กุ้งพลอย เล่าเสียงสั่น ศรราม กีดกันเจอ วีจิ ซัดอดีตสามีไม่แมน ตะโกนด่าต่อหน้าลูก


ให้คะแนน


แชร์

กุ้งพลอย น้ำตาคลอ เล่าเสียงสั่น ศรราม กีดกันเจอหน้า วีจิ ซัดอดีตสามีไม่แมน ตะโกนด่าต่อหน้าลูก ถึงขั้นให้ตำรวจมาจับ ขู่ไล่ยามออกปล่อยคนเป็นแม่ไปหน้าบ้านได้ พ้อเหมือนเป็นแม่ขอทาน

หัวอกคนเป็นแม่ เปิดใจเสียงสั่น น้ำตาคลอ หลังจากที่ กุ้งพลอย กนิษฐรินทร์ พัชรภักดีโชติ ได้โพสต์คลิปนำของขวัญไปแขวนไว้หน้าบ้าน หนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์ อดีตสามี เพื่อให้เป็นของขวัญวันเกิดลูกสาว น้องวีจิ อายุครบ 4 ขวบ พร้อมเผยว่าไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยผ่านโทรศัพท์หลายเดือนแล้ว บุกมาหาลูกเพราะคิดถึง และไม่ต้องเรียกตำรวจมาไล่

ล่าสุดวันนี้ (13เม.ย.) กุ้งพลอย ที่มาทำบุญปล่อยปลา เนื่องในวันคล้ายวันเกิด อายุครบ 40 ปี ที่วัดเทวราชกุญชร โดยมี ส.ส. เต้ มงคลกิตต์ ไปร่วมบุญด้วย เชื่อว่าปีนี้ตัวเองจะหมดเคราะห์ พร้อมเปิดใจเล่าเสียงสั่นน้ำตาคลอ เผยเหตุผลที่บุกไปหน้าบ้านอดีตสามี เพราะทนคิดถึงลูกไม่ไหว โดนกีดกันไม่ได้เจอหน้า น้องวีจิ มาหลายเดือน

ล่าสุดมีคลิปเอาของขวัญวันเกิดไปให้ลูก? “กุ้งพลอยไม่ได้เจอลูกมานานมากแล้วค่ะ ประมาณ 3 เดือน จากกำหนดที่จะได้เจอ จนเราได้กำหนดไปเจอแล้วก็ไม่ได้เจอ เหตุผลที่ไม่ได้เจอเพราะว่าตอนนั้นก่อนที่เราจะไม่ได้รับอนุญาตให้วิดีโอคอล เราวิดีโอคอลหาลูกทุกวัน มันยากมากๆ ด้วยมันไม่มีกำหนดเวลา เช่น คนอื่นจะโทรเมื่อไหร่ก็ได้ แต่กุ้งพลอยไม่สามารถ เราก็พยายามทำความเข้าใจ อย่างก่อนหน้านี้ 4 โมงเย็นเคยโทรได้เพราะลูกเลิกเรียนตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว มีอะไรบางอย่างที่ขัดใจก็เปลี่ยนเป็นก่อนนอนอย่างนี้เราก็ไม่เป็นไร ทำความเข้าใจ”

“แต่ ณ วันนั้น เหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นคือ วีจิมาบอกว่าแม่อยากไปดูหนูว่ายน้ำไหมคะ วันเสาร์ เป็นการวิดีโอคอลคุยกับลูกแล้วลูกมีพัฒนาการมากขึ้น เวลาที่เราได้คุยกันทุกวัน การสื่อสารระหว่างแม่กับลูกมันเป็นอะไรที่อบอุ่น เขาละเอียดอ่อนมากขึ้น เราก็รับปากโอเคได้ เราวิดีโอคอลวันนั้น เราก็เห็นว่ามีใครหลายคนนั่งอยู่บริเวณนั้น ก็น่าจะได้เห็นการตกลงกับลูก ซึ่งมันก็ไม่น่าผิดตามกฎหมายที่แม่จะไปเจอลูกที่โรงเรียน ก็ย่อมได้ หรือจะเจอที่ว่ายน้ำก็ได้ เพราะการเป็นแม่ตามกฎหมายจริงๆ ผู้ปกครองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ควรจะกีดกันหรือห้าม เราก็คิดว่าเราก็ทำได้ เราก็ไป ด้วยความรู้สึกว่าลูกนัดเรา ลูกคงอยากให้เราไปดู

