"อัค-อัครัฐ" ท้าทายตัวเอง ผันตัวเป็นนักแสดงอิสระ เปิดโลกใหม่ขอใช้ฝีมือพิสูจน์


ให้คะแนน


แชร์

เลือกออกมาเป็นนักแสดงอิสระหลังหมดสัญญา กับช่องวัน นักแสดงฝีมือดี “อัค–อัครัฐ นิมิตรชัย” ขอหาประสบการณ์ใหม่ ถึงจะยังไม่รู้ว่าจะเจออะไรแต่เจ้าตัวขอท้าทายตัวเอง “อัค” เล่าว่า

“ตอนนี้ออกมาเป็นฟรีแลนซ์แล้ว แต่ยังมีละครอยู่กับช่องวัน 2 เรื่อง เรื่องไมค์ม่วนป่วนรักกับวีไอพี รักซ่อนชู้”

หมดสัญญาไปเมื่อไหร่? 

“หมดสัญญาเมื่อเดือน ม.ค.ปี 66 เป็นสัญญาฉบับที่ 2 ฉบับแรก 7 ปี ฉบับที่ 2 5 ปีอยู่กับช่องวันมา 12 ปี ยาวนานมาก 1 ใน 5 ของชีวิต”

อะไรที่ทำให้ไม่ต่อสัญญา?

“สาเหตุที่ไม่ต่อ ก็อยากลองออกมาผจญภัย จริงๆอยู่กับช่องวันมา 12 ปี ทางช่องก็มีละครให้เรื่อยๆได้ทำงานกับผู้กำกับหลายท่าน ทั้งผู้กำกับในและผู้กำกับนอกที่เคยทำงานกับช่องวัน ก็รู้สึกว่าแต่ละท่านมีลายเซ็นไม่เหมือนกัน เวลาเราได้เจออะไรที่ไม่เคยเจอเรา สนุกเราตื่นเต้นว้าวไปกับวิธีการใหม่ๆ เวลาเราอยู่ที่จุดเดิมนาน วิธีการเล่นหรือทำงานมันจะซึมติดตัวเราไปแบบไม่รู้ตัว เลยอยากลองไปทำงานข้างนอกบ้าง ท้าทายความสามารถเรามากกว่าเดิม อาจจะเป็นหนังหรือซีรีส์ต่างๆ”

จบสัญญาด้วยดีใช่มั้ยหรือมีความน้อยใจอะไรทางช่อง?

“จบด้วยดีครับ มันครบรอบสัญญา ก่อนออกมาก็ได้มีการนัดคุยกับผู้ใหญ่ในช่องหลายๆท่าน รวมถึงพี่บอย-ถกลเกียรติ ก็ไปแจ้งให้เค้าทราบว่าหมดสัญญารอบนี้และไม่ได้ต่อ เค้าก็มีความเป็นห่วงว่าออกไปอยู่นอกบ้านแล้วจะดีมั้ยโอเคมั้ย แนวผู้ใหญ่เป็นห่วงแต่พอเรายืนยันกับเค้าไป เค้าก็เข้าใจ”

ตัวเราเคยมีบ้านอยู่ตลอดวันนึงต้องออกมาดูแลตัวเองมีความเคว้งบ้างมั้ย?

“แรกๆก็เคว้งนะ พอมีบ้านทุกอย่างก็ดูเป็นที่เป็นทาง เค้าก็มีกับข้าวช้อนส้อมวางไว้ให้ แต่พอออกไปข้างนอกมันไม่มี เราก็ต้องไปผจญภัยข้างนอก เราก็ไม่รู้ว่าโอกาสที่จะเข้ามาในงานต่อๆไปมันจะไปในทิศทางไหน แต่ก็เป็นอีกก้าวนึงที่ทำให้เราโตขึ้น ทุกอย่างต้องขวนขวายด้วยตัวเอง ต้องใช้ศักยภาพที่มี ใช้แพสชันทางการแสดงพิสูจน์ไป อยากลองพิสูจน์ตัวเองว่าถ้าไม่มีใครคอยมาป้อน มันจะรอดมั้ย เป็นจุดที่เราตัดสินใจแล้วว่าเราจะลองออกไป”

ที่ผ่านมาแฟนๆละครก็ยกให้เราเป็นนักแสดงเจ้าบทบาทคนนึง เรารู้สึกยังไง?

