โดนอีกราย โบกี้ไลอ้อน ถูกลูกค้าไร้สติปาของใส่บนเวที ตะโกนด่า รำคาญ


ให้คะแนน


แชร์

โดนอีกราย โบกี้ไลอ้อน ถูกลูกค้าไร้สติปาของใส่บนเวที ตะโกนด่า รำคาญ

ประเด็นนักดนตรี-ศิลปินที่ไปเล่นตามผับบาร์ถูกทำร้าย มีออกมาให้เห็นกันบ่อยๆ และหนึ่งในนั้นก็มีนักร้องสาว โบกี้ไลอ้อน หรือ พิชญ์สินี วีระสุทธิมาศ ที่เจอประสบการณ์ถูกลูกค้ามึนเมาไม่มีสติ แสดงพฤติกรรมไม่ให้เกียรติ ทั้งปาแก้ว และตะโกนด่าเธอ เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 9 มี.ค. เธอต้องออกมาโพสต์วอนขอให้คนที่ไปเที่ยวผับโปรดให้เกียรตินักดนตรีด้วย

ล่าสุด (10 มี.ค) นักร้องสาวมาร่วมงานแถลงข่าว วาโก้บราเดย์ บราเก่าเราขอ ปีที่ 12 ณ เซ็นเตอร์พอยซ์ สยาม สแควร์ และได้เปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า “จริงๆหลายเหตุการณ์ มันก็ได้เกิดขึ้นกับทั้งนักร้องและศิลปิน ไม่ว่าจะเป็นนักดนตรีของศิลปินที่เล่น หรือจะเป็นนักดนตรีกลางคืน เราก็จะเห็นบ่อยๆ ว่าเขาจะเจอกับบรรยากาศที่มันไม่น่ารื่นรมย์ หนูเองก็เจอมาบ้าง

ล่าสุดก็มีการปาของขึ้นเวที จริงๆ เราก็เจอสภาวะแบบนี้ 100% ก็อาจจะเจอซัก 80% ได้เลยในแต่ละงาน เลยรู้สึกว่าน่าจะไม่ใช่แค่เราคนเดียวที่จะได้พบเจอกับอะไรแบบนี้ ก็เลยอยากให้ผู้ที่รับชมดนตรีให้เกียรติกับนักดนตรีและทุกๆ อาชีพ”

โดนอีกราย โบกี้ไลอ้อน

โบกี้ไลอ้อน

เห็นแฟนคลับเข้ามาเม้นต์ว่ามีการโยนเสื้อใส่ แล้วก็ตะโกนว่ารำคาญใส่เราด้วย? “จริงๆ ก็ตะโกนเยอะมากเลยค่ะ แต่ไม่รู้ว่าตะโกนอะไรขนาดไหน เพราะว่าเราก็มีการใส่เอียร์มอนิเตอร์อยู่ เสียงมันจะดังมากๆ และไม่ได้ยินขนาดนั้น

แต่ว่าทราบว่าเป็นเรื่องเป็นราวนิดนึง แล้วหนูเองก็ต้องโฟกัสโชว์ที่อยู่บนเวทีด้วย แต่ระหว่างที่โชว์อยู่มันก็จะคิดถึงเรื่องนี้ ว่าอุ๊ยทำไมมันเกิดแบบนี้ขึ้น แล้วคิดว่าถ้าสิ่งของที่โยนมามันจะไม่ใช่เสื้อ แล้วหลังจากนั้นมันก็มีการโยนแก้วเกิดขึ้นด้วย ก็เลยไม่รู้ว่าความปลอดภัยตอนนี้มันเป็นยังไง ทำไมถึงโยน แต่เราก็ไม่อยากพาดพิงถึงร้านใดใดหรือบุคคลที่สามอะไรก็ตาม

รู้สึกว่า ปกตินักดนตรีในประเทศไทยค่อนข้างจะมีพื้นที่จำกัดอยู่แล้วในเรื่องการแสดงศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นดนตรี ศิลปะ ก็ตาม คือในประเทศไทยไม่ได้มีพื้นที่ให้แสดงขนาดนั้น นอกจากจะเป็นศิลปิน เพราะขนาดศิลปินก็ยังต้องเล่นในตามสถานบันเทิงในตอนกลางคืนผับบาร์อยู่ดี คือสิ่งเนี่ยมันเป็นอาชีพของนักดนตรีที่เขาดำรงชีวิต

