ก้อย : เราสองคนเลิกกันแล้วและเป็นการเลิกกันด้วยดี แต่ก็อาจจะยังจัดการอารมณ์กันไม่ได้เราก็เลยอยากมาบอกทุกคนให้รู้พร้อมกันว่าเราตกลงกันแล้วว่าเราเลิกกัน ซึ่งสาเหตุหลักๆ เป็นเพราะว่าเราลองใช้ชีวิตด้วยกันดูแล้วมันไม่ได้สื่อสารกันอย่างตรงไปตรงมาแต่มันก็เลยอาจจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นเรื่อยๆ และมีจุดยืนมีความคิดของตัวเอง คิดว่าเราค่อยๆ ปรับแล้วเจอจุดที่ปรับกันไม่ได้จริงๆ ก็เลยรู้สึกว่าเราแยกไปอยู่กับตัวเอง ไปลองใช้ชีวิตในแบบของตัวเองดีกว่า

นิกกี้ : จริงๆ เราเลิกกันวิธีแต่ว่าตอนที่เลิกกันตอนนั้นเราก็ยังพูดกันดีๆ ไม่มีการทะเลาะกันไม่มีการขึ้นเสียงใส่กัน ไม่มีการใช้อารมณ์กันเลิกกัน ด้วยความรักผมมากเขาก็มีน้ำตานะตอนเลิก แต่เราร้องไห้กันด้วยความรักและเราก็แอบมีน้ำตา แต่เราไม่ให้เขาเห็น ก็คือให้เวลาเขาอยู่กับตัวเอง เพราะหลักๆ เลยตอนนี้ก้อยก็ทำงานเยอะ

ก้อย : พอเรามาลองใช้ชีวิตด้วยกันแล้วมันก็รู้สึกว่ามันมีบางจุดที่มันเหนื่อยต่อการปรับกันแล้วเราเลยรู้สึกว่าพอก่อนดีกว่าแค่นั้นเอง

เคยนอกใจก้อยไหม?

นิกกี้ : อันนี้ผมพูดได้เลยนะครับและไม่รู้ว่าจะเป็นสิ่งที่ผมควรภูมิใจหรือไม่ภูมิใจ แต่ผมพูดได้ต่อหน้าก้อยเลยว่าตั้งแต่วันที่ผมคบกับก้อยมาเกือบ 3 ปีแล้วตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ไม่เคยนอกใจแฟนแม้แต่ครั้งเดียวแม้กระทั่งนอกกาย ไปนวดก็ไม่เคยเลย หรือไปเที่ยวผับก็ไม่เคยโกหก ขอก้อยตลอด

เลิกกันมีมือที่สามไหม?

ก้อย : เลิกกันไม่มีมือที่สามค่ะ ก็เป็นนิสัยของเราล้วนๆ ที่เรารู้สึกว่า เราปรับกันมาถึงจุดที่ไปต่อไม่ได้แล้ว ถ้าถามว่าเรื่องนี้เลิกกันเพราะอะไรก็คือเหมือนดาราเลยแต่ว่าก็คือเข้ากันไม่ได้ มันมีจุดที่เราไปต่อกันไม่ได้แค่นั้นเอง ยืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องมือที่สาม

มีโอกาสกลับมารีเทิร์นไหม?

ก้อย : เป็นสิ่งที่หนูไม่รู้แต่ว่าวันนี้เราคุยกันชัดเจนไปแล้วแยกกันดีกว่า อนาคตก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถตอบได้ว่าเราไม่รู้จะเจออะไรบ้าง

ยังสามารถร่วมงานกันได้ไหม?

ก้อย : จริงๆ แล้วหนูร่วมงานกับเขาได้แต่หนูว่าคนเรามันแยกกัน มันมีเวลาที่เราต้องจัดการเองไม่ใช่อยู่ดีดีแล้วเราเลิกกัน มาทำงานได้แล้วรู้สึกว่าวันนี้ฉันทำงานมีความสุขจัง หนูว่าคนเราไม่ได้จัดการตัวเองแบบนั้น หนูว่าช่วงนี้มันก็ควรจะเป็นช่วงที่อยู่กับตัวเองจริงๆ ให้ใช้เวลากับตัวเองจริงๆ แล้วพอมันมีเวลาที่เหมาะสมที่เราสองคนจะจัดการตัวเองได้แล้ววันนั้นค่อยกลับมาทำงานดีกว่า ในความคิดหนู

เลิกกันสองอาทิตย์แล้วเป็นยังไงบ้าง?

