่างพร้อมให้เราไปฟรีสไตล์ได้เลย เราก็ไปฟรีสไตล์แบบสามช่า ส่วนเขาเป็นสไตล์ฮิปฮอป (หัวเราะ) เราเองก็ชอบฮิปฮอปอยู่แล้ว ก็เลยค่อยๆ ปรับเข้าหากัน หาแนวที่อยากจะทำเพลงด้วยกัน ก็เลยเป็นแรงบันดาลใจที่เขาเองก็อยากทำเพลงให้เรา แล้วตัวเราเองก็มีโอกาสได้ทำเพลงด้วย ณ ตอนนี้เขาก็เลยอยู่เมืองไทยยาวเลย แต่ก็ไป-กลับอเมริกาบ้าง ไปเยี่ยมครอบครัวเขาบ้าง

ซึ่งเขาเองก็เหมือนเป็นคนที่จุดประกายให้เราอยากกลับมาทำเพลงด้วย ก็เป็นความฝันของเราแต่เด็กแล้วว่าอยากจะทำอะไรแบบนี้ แล้วเราก็มีโอกาสได้ทำเพลงกับเขา แล้วเราต่างก็มีความฝันเหมือนกัน ถ้าเขาดูอยู่ก็อยากขอบคุณเขาในทุกๆ อย่าง เขาเด็กกว่าเรา 3 ปี

จะให้ลูกเข้าวงการไหม?
ก็แล้วแต่เขา เราเองก็ไม่ได้ปิดโอกาสเขา จะเปิดโอกาสให้เขาเลือกเองเลย ลูกสาวหัวหยิก ตาโต ผิวน้ำผึ้ง น้องแอร่า

ที่ผ่านมาลำบากมาเยอะ จนวันนึงได้สร้างบ้านที่เชียงใหม่?
ตอนนี้เสร็จแล้วค่ะ เหลือตกแต่งนิดหน่อยก็ 90 เปอร์เซ็นต์แล้วค่ะ คุณพ่อ-คุณแม่ก็เข้าไปอยู่แล้ว ที่ทำงานเยอะๆ ก็เอาไปปลูกบ้าน ดีใจมาก เราก็สบายใจแล้ว บ้านที่เชียงใหม่ก็เป็นของเราแล้ว ตอนแรกก็วางไว้ 10 ล้าน แต่มีตกแต่งอีกรวมๆ ก็เกือบ 20 ล้านค่ะ (เงินสด?) ใช่ค่ะ ที่ไม่กล้ามีหนี้เพราะเราเคยมีประสบการณ์ก่อนหน้านี้ บ้านก็ไม่มี ที่ก็โดนจำนอง จนไม่เหลืออะไรเลย ต้องยืมเงินคนอื่นมาโปะดอกเบี้ย เราก็ค่อยๆ ทำงานแล้วเอามาคืนเขาจนหมด เลยทำให้รู้สึกว่าไม่อยากจะติดหนี้ใคร สิ่งที่เกิดขึ้นก็ต้องทำให้โล่งที่สุด เลยทำให้ติดนิสัยประหยัดมาตั้งแต่ตอนนั้น

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2605466
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2605466