“มิ้วกี้ ไปรยา” เปิดตัวหนังสือชีวิต เล่าแบบหมดเปลือก เผยช่วงดิ่ง กินยาซึมเศร้ามา 5 ปี


ให้คะแนน


แชร์

“มิ้วกี้ ไปรยา” เปิดตัวหนัง เผยมุมมองชีวิตแบบหมดเปลือก เล่าช่วงดิ่ง กินยาซึมเศร้ามา 5 ปี รักครั้งใหม่ช่วยเยียวยา

เก่งและสตรอง ชีวิตมีหลายมุม ซึ่งก็มีหลายคนให้ความสนใจในชีวิต ล่าสุด คุณแม่สุดแซ่บ เซ็กซี่ซู่ซ่า อย่าง “มิ้วกี้ ไปรยา” ก็เขียนหนังสือชีวิต และได้เปิดตัวหนังสือ “ประสบความสำเร็จของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน” ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 51 เพื่อเปิดเผยมุมมองชีวิตของเธอแบบหมดเปลือก

โดยภายหลังจากเสร็จกิจกรรมบนเวที มิวกี้ได้เปิดใจกับสื่อมวลชน ถึงแรงบันดาลใจให้ตัดสินใจทำหนังสือเล่นมแรกในชีวิต และความรู้สึกที่มีเพื่อนและคนพิเศษมาร่วมแสดงความยินดีมากมาย พร้อมทั้งเผยถึงชีวิตกว่าจะลุกขึ้นมาสดใสได้อีกครั้งกับความรักใหม่

“วันนี้ดีใจมาก ขอบคุณมากๆ เหมือนได้คลายข้อสงสัยของหลายๆคนที่สงสัยว่าเขาทำงานอะไรรวยมาจากไหนในตัวหนังสือก็จะบอกถึงอาชีพของเราและความเป็นมาของเรา วิธีการหาเงินหรือวิธีที่ทำให้เราประสบความสำเร็จ”

แรงบันดาลใจหลักในการทำหนังสือเล่มนี้คืออะไร?
“คือทางที่ตอนสำนักพิมพ์ติดต่อมาเขาบอกว่าอยากจะให้เรื่องราวของเราเป็นกำลังใจแรงใจให้กับใครหลายคน เราก็เลยตอบตกลง ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าถึงเรื่องเงินว่าจะได้เท่าไหร่ ใช้เวลาปีกว่า ตอนที่เขาติดต่อมาก่อนจะเลิกกับสามีได้ประมาณเดือนสองเดือน ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่ได้ประกาศว่าเลิก แล้วยอมรับว่าสภาพจิตใจไม่โอเคเลย ก็เลยบอกทางสำนักพิมพ์ว่าขอเวลาได้ไหมเวลาก็ปีนึง เขาก็น่ารักมาก แล้วเขาก็รอ คือมันก็มีเรื่องดี มันทำให้เราได้เล่าเรื่องทุกอย่างได้ครบหมดเลยทั้งพาร์ทชีวิตที่ผ่านมา ทำยังไงบ้างมูฟออนยังไง คือทุกตัวหนังสือเราคัดกรองเองทั้งหมดเลย เพราะอยากจะให้เป็นตัวของเราจริงๆ ในหนังสือเล่มนี้หลักๆก็จะเป็นเรื่องว่าเด็กหญิงมิวกี้ ไปรยา คือใคร ตั้งแต่เด็กครอบครัวมาแบบไหน ทำยังไงถึงมีเงินช้อปปิ้งได้ขนาดนี้”

แล้วเรื่องดราม่าในชีวิตมีไหม?
“มีอยู่ด้วยค่ะ ว่าข้ามผ่านยังไง คืออันนี้อยากบอกมากๆเลยนะคะ หนูอยากขอบคุณพี่ๆสื่อทุกคนที่ผ่านมาหนึ่งปีมิวกี้รักษาอยู่กับคุณหมอ เนื่องจากปีที่แล้ว เราโดนกระแสที่มันหนักมากจริงๆ เราคิดว่าเราโอเค เราไม่เป็นไร แต่จริงๆแล้วหนูเป็นซึมเศร้าหนักมาก นั่งอยู่ก็ร้องไห้ ขับรถอะไรก็ร้องไห้ ก็เลยรู้สึกผิดปกติก็เลยไปพบกับคุณหมอ หมอบอกว่ามันเกิดจากบาดแผลที่ไม่ได้รักษา”