คือเราก็เข้าใจว่าเขาคงจะได้ยินการตกลงกันของเรากับลูก? “ถ้าเขาแมนพอ แบ่งปันได้มากพอกว่านี้อีก เขาจะรู้ว่าการที่แม่เจอลูกมันไม่ใช่เรื่องอันตรายอย่างที่เขาเข้าใจมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการที่ลูกซ้อมต่อยมวยก็อันตราย แต่ในเวลาเดียวกันเขาเอาลูกไปฉีกขาเรียนบัลเล่ต์ ไม่อันตรายเลย สิ่งที่เขาทำทุกอย่างไม่มีอันตรายเลย แต่สิ่งที่คนเป็นแม่ทำหลายๆ อย่างมันเลยถูกกำหนดในใจเขา ไม่ใช่ทางกฎหมายนะคะ มันคือสิ่งอันตราย กุ้งพลอยพยายามปรับความเข้าใจตรงนี้มาโดยตลอด ให้กำลังใจตัวเองมาโดยตลอด ด้วยความที่ไม่อยากจะมีปัญหา ไม่อยากให้ถึงขั้นต้องฟ้องศาล พยายามกดดันทางโซเชียลบ้าง เพราะพอคุยกันตัวต่อตัวก็ไม่ได้”

“วันนั้นก็ไปที่ว่ายน้ำ ก็ไปลงว่ายน้ำกับลูก ครูสอนว่ายน้ำเขาก็จะบอกว่าเด็กวัยวีจิคุณแม่ไม่ต้องลงก็ได้ แต่เข้าใจความรู้สึกของเด็กไหมคะ สายตาเขา ความต้องการของเขา แล้วเราเป็นแม่ มันบ่งบอกว่าต้องมีแม่ลงไปกับหนูด้วยนะ เขาถึงจะลง มันคือการสื่อสารระหว่างเรากับลูก ก็เลยขอครูแต่ครูที่สอนเขาเข้าใจความรู้สึกของวีจิและแม่ เขายินดีให้เราลง เราเองก็มีมารยาทอยู่แล้ว เราไม่เคยบุกไปเลย เราก็มีมารยาทพอที่จะลงไปแบบไม่ขอจับลูก ให้ลูกได้อยู่กับครู แค่ยืนข้างๆ สระน้ำเป็นกำลังใจให้ลูก”

“ด้วยความที่แม่และลูกรอที่จะเจอกัน พอผ่านช่วงเวลาที่เจอกันได้แล้วได้มาเจอกัน กลายเป็นลูกอยากจะอยู่กับเรา อยากให้เราอยู่ข้างๆ อยากให้เราพยุงเขา อยากให้เราไปมีส่วนร่วมกับสิ่งที่เขาทำ เขาอาจจดจำกิจกรรม ความสัมพันธ์ที่เราเคยทำร่วมกัน พออยู่ตรงนั้นภาพนี้เลยเกิดขึ้นในมุมมองของวีจิ เขาเลยตะโกนด่าเรากลางสระว่ายน้ำ ซึ่งคนก็เยอะว่าลูกไม่ตั้งใจเพราะเรา มันเป็นสิ่งที่น่าอับอายไหมคะ

อดีตสามีของเราตะโกนขึ้นมา? “อยู่ข้างสระแล้วตะโกนขึ้นมา แล้วก็ทำกิริยาหงุดหงิดงุ่นง่าน ไม่แฮปปี้ ไม่พอใจ แล้วก็บอกว่าวีจิไม่มีสมาธิ แล้วก็ตะโกนด่าเรา ไม่ได้เกรงใจหรือให้เกียรติเราเลย มันไม่แมน แล้ววีจิก็อยู่ตรงนั้น เขาอยู่ในแขนเรา เขาก็หันมามองว่าดูสิว่าเราจะตอบโต้ยังไง ถ้าวีจิไม่อยู่มีด่ากลับแล้ว แต่นี่ลูกอยู่ในแขนเรา เราก็ต้องเก็บอาการ เราพูดไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ตะคอกกลับ แต่มันเป็นการให้เหตุผลว่าทำไมลูกอยากให้แม่มาอยู่ในสระด้วย ทำไมถึงไม่ได้”

ทำไมพี่อ้อยเป็นแค่พี่เลี้ยงถึงอยู่ได้ พี่ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย แต่นี่เป็นแม่ ทำไมพี่ถึงเป็นกับหนูแค่คนเดียว เขาก็ตะโกนว่ามาอะไรหลายๆ อย่าง เราก็บอกเลยว่าพี่เป็นแบบนี้ไม่แมนพอ ไม่ให้เกียรติความเป็นแม่ หนูอาจจะฟ้องพี่ก็ได้ จากนั้นก็จบกันไป เราก็คิดว่ามันคงจะไม่มีอะไรแล้ว เราอดทนได้กับเขาที่ไม่ควบคุมอารมณ์ ที่ตะโกนด่าเราต่อหน้าลูก ใช้กิริยามารยาท บริบทที่มันทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้แมนพอ เรายังแมนพอมากกว่าเขา

