โอ๊ต ปราโมทย์ ร้องเสียงหลง ลือกันเว่อร์ ยังไม่มีข่าวดี ตอนนี้ทำงานหนักมาก


ให้คะแนน


แชร์

โอ๊ต ปราโมทย์ ร้องเสียงหลง ลือกันเว่อร์ ยังไม่มีข่าวดีอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ทำงานหนักมาก

อยู่ๆ ก็มีข่าวลือว่านักร้องหนุ่มอารมณ์ดี โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน เตรียมที่จะแต่งงานแล้ว เมื่อเจอนักร้องหนุ่มในงานเปิดรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์เรื่อง “อาตมาฟ้าผ่า” ที่ โรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่าเตรียมจะสละโสดจริงไหม?!

เจ้าตัวถึงกับร้องเสียงหลงว่า “เดี๋ยวๆ ยังไม่แต่งอะไรทั้งนั้น ข่าวลือเว่อร์ ไม่มี ยังไม่ได้แต่งงาน ทำงานทุกวันเลย ยังไม่มีแพลนครับ งานผมหนักมากเลย ที่บอกว่าไม่มี ไม่ใช่ไม่อยากแต่ง อยากแต่งงานเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะว่าต้องทำงานก่อน ตอนนี้ออฟฟิศกำลังย้าย เราเติบโตขึ้น ตอนนี้วุ่นวายกับออฟฟิศมาก ต้องไปตรวจออฟฟิศทุกวัน ซื้อของเข้าออฟฟิศทุกวัน”

วุ่นกับงานเลยยังไม่ได้โฟกัสเรื่องงานแต่ง? “ใช่ครับ (เติมหวานให้คนรักเรายังไง?) ไม่ค่อยมีเวลาเลย เอาจริงๆ เจอกันน้อย ผมต้องทำงาน หลายคนเห็นตารางงานจะบอกว่างานเยอะจังเลย มีงานทุกวัน แต่จริงๆ แล้วในวันหนึ่ง ผมยังมีงานอย่างอื่นอีก ที่เป็นงานบริหาร ต้องเซ็นเอกสาร ตรวจรายการ ดูแลบริษัทอีก 3-4 บริษัท งานร้องเพลงตอนกลางคืนก็ต้องร้อง คอนเสิร์ตก็ต้องทำ ซิงเกิลใหม่ก็ต้องเขียน”

“โอ้ย…ผมเดินเข้าบ้าน มีพนักงานรอผมไม่ต่ำกว่า 8 คน เห็นเราปุ๊บก็บอกว่าพี่คะ เซ็นเอกสารนี้หน่อยค่ะ รายการนี้เอาไงดีคะ พี่คะสคริปต์รายการนี้ดูหรือยัง พี่คะสตูนี้ได้หรือยังคะ พี่คะไฟตรงนี้ดับอีกแล้ว คือมันวุ่นวายสุดๆ คือจะไปถึงตรงนั้นได้ ต้องพร้อมจริงๆ เราไม่อยากเอาคนอื่นมาอยู่กับเรา แล้วทำให้เขาเดือดร้อน ต้องค่อยๆ ปรับกันไป”

ทำงานเยอะมันมีผลกับความรักของเราไหม? “เราบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าชีวิตเราเป็นแบบนี้ ตอนที่เราเริ่มคุย เริ่มรู้จักเราก็เป็นแบบนี้ เราไม่เคยเปลี่ยน เวลาว่างเรามีแค่ไหน เราจะเว้นไว้ให้บ้าง เราไม่เคยมีช่วงโปรโมชั่นว่าต้องตื่น 6 โมงเช้า เราตื่นปกติ ถ้าเข้าใจแล้วไปแบบนี้เรื่อยๆ มันโอเค”

เขาเรียกร้องเวลาไหม? “ผมไม่รู้ เขาเรียกร้องได้ แต่ผมไม่มีให้ จะให้ผมทำไง ผมให้ไม่ได้เพราะว่าผมต้องทำงาน ผมไม่สามารถทิ้งคน 50-60 คน ไปได้ เพราะผมไปสัญญากับเขาไว้แล้วว่าผมจะดูแลชีวิตเขาในฐานะลูกน้อง ฉะนั้นผมจะละทิ้งความรับผิดชอบตรงนี้ไม่ได้ ผมอาจจะมีเวลากับคนที่รักหรือคนที่คบมากขึ้น แต่ผมต้องเสียพนักงานที่ศรัทธาในตัวเรา ผมรู้สึกว่าหน้าที่รับผิดชอบผมสำคัญ เป็นหน้าที่หลักก่อน คนที่อยู่ด้วยถ้าเขาเข้าใจถือว่าโชคดี”

เรียกร้องเรื่องความรักไม่ได้เหรอ? “ตอนนี้ยังไม่ได้ครับ ทำงานเยอะ เราเป็นหัวหน้าคน แล้วถ้าเรายังไม่รู้จักรับผิดชอบเลยลูกน้องจะคิดยังไง”

เราอยากที่จะสร้างรากฐานตัวเองให้มั่นคงก่อน? “ใช่ครับ เพราะว่าบริษัทก็โตขึ้นเยอะ จนเราไม่คิดว่ามันจะโตขึ้นขนาดนี้ แผนของเราอีก 3-5 ปีข้างหน้าเรามองภาพใหญ่ ถ้ามันถึงจุดนั้นแล้วเขายังอยู่ด้วยก็แสดงว่าเขาไปกับเราได้ตลอดรอดฝั่ง ผมทำงานเยอะมากจริงๆ ผมอยากให้ทุกคนเห็นว่าชีวิตผมทำงานหนักมาก”

“แต่ผมไม่เคยไปเรียกร้องเขา ผมก็ทำของผมไป แล้วถ้ามันอยู่ด้วยกันแบบนี้ไป เข้าใจ พอถึงเวลาที่มันโอเค เราโอเคอยู่แล้ว เพราะว่าทุกอย่างที่เราสร้าง วันนึงเขามาแต่งงานกับเรา เขาคือคนที่จะได้ส่วนแบ่งทั้งหมดจากสิ่งที่เราสร้างมา เขาควรที่จะภูมิใจด้วยซ้ำว่าเราสร้างสิ่งเหล่านี้มา แล้วเราก็ดูแลครอบครัวได้ โดยที่เขาก็อยู่สบาย ลูกเราก็อยู่สบายมันก็โอเค”

แสดงว่าเขาไม่ได้ยื่นคำขาดให้เราเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง? “ณ ตอนนี้นะ คือทุกคนมันเปลี่ยนไปไม่เหมือนกัน เมื่อก่อนเราจะบอกว่าคนเราเปลี่ยนทุกไตรมาส ทุกวันนี้คนเปลี่ยนทุกวัน ผมรู้สึกว่าถ้าวันนี้เป็นแบบนี้แล้วแฮปปี้ ผมโอเคแล้ว สบายใจกับการที่ใช้ชีวิตแบบนี้ครับ”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7599992
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7599992