เรากังวลหรือกลัวไหม หรือหลังจากนี้เวลาเราจะพูดอะไรออกไป เราต้องคิดมากกว่าเดิม?
“กลัวมาก ไม่กล้าอ่านเลยค่ะ แม้ว่าจะเป็นเรื่องดีๆของเรา อย่างเช่นวันนี้เมื่อวานก็ต้องคุยกับจิตแพทย์ก่อนมา เพราะว่าร้องไห้หนักมากกลัวมาก กลัวว่าจะมีคนมาไหม แล้วพี่สื่อที่มาเขาเขียนถึงเราดีมากนะแต่ว่าคอมเมนต์ถึงแย่มาก คอมเมนต์สามารถฆ่าคนคนหนึ่งได้เลย”

แล้วเราจัดการความรู้สึกนั้นยังไง ขึ้นมาบนเวที?
“ก็คือโฟกัสคนที่มาแล้วก็รักเรา ขอบคุณพี่ๆนะคะที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเอ็นดูหนู และให้ความช่วยเหลือ”

ยากไหมกว่าจะก้าวผ่านความรู้สึกนั้นมาได้?
“ยากมาก โดยเฉพาะเราเป็นผู้หญิงที่เปรี้ยวซ่าแสนซน แต่ข้างในภาษาคุณหมอเขาก็บอกว่าเป็นแผลรูโพรงเลย”

ยังกินยาซึมเศร้าอยู่
“ใช่ค่ะ มิ้วกี้กินยาซึมเศร้ามาได้ 5 ปีแล้วนะคะ แต่มันเพิ่งมาหนักตอนธ.ค.-ม.ค. พอ ก.พ. คือหนักมากๆ ก็เลยคิดว่าเราต้องรักษาแล้ว”

ตอนนี้เราสามารถสมานแผลเราได้มากน้อยแค่ไหน
“หนูว่ามันต้องใช้เวลา และพยายามอยู่กับคนที่เป็นเซฟโซนของเรา หนูก็จะเลือกคุย เลือกที่จะอยู่กับคนมากขึ้น เพราะเมื่อก่อนจะเจอคนง่าย แต่เดี๋ยวนี้จะกลัวไปหมด เพราะไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เพราะเราเคยถูกทำร้ายจากคนที่เรารักมากๆ มา เราก็จะกลัวไปหมด มันเป็นโรคที่น่ากลัวนะคะ เพราะมันจะทำให้เราไม่มีความสุข”

คุณหมอแนะนำยังไงบ้าง
“คุณหมอก็แนะนำว่าให้เราอยู่กับเซฟโซน ถ้ารู้สึกว่าใจเราไม่ไหวแล้ว ก็ให้เดินออกมา ไม่ต้องฝืน”

รักครั้งใหม่ช่วยเยียวยาเรายังไงบ้าง
“ดีค่ะ (ยิ้ม) มิ้วกี้คิดว่าใช่นะคะ แต่ก็อย่างที่บอกว่าวันนี้ใช่ พรุ่งนี้อาจจะไม่ใช่ เดี๋ยวก็โดนอีก แต่อยากบอกว่าหนูไม่ได้เปลี่ยนแฟนบ่อยนะ คนนึงก็นานอยู่นะ ก็มีระยะเวลาของมัน (ยิ้ม) ก็ดีค่ะ เขาก็ช่วยเหลือเรา คือเราควรจะบอกกับคนรักว่าเราเป็นอะไร แล้วก็ช่วยกันรักษา เขาก็น่ารักมาก เขาไปหาคุณหมอด้วยทุกครั้ง เพราะเขาจะได้รู้ว่าจะปฎิบัติกับเรายังไง”

ถ้าในอนาคตคิดว่าคนนี้ใช่แล้ว เรากล้าจะเปิดตัวไหม
“กล้านะ เพราะจริงๆ เราก็เป็นคนปกตินะ เรามีแฟน ถ้าคิดว่าใช่ ณ เวลานี้เราก็อยากเปิด การเปิดก็คือให้เกียรติกัน เขาก็กล้าเปิดเรา เราก็กล้าเปิดเขา เป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7600396
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7600396