“ก็ต้องขอบคุณช่องวัน เท่าที่เราได้รับฟีดแบ็กเค้าก็ได้เห็นตั้งแต่ช่วงละครตะวันตัดบูรพา ต้องยกเครดิตให้พี่โขม ผู้กำกับด้วย หลังจากเรื่องนั้นก็ทำให้คนเห็นเราในฐานะนักแสดงมากขึ้น และช่องวันก็ให้โอกาสเล่นบท แจ็ค เรื่องบ่วงเสน่หา อันนั้นก็ไกลตัวและเป็นอะไรใหม่ๆที่เราไม่เคยได้ลอง พอเล่นแล้วคนเชื่อคนอิน ในฐานะนัก แสดงเราก็ดีใจนะ ก็ไล่มาเรื่อยๆจนถึงนางสาวไม่จำกัดนามสกุลและเรื่องอื่นๆก็ดีใจที่คนดูเห็นและรับรู้ได้ถึงความตั้งใจในการทำงานของผม”

ทำให้ต่อไปต้องมองไปถึงบทที่ท้าทายขึ้นเรื่อยๆมั้ย?

“ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากครับ อยากเล่นบทที่ท้าทายตัวเองไปเรื่อยๆแต่เราก็ต้องทำบทที่เราเคยเล่นให้มันใหม่เองก็เป็นหน้าที่ของเราแต่อย่างน้อยถ้าเราได้เจอบทใหม่ๆ มันก็คงเหมือนเราอ่านหนังสือเล่มใหม่ๆ ทุกอย่างก็เปิดโลกเราได้หมด เหมือนออกมาในห้องหนังสือที่ใหญ่ขึ้น”

“เอา จริงๆก็ไม่อยากจำกัดตัวเองที่งานแสดงอย่างเดียว งานพิธีกรก็เคยได้ลองทำ ก็อยากทำพิธีกร ถ้าถามแพลนในชีวิต หลักๆเราก็อยากเก็บเงินซื้อบ้าน ถ้าอยู่ที่เดิมในแง่ของรายได้หรือความฝัน มันยังพาให้เราไปถึงตรงนั้นไม่ได้ ก็เลยคิดว่าเราลองออกมาข้างนอกดีกว่า”

อยากสร้างครอบครัวไปด้วย?

“ในแง่ของชีวิตครอบครัวจริงๆผมกับแฟนก็จดทะเบียนสมรสไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ใช้คำว่าครอบครัวมาตั้งแต่ ตอนนั้นแต่อาจจะไม่ได้ลงในโซเชียลหรือประกาศ ด้วยความที่เราทั้งคู่เป็นคนไม่ได้ประกาศชีวิตส่วนตัวมาก จริงๆวิธีปฏิบัติต่อกันก็ไม่ได้ต่างจากเดิม แต่ ในแง่ของครอบครัวก็ต้องมองไปทีละสเต็ปก็อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง เป็นความฝันเล็กๆของเรา 2 คน แต่เรื่องลูกก็อาจจะไม่มี ความฝันชีวิตคู่ก็คือ มีบ้านแล้วก็ไปเที่ยวกัน”

วันที่เรามีการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงและคนข้างกายที่คือคู่ชีวิตแล้วเราปรึกษากันยังไง?

“มันก็ต้องมานั่งคุยกัน ก่อนตัดสินใจมันก็ผ่านการคิดมาระดับนึงเพราะมันเป็นก้าวที่เอาง่ายๆคือออกมาเป็นฟรีแลนซ์ก็เป็นดาบสองคมเหมือนกัน ถามว่าเสี่ยงมั้ยก็เสี่ยง แต่ถ้าเราคิดว่าเป็นคนจริงตั้งใจจริงเราน่าจะอยู่ได้ อันนั้นเป็นพาร์ตของตัวเองนะครับ แต่พาร์ตข้างนอกมันเป็นโอกาสที่จะเข้ามา ซึ่งอันนั้นเราคอนโทรลไม่ได้ก็เป็นจังหวะของชีวิต สุดท้ายเราก็คือมนุษย์มันต้องพยายามเอาตัวรอดกันไป ถ้าไม่พยายามดิ้นรนมันก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2653771
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2653771