โดนอีกราย โบกี้ไลอ้อน

โบกี้ไลอ้อนโพสต์

ถ้าเราทำเพลงมา ถ้าเราจัดทัวร์คอนเสิร์ต คือการทัวร์ในประเทศไทยส่วนใหญ่มันก็จะเป็นการทัวร์ที่เล่นตามผับบาร์ ซึ่งบางทีผับบาร์ จิตใจของนักดนตรีที่ไปแล้วก็มีความมุ่งหวังว่าเราจะเล่นสิ่งดีๆ และมอบความสุขให้กับคนดู เราภูมิใจที่จะนำเสนอให้เขาได้เสพมากๆ แต่เนื่องด้วยในผับบาร์มันก็อาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีบุคคลที่ไม่มีสติ เพราะว่าเขาก็ไปดื่มกัน

เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องปกติที่จะไม่มีสติในผับบาร์ แต่การให้เกียรติคนอื่นมันก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน และเราเชื่อว่าแต่ละคนที่ไม่ใช่แค่ศิลปินเอง แม้กระทั่งนักดนตรีกลางคืนหรือพี่ๆ ที่เล่นตามร้านเหล้ากลางคืน เขาก็เตรียมเพลงมาให้คนฟัง แล้วเพลงในหลายเพลงที่เขาเล่น เขาก็เลือกตามใจว่าคนฟังเขาอยากจะฟังอะไร เพราะทุกอย่างก็คือโลกค่อนข้างหมุนตามผู้ฟังมากๆ เลย

เราก็เลยคิดว่ามันสมควรจริงๆ แล้วหรือเปล่าพี่นักดนตรีและอาชีพอื่นๆที่ต้องเจอความเสี่ยงในระหว่างที่ทำอาชีพของตัวเองอยู่ ซึ่งคิดว่าหลายๆ คนอาจจะยังไม่เคยพูดในเรื่องนี้ขนาดนั้น แล้วหลังๆก็เห็นมีข่าวพี่ๆ ศิลปินหรือพี่ๆ นักดนตรีถูกทำร้าย”

วันนี้ก็เลยมีการ์ดมา 8 คนเลยใช่ไหม? “อ๋อ เหรอคะ คือจริงๆ หนูไม่ได้ต้องการให้หนูขนาดนั้น แล้วหนูก็ไม่ได้รู้สึกว่าหนูจะต้องมาโทษที่ใดที่หนึ่งหรือให้ร้านต่างๆ อะไรพัฒนา แค่หนูรู้สึกถ้ามีใครสักคนได้ออกมาพูดแล้วทำให้สิ่งนี้มันพัฒนาขึ้นไปในด้านที่ดีขึ้นหนูก็จะรู้สึกดีมากๆ เพราะว่าในวงการดนตรีมันก็ไม่ใช่แค่โบคนเดียว พี่คนอื่นๆ ที่เขาจะต้องเล่นดนตรีกลางคืนทุกวัน คือตัวโบเองก็เล่นเกือบทุกคืนเหมือนกันแต่พี่ๆ คนอื่นที่เขาไม่ได้มีคนมาคอยดูแล ไม่ได้มีพี่การ์ดไม่ได้มีเออาร์ในผู้จัดการของวง เขาอาจจะโดนหนักกว่านี้ด้วยซ้ำ

โบก็เลยคิดว่าความปลอดภัยก็เป็นส่วนหลัก ความมีสติก็เป็นส่วนหลักเหมือนกัน แล้วสิ่งที่สำคัญก็คือการให้เกียรติอาชีพอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพนักดนตรีหรืออะไรก็ตาม ที่ออกมาพูดแบบนี้ก็เหมือนออกมาพูดในฐานะนักดนตรีคนหนึ่งเหมือนกัน ว่าอยากจะร้องขอเหมือนกันว่า ถ้าเป็นไปได้ ถ้าไม่เกินความเป็นมนุษย์จนเกินไป ให้มีสติในการเสพดนตรี

ถ้าการกระทำที่เรากรองมาแล้วว่าสิ่งนั้นควรทำหรือไม่ควรทำกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน สิ่งนี้ก็ควรจะเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณานิดนึง หรือถ้าจะมีพื้นที่ให้นักดนตรีใดใดเพิ่มเติม ก็จะดีมากถ้ามีการพิจารณาในสิ่งนี้เกิดขึ้น”

อย่างที่เราได้รับมันน่ากลัวขนาดไหนทั้งปาแก้วทั้งอะไรต่างๆ? “คือจริงๆ หนูไม่ได้คิดถึงเรื่อง ที่หนูพูดในโซเชียลหรือมาพูดตอนนี้ คือหนูไม่ได้ห่วงขนาดนั้นว่าตัวเองจะต้องเจออะไร แต่เราแค่รู้สึกว่านี่ขนาดเรามีคนที่ดูแลเราอยู่แล้ว คนดูแลของเราก็ยังถูกไม่ให้เกียรติเช่นกัน มันเป็นการที่ถูกไม่ให้เกียรติทั้งนั้นเลยจากการไร้สติ

หนูก็เลยรู้สึกว่านักดนตรีคนอื่นในประเทศนี้ก็คงจะคงต้องพบเจอกับเรื่องนี้มามากมายเหมือนกัน แล้วก็บางอย่างค่ะเวลาที่เราเล่นสดกลางคืนมันก็จะมีเกี่ยวกับเรื่องสัญญาอยู่ มีสัญญาต่างๆ ที่ระบุเอาไว้ หนูก็อยากจะรณรงค์ให้มี ให้ศิลปินมีการทำสัญญาเกี่ยวกับเรื่องประเภทนี้เกิดขึ้น แล้วต่อให้มันจะเกิดเรื่องนี้ขึ้นก็ขอให้มีมาตรการต่างๆ ในการจัดการ”

แล้วหลังจากนี้เราจะมีมาตรการยังไงในการรับงานบ้าง? “คือหนูไม่รู้เท่าไหร่ แต่จริงๆ หนูไม่ได้อยากรู้สึกว่าฉันอยากจะได้การ์ดเพิ่ม 80 คน มันไม่ใช่ อยากให้มันเป็นมาตรฐานมากขึ้น หนูไม่รู้ว่าเสียงหนูมันจะทำให้สิ่งนี้ดีขึ้นหรือทำให้ทุกคนมีสติขึ้นหรือว่าใดใดมากขึ้นบ้างไหม แต่ว่าขอให้ได้พูด แล้วมีพี่น้องนักดนตรีที่ได้พบเจอเหมือนกัน

โดนอีกราย โบกี้ไลอ้อน

โบกี้ระหว่างร่วมงาน

หนูรู้สึกว่าการที่มาพูดเปิดประเด็นนี้ขึ้นมา ทางค่ายก็คงจะตกใจ เพราะว่าหนูไม่ได้ปรึกษาทางค่ายก่อน หนูโพสต์ตอนตีหนึ่งกว่าๆ ตอนที่เพิ่งเล่นเสร็จค่ะ การโพสต์มันไม่ได้โพสต์ด้วยอารมณ์โกรธหรือเหวี่ยงอะไรเลยนะคะ แต่หนูโพสต์เพราะว่าหนูขอความเห็นใจให้กับนักดนตรีจริงๆ ว่าพื้นที่มันก็น้อยอยู่แล้ว สำคัญมากๆก็คือการให้เกียรติจิตใจของกันและกัน

คือโบก็ไม่ได้อยากจะให้ตัวเองและเสียภาพลักษณ์ใดใด แต่เป็นการอยากขอร้องอะไรบางอย่าง ซึ่งหนูคิดว่าหนูอาจจะมีคนที่ติดตามอยู่ระดับหนึ่งซึ่งคนจะตามเหล่านั้นอาจจะได้รับรู้ไม่มากก็น้อยว่าสิ่งที่หนูต้องการมันคือสิ่งที่อยากจะให้นักดนตรีได้รับเกียรติ เมื่อคืนจริงๆ หลังจากที่โพสต์ไปก็มีคนเข้ามาให้กำลังใจเยอะมากเลย หนูก็ขอรับและขอบคุณค่ะ แล้วหนูก็อยากจะให้ทุกคนให้กำลังใจนักดนตรีคนอื่นๆ ด้วยค่ะ”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7553329
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7553329