โขม ก้องเกียรติ ชี้ #แบนสุพรรณหงส์ เหมือนฝีแตกจากปัญหาสะสม


ให้คะแนน


แชร์

โขม ก้องเกียรติ โขมศิริ ผู้กำกับชื่อดัง ซึ่งกำลังมีผลงานล่าสุด ขุนพันธ์3 รวมถึงเคยได้รับรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 19 สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง เฉือน ได้กล่าวถึงประเด็นร้อน #แบนสุพรรณหงส์ ว่า

“การที่เกิดกระแส #แบนสุพรรณหงส์ ตนมองว่าเหมือนฝีแตกจากปัญหาหลายอย่างที่สะสมมานาน อย่างที่ทราบกันว่ากฎกติกานี้เคยถูกพูดมาแล้วและเบรกไปแล้ว แล้วอยู่ดีๆ ก็โผล่ขึ้นมา แน่นอนภาพที่เห็นคือมันไม่แฟร์ ในฐานะคนทำงานทุกคนมีเจตนาที่อยากจะเห็นความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหนังเล็กหรือหนังใหญ่

ที่ผ่านมาหนังอินดี้หรือหนังอิสระก็มีคุณค่าในตัวมันที่สามารถสร้างบุคลากรใหม่ๆ แนวคิดใหม่ๆ ซึ่งหนังอิสระคือตัวนำร่องที่จะหาทิศทางที่มันแตกต่าง ทีนี้แน่นอนว่ากลุ่มมันก็ต้องเล็กลง พอกลุ่มเล็กลงโรงก็อาจจะไม่ฉาย การที่เอากฎสมาพันธ์ฯ มากำหนดว่าจะต้องให้ได้ที่นั่งเท่านี้ๆ จำนวนฉายเท่านี้ๆ เลยเป็นข้อจำกัดที่ไม่แฟร์”

ทางสมาพันธ์ฯ อาจจะตั้งธงไว้ว่า ในบางปีมีหนังที่ได้รางวัลสุพรรณหงส์แต่คนดูไม่รู้จัก จริงๆ แล้วประเด็นนี้น่าคิดในทางกลับกันมากกว่า ว่าทำไมหนังที่เป็นเมนสตรีมถึงไม่ได้รางวัลสุพรรณหงส์ แต่กลายเป็นหนังอิสระได้รางวัลกันหมด

เพราะว่าหนังเมนสตรีมมันถูกข้อจำกัดด้วยอุตสาหกรรมด้วยโรงหนังเองว่าต้องทำหนังตลกแบบนี้ๆ สิ ซึ่งเป็นหนังแนวซ้ำๆ จนคนดูด่าและรู้สึกเสื่อมศรัทธากับหนังไทย หนังเมนสตรีมเหล่านี้อาจจะมีมูลค่าทางการตลาด แต่ไม่ได้มีคุณค่าพอที่รางวัลจะให้

ซึ่งพูดกันตามตรงว่ามีไม่กี่เจ้าที่จะทำได้ เพราะหนังไม่ได้ทำหน้าที่แค่ความบันเทิง แต่ทำหน้าที่กระตุ้นปัญหาด้วย หนังถึงเป็นศิลปะที่มีแรงกระเพื่อมพอที่จะทำให้สะท้อนปัญญาของประเทศนั้นๆ”

“แล้วกฎกติกาที่นำมาใช้คัดเลือกหนังที่จะเข้าชิงรางวัลในแต่ละปีก็ไม่เหมือนกัน สามสี่ปีมานี้ก็เห็นหนังอินดี้เข้ามาชิงได้ปกติ กฎกติกานี้เท่าที่ตนรู้คือมีการเคยถูกพูดคุยกันว่าจะเกิดขึ้น เพราะเหมือนทางสปอนเซอร์หรือใดๆ มีความรู้สึกว่าหนังที่ได้รางวัลสุพรรณหงส์ประชาชนไม่รู้จักเลย มันคือหนังเรื่องอะไร

หนังนอกกระแสแล้วทำไมมาอยู่ในเวทีใหญ่ได้ เวทีใหญ่ควรจะรันอุตสาหกรรม คือเขาไปมองในมุมนั้น ตรงนี้เลยเกิดความย้อนแย้งว่าหนังบางเรื่องหรืออย่าง ‘เวลา’ (Anatomy of Time) ที่กำลังเป็นประเด็น มันก็เดินทางไปต่างประเทศไปได้รางวัลมากมาย ฝรั่งเห็นชื่นชม แต่กลับมาในประเทศไม่มีพื้นที่ให้ประกวด คนทำก็ต้องรู้สึกว่าเป็นเรื่องไม่แฟร์เป็นธรรมดา”

“แต่อย่างที่บอกว่าอันนี้คือฝีแตก จริงๆ ไม่ได้มีแค่ปัญหานี้ แต่ที่ทำให้เกิดดราม่าขนาดนี้ เพราะว่ามันมีปัญหาสะสมอย่างที่รู้กันว่ามันมีอะไรนอกในหรือเปล่า ทำไมถึงได้เกิดมรสุมขนาดนี้กับวงการหนังไทย ทำอย่างนั้นก็ไม่ได้ สู้กับโรง สู้กับความศรัทธาของคนดู สู้กับหนังฝรั่ง สู้กับทุน สู้ไปหมด ตั้งแต่ทำงานในแวดวงภาพยนตร์มา จริงๆ มันเป็นลูป มีวันรุ่งเรืองมีวันตกต่ำ แต่ตอนนี้น่าจะวิกฤตสุดๆ แล้วสำหรับหนังไทย ทำไมความไม่แฟร์ถึงได้เกิดขึ้นเยอะขนาดนี้ ซึ่งมันย้อนแย้งกับนโยบายคำว่า ซอฟต์ เพาเวอร์ มากๆ”

ต่อข้อถามว่า หลายคนที่เกี่ยวข้องในแวดวงอุตสาหกรรมหนัง ประกาศไม่ขอร่วมงานกับเวทีสุพรรณหงส์ ขอถอนตัว และขอคืนรางวัล ส่วนตัวเรามีความคิดอย่างไร ผู้กำกับคนเดิม กล่าวว่า “จริงๆ ไม่ได้ชิงอะไรกับเขามานานแล้ว แต่อย่างที่บอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่แฟร์ ดังนั้นก็ถูกแล้วที่เขาทำกันที่ติดแฮชแท็ก #แบนสุพรรณหงส์ ส่วนตัวไม่ได้ซีเรียสว่าตัวเองจะได้เข้าชิงหรือไม่ได้เข้าชิง ตรงนี้ไม่ใช่สาระ อย่างสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ในเกาหลีแข็งแรงมาก เมื่อเกิดปรากฏการณ์บอยคอตขึ้นมามันมีเอฟเฟ็กต์ถึงในระดับภาครัฐและการเปลี่ยนแปลงในเชิงอุตสาหกรรม นายทุนต้องหันกลับมานั่งคุยกัน”

“ถ้าในแง่นั้นตนก็พร้อมร่วมในฐานะคนทำว่าถ้าเรารวมแล้วถอนตัวออกจากสุพรรณหงส์ หรือเห็นว่ามันไม่ถูกแล้วแสดงออก อันนี้เห็นด้วยเต็มที่ แต่ก็ยังหวังอยู่ว่าถ้าคุยกันได้ก็ควรจะคุย แต่เคสนี้ก็เป็นการรวมกันที่พร้อมเพรียงกัน ทุกคนรู้สึกเหมือนกันว่ามันมีผลต่อพวกเราทุกคน เพราะฉะนั้นก็จะเห็นภาพที่ไม่ได้เห็นกันมานานว่าคนนั้นคนนี้ ค่ายโน้นค่ายนี้ร่วมกันมาแสดงออกว่าสิ่งที่มันไม่แฟร์ก็ควรต้องต่อสู้”

เมื่อถามว่า คุณค่าของรางวัลสุพรรณหงส์จะลดลงไหม โขม กล่าวว่า “สุพรรณหงส์ก็ยังเป็นรางวัลใหญ่ระดับชาติ ถ้าเปรียบกับการแข่งกีฬาก็เป็นลีกที่ถ้วยนี้ไม่มีใครอยากให้เสื่อมศรัทธา เพราะเวลาได้และขึ้นไปรับก็เป็นความภูมิใจของทีมงาน ถือเป็นการตอบแทนค่าเหนื่อยอีกแบบหนึ่ง ตนเชื่อความเป็นสุพรรณหงส์ไม่ได้เสื่อมลงไป เพียงแต่ว่าความศักดิ์สิทธิ์นี้ถูกสั่นคลอน ซึ่งถ้าไม่รีบทำอะไรวันหนึ่งมันก็จะเสื่อมสลายไป”

“จริงๆ เคยมีปรากฏการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในประเทศหลายรางวัลที่อดีตเคยเป็นราววัลใหญ่แล้ววันหนึ่งอยู่ต่อไม่ได้ อย่างเมื่อก่อนก็มีการซื้อรางวัล พอมันมีความไม่แฟร์แล้วปล่อยให้มันเกิดขึ้นเพื่อรับใช้คนแค่กลุ่มเดียว มันก็จะต้องเสื่อมไปตามกฎธรรมชาติ สำหรับสุพรรณหงส์ส่วนตัวมองว่าถ้ามันเสื่อมคนจะไม่ออกมาพูดถึง ไม่สนใจ ไม่ได้มีราคาไปนั่งแบน แต่การที่คนออกมานั่งพูดแสดงว่ายังมีราคา แล้วก็พยายามที่จะปกป้องความศักดิ์สิทธิ์อันนี้เอาไว้”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7590156
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7590156