ป๊อบ เผยว่า “ผมไม่ได้เล่นหนังมานานแล้วตั้งแต่เรื่อง ‘รักหมดแก้ว’ 6-7 ปีแล้ว ถามว่าต้องรื้อฟื้นการแสดงไหม ผมว่าศาสตร์หนัง ความยากของเราคือบางทีเล่นละครมันไม่ได้คัตเป็นซีน แต่หนังมันคือทุกอันต้องมีภาพในหัวของเขาอยู่แล้วว่าเขาเอาอันนี้ไปคัตต่อกับอันนั้น ฉะนั้นเรื่องจังหวะของหนังมันเลยสำคัญว่าต้องเล่นเท่านี้แล้วหยุด อาจต้องทำความเข้าใจไปด้วย แต่ก็ขอบคุณพี่เอก (พิพัฒน์ จอมเกาะ) พี่ยอร์ช (ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์) ด้วย หนังเรื่องนี้เขานั่งประกบ นั่งทำงานไปด้วยกันเลย มันเลยทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น เราก็ถามได้ตลอดว่าอยากได้แบบไหน อยากได้ประมาณไหน”

พอรู้ว่าจะได้เล่นเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง “ผมเล่นเป็น ‘ปักเป้า’ หมอผี ตอนแรกก็ตื่นเต้นมาก เพราะไม่ได้เล่นหนังมานาน และเป็นศาสตร์ที่เราไม่ได้ถนัดขนาดนั้น แต่พอรู้ว่าจะได้เล่นกับเพื่อน เล่นกับโอ๊ต ปราโมทย์, ฝน ศนันธฉัตร, คารีสา สปริงเก็ตต์ ก็รู้สึกสบายใจขึ้น แค่ว่าเป็นหนังที่ถ่ายโหด โลเกชันโหด และด้วยความที่ต้องมีซีจี กราฟิกเยอะ มันก็เลยมีขั้นตอนของมันเยอะครับ”

วิ่งทั้งเรื่องเลย “ใช่ จริงๆ ผมก็ยังเจอความหฤโหดน้อยนะ คุณปราโมทย์น่าจะเป็นคนที่เจอช็อตหฤโหดเยอะ ของผมหนักสุดคือการไปถ่ายที่น้ำตกเหวสุวัต เป็นฉากที่เราต้องลงมาจากน้ำตกครับ”

เล่นกับ “คารีสา สปริงเก็ตต์” ด้วย ซึ่งจริงๆ เป็นญาติกัน “จริงๆ เรียกว่าญาติก็ไม่ได้ เพราะเขาเป็นน้องของเพื่อน เจอตั้งแต่คาริยังอายุ 7-8 ขวบ ก็ถือว่าเป็นแก๊ง เป็นครอบครัว ตอนเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ น้องเขาก็จะมาพักที่บ้านอยู่ช่วงนึงครับ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกัน”

เห็น “คารีสา” บอกว่า “ป๊อบ” ก็ดุเหมือนกันตอนที่อยู่บ้าน “เป็นคนเงียบ ไม่รู้ว่าดุรึเปล่า แต่เป็นเงียบ ไม่ค่อยพูดอะไร บางทีคิดงาน คิดอะไรอยู่ก็จะเงียบ จริงๆ ไม่ค่อยดุนะ”

พอมาร่วมงานกันเป็นยังไงบ้าง ต้องละลายพฤติกรรมกันไหม “ผมว่าจริงๆ แล้วคาริเป็นคนที่มีมาตรฐานในการแสดงอยู่แล้ว เป็นคนมีแพสชันกับงานแสดง คารีสามันเล่นแล้วมันบียอนด์กว่าสิ่งที่เราเห็นในบทก็คือความทุ่มเทของมันที่อยู่ในบท ความใหญ่ ความยาก ความระเบิดระเบ้อที่มันเกิดกับบทของคารีสา”

ตอนเล่นด้วยกันเขินไหม “ไม่ค่อยเขิน เพราะจริงๆ กับใครก็จะรู้สึกประมาณเดียวกัน กับคารีสาเราอาจจะรู้สึกว่าเล่นง่ายกว่าด้วยซ้ำ เพราะเรารู้ว่ามันเป็นน้อง เล่นด้วยกันได้ จะจับเนื้อจับตัว รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ได้คิดอะไรมาก”.