“ระหว่างที่ลูกอาบน้ำ ลูกบอกพี่เลี้ยง อาบเร็วๆ สิอยากไปหาแม่แล้ว เข้าใจความรู้สึกนี้ไหมคะ เรายืนหน้าห้องรอเขาอาบน้ำ ทั้งเราและลูกรอที่จะได้มีเวลาด้วยกัน เรากำลังจับมือกันแม่ลูก เขาก็เดินมาแล้วบอกลูกขึ้นบ่าไปเลยแล้วบอกว่าไปเจอกันที่ศาล ซึ่งตัวเราไม่คิดว่าจะต้องไปเจอที่ศาลหรอกค่ะ มันไม่ได้เป็นช้อยส์ที่อยู่ในใจเราตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าเป็นตั้งแต่แรก การที่กีดกันมา ขอใช้คำว่ากีดกันแบบชัดเจนเลยดีกว่า ขอไปส่งที่โรงเรียน ไปรับบ้างก็ไม่ให้ ขอนอนกอดลูกบ้างก็ไม่ให้

“ทำไมไม่มองถึงพ่อแม่คนอื่นเขาบ้างที่เลิกกันรากันไปแล้ว ย่าไปคิดถึงความเป็นสามีภรรยา มันกลับมาเป็นไม่ได้อยู่แล้ว แต่การเป็นแม่ของลูก ต่อให้คุณพยายามจะกีดกัน หรือตัดออกไปจากชีวิตของลูกถ้าคุณลองมองอีกมุมหนึ่งของจิตใจของลูกคุณจะเข้าใจ ไม่ใช่ว่ากั๊กๆ กลัวๆ กล้าๆ ไม่รู้ว่าในใจกลัวอะไร แต่ก็กลัวแค่แม่คนเดียว จริงๆ เหตุการณ์นี้ไม่อยากสัมภาษณ์แล้ว อยากให้มันจบไป แต่การที่มันกระทบกระเทือนใจหลายๆ รอบเราเป็นแม่ เราไม่ใช่ผู้ชายบางทีเราก็อดทนอดกลั้นไม่ไหวเพราะมันหลายช็อตแล้วนะคะ”

ก่อนหน้านี้เหมือนจะมีโมเมนต์ที่ดีขึ้นกับการได้วิดีโอคอล มันเกิดอะไรขึ้น? “ไม่หรอก กุ้งพลอยว่าพี่เขาน่าจะเป็นคน 7 วัน 7 อย่าง อารมณ์นะ ไม่มีอารมณ์ที่เป็นมาตรฐานและตายตัว ถ้าเป็นอารมณ์มาตรฐานและตายตัว คิดอะไรแล้วมีหลักเป้าหมาย และชัดเจน มันจะไม่โลเลขนาดนี้ คิดว่าน่าจะเป็นผู้ชายที่มีอารมณ์ 7 วัน 7 อย่าง”

เป็นเพราะว่าเราไปเซ็นหลังให้เขาดูแลฝ่ายเดียวมั้ย? “มนุษย์มีจริยธรรมการเป็นมนุษย์ ถ้าเรามีจิตการเป็นมนุษย์จริงๆ มันไม่อยู่ที่กระดาษหรอก มันอยู่ที่ความรู้สึกของลูก แต่เมื่อไหร่ที่เราไม่มีความเป็นจิตเป็นมนุษย์จริยธรรม มันจะไม่มีหรอก เราจะเอากฎหมายเป็นที่ตั้ง เอาความรู้สึก ความถูกต้อง ความถูกต้องของลูกต้องการแม่ เพราะฉะนั้นมุมมองที่คนมอง 3 ปีแล้ว คิดว่าจะมองมุมไหน ไม่ผิด คิดว่าน่าจะมองถูก อย่างเช่นโควิดก็กลัวติดจากเรา แต่ก็ติดจากพี่เลี้ยง เวลาที่โพสต์สังคมก็มองว่าเราเป็นอะไร แต่เราไม่พูดทั้งหมด”

“เพราะฉะนั้นวันนี้ถึงบอกว่าความกลัวมันไม่มีอยู่แล้ว เพราะว่าความมีน้ำใจมันไม่มีให้เราเหมือนกัน กุ้งพลอยไม่ได้ทำร้าย ไม่ได้แฉ นี่ก็คิดว่าแมนพอ ครอบครัวคนอื่นเขายังทำได้ จูงมือช่วยกันวันสำคัญของลูก วันแม่กุ้งพลอยไม่ได้การ์ดวันแม่นะ แต่ติดตามในเพจของโรงเรียน กุ้งพลอยเป็นเหมือนแม่ขอทาน กูไม่สู้ กูไม่ได้เจอลูก ป่วยก็ต้องรู้เองนะว่าลูกป่วย ต้องจี้เองถึงเข้าไปเจอลูกได้ เพราะเขาไม่มีกฎหมายห้ามแม่ไม่ให้เยี่ยมลูก แต่เราไม่สามารถรู้ได้ว่าลูกป่วย ต้องสืบเอง เพราะเขาปิด การเป็นแม่ของกุ้งพลอยมันไม่ได้ง่ายๆ นะ”