นิกกี้ : ถ้าวันแรกแรกมันจะงงๆ เพราะเราเคยมีเค้าอยู่ที่บ้านทุกวันพอวันนึงเรากลับมาไม่มีเขามันก็แปลกๆ แต่มุมผมผมคิดว่าเค้าน่าจะสบายใจกว่า ยอมรับว่าเรายังคิดถึงเขายังรักเขา ซึ่งทุกวันนี้เค้าก็ยังรักผมอยู่ผมก็รักเขา

ก้อย : หนูว่าหนูได้มีเวลากับตัวเองดี ช่วงนี้เป็นช่วงที่หนูทำงานหนักมาก และพอได้อยู่กับตัวเองมันรู้สึกสงบดีค่ะ แต่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเราก็จะเป็นห่วงเขา ซึ่งเค้าก็เป็นคนคนหนึ่งที่หนูรักและไม่ได้อยากให้เขามานั่งเจออะไรที่ไม่ดี เพราะเค้าก็พยายามที่สุดในความสัมพันธ์ที่ผ่านมา และมันก็แค่จบลงเท่านั้นเอง และทั้งหนูและเขามันผ่านอะไรที่มากกว่าเรื่องรักมาแล้วคือมันมีเรื่องอื่นในชีวิตที่เราได้ต่อสู้ชีวิตกันมาที่มันเป็นเรื่องหนึ่งในชีวิตที่เราต้องผ่านไป แต่ว่ามันก็แค่หวังดีต่อกันแล้วก็อยากให้เขามีความสุข

เป็นห่วงอะไรเค้า?

ก้อย : อยากให้เค้ามีสติ เพราะตั้งแต่ที่คบกันมาเค้าเป็นมนุษย์ที่ดี และเป็นมนุษย์ที่น่ารักมากคนหนึ่งและเขาก็ยังเป็นแบบนั้น แค่เป็นห่วงเท่านั้นแหละ

นิกกี้ : การใช้ชีวิตของเขาเราไม่ได้เป็นห่วงเลยเพราะเขาเป็นคนที่ดีมาก ทุกคนก็จะพูดกับผมว่าอย่าปล่อยก้อยไปนะ เชื่อเถอะว่าก้อยคือแม่ที่ดีที่สุดของลูก ทุกคนพูดกับผมแบบนี้หมด

ได้ง้อก้อยหรือยัง?

นิกกี้ : จริงๆแล้วผมได้ยอมรับในการตัดสินใจของก้อย ผมก็เคารพ ถามว่ารักไหมผมรักอยู่แล้วแต่ถามว่าเป็นห่วงอะไรไม่ได้เป็นห่วงเลย เพราะเขาเป็นคนที่ดีมาก ตลอดสามปีที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องที่ไม่ดีในตัวเขา สำหรับผมเลยหรือว่าไม่เคยรู้สึกไม่ดีเลย เพราะตั้งแต่ผมคบกับเค้ามาเค้าทำให้ผมเป็นคนดีขึ้นดูมีสติมากขึ้น

เลิกกันแล้วครอบครัวว่ายังไง?

นิกกี้ : น่ารักมาก ก็คือ 2 สิ่ง ที่ผมรู้สึกว่าผมยังมีเค้าอยู่ในครอบครัวตลอดหรือว่ายังมีเค้าอยู่ในชีวิต ก็คือต่อให้ก้อยเลิกกับผมไปเขาก็ยังรักหมาเราซึ่งก็แบ่งเวลากัน ดู รวมไปถึงรอยสักที่แขน ก็คิดว่าจะไม่หรอกเพราะเราก็รักก้อยเปรียบเสมือนรักผม แล้วก็ยังโอเคที่เขายังเห็นความสำคัญของครอบครัวเรา

ก้อย : ทั้งแม่และคุณยายโอเคค่ะ และทุกคนเคารพการตัดสินใจของเราทั้งคู่ซึ่งแม่เค้าก็เข้าใจแค่นั้นเองเราก็คือคนที่หวังดีต่อกันทั้งคู่

สุดท้ายอยากบอกอะไรกันบ้าง?

นิกกี้ : ผมก็มีความสุขตลอดที่ได้อยู่กับน้องเขาและไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง อาจจะห่างกันไปแล้วก็ไม่กลับกันมาอีกแล้วหรือวันนึงอาจจะกลับมาคบกันก็อยากจะบอกน้องว่ายังไงก็ตามก็รักน้องเสมอไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด เราก็ทำงานของเราไปเค้าก็ทำงานของเค้าไป แล้วก็จะซัพพอร์ตเขาทุกอย่างไม่ว่าเค้าจะทำอะไร

ก้อย : อยากให้เขามีชีวิตที่ดี และหนูก็เชื่อว่าเค้าก็อยากให้หนูมีชีวิตที่ดี เพราะฉะนั้นก็เลิกกันด้วยดีแค่นั้นเอง.