จะได้เจอน้องวีจิอีกเมื่อไหร่? “มันไม่มีกำหนดค่ะ ถ้าเขาอยากให้ไปฟ้อง เราต้องมาคิดอีกทีว่าพฤติกรรมและบริบทที่เขาทำตอนนี้มันจะไปถึงตอนนั้นหรือเปล่า แต่เราเป็นแม่ กลายเป็นว่า เราไม่อยากฟ้อง การโต้เถียงผ่านโซเชียลมันก็มากพออยู่แล้ว เราลองมาปรับทัศนคติมั้ย ไม่ใช่ให้ผู้หญิงมาปรับอยู่คนเดียว โดนสังคมประนามอยู่แค่คนเดียวเพราะพูดไม่หมด บางทีก็ปกป้องคุณด้วยซ้ำไป อึดอัดอะไรก็โพสต์ประจาน อย่างเบอร์มันเป็นเบอร์ของกุ้งพลอย บางเรื่องไม่ผิดก็ยัดเยียดให้”

พ่อกับแม่มีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกัน กลัวจะมีผลกับลูกในอนาคตมั้ย จะอยู่ในภาวะสถานการณ์ยังไง? “จริงๆ พ่อกับแม่ต้องไปแก้ค่ะ คนเดียว พยายามอยู่คนเดียวมันเป็นไปไม่ได้ อีกคนพยายามสู้เพื่อลูกทางพฤตินัยที่แท้จริง กับอีกคนไม่มีตรงนั้นจริงๆ ความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่แท้จริงมันไม่มี เพราะฉะนั้นมันไม่เกี่ยวกับว่าพ่อกับแม่ทะเลาะกันแล้วไปกระทบถึงลูก ถ้าคนๆ หนึ่งเป็นฝ่ายทำอยู่คนเดียวมันก็ไม่เกิดมุมมองหรือภาพที่ดีสำหรับลุกส์หรอกค่ะ”

ถ้าโตขึ้นแล้วลูกมีปัญหาแบบนี้จะบอกลูกว่ายังไง? “คิดว่าวันหนึ่งที่วีจิโตขึ้นมา วีจิจะฉลาด การที่วีจิเป็นคนดังตั้งแต่เด็ก มีคนรักตั้งแต่เด็ก วันหนึ่งที่วีจิโตขึ้นมาจะได้รู้ว่าการที่โตมาในที่ที่มีแสง ต้องยืนอยู่ในวงการนี้ วันหนึ่งวีจิจะเข้าใจ โตมาอาจจะเจอเรื่องดีและร้ายเหมือนเรา วันหนึ่งเขาจะรู้ว่าจะต้องแก้ไขยังไง”

กุ้งพลอยบอกว่าไม่ต้องเอาตำรวจมาไล่ เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เหรอ? “ช่วงแรกๆ หลายคนเวลาคอมเมนต์ในโซเชียลเขาก็จะแนะนำหลายๆ อย่าง เวลาเราอ่านก็จะบอกตัวเองว่า ทำมาหมดแล้ว แต่ไม่ได้อธิบาย แต่ถ้าวันหนึ่งที่ลองทำไปแล้วไม่เกิดผลในการต่อสู้เพื่อลูก ก็ถึงเวลาที่จะต้องปกป้องศักดิ์ศรีของความเป็นแม่บ้าง ผู้หญิงคนนี้ความอดทนมันเยอะนะ แมนๆ แกร่งๆ แต่พอถึงเวลาวันนี้เราไม่จำเป็นต้องทนแล้ว

หลายคนมองว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นเพราะเราที่ทำให้ครอบครัวเป็นแบบนี้? “ถ้าย้อนกลับไปเรามีสิ่งที่ผิดมั้ยมันก็มี กล้าพูดมาตลอด ก็พยายามแก้ไขแล้ว ไม่ได้ผิดหลายข้อด้วย ชีวิตคนเราที่เราทำมาดีๆ ไม่ได้ถูกยกขึ้นให้สังคมเห็นเหรอ ดีๆ เราก็ทำตั้งหลายเรื่อง แต่เราต้องยอมรับว่าเรื่องไม่ดีมันจะฉาว สังคมชอบเรื่องฉาวมากกว่าเรื่องดีอยู่แล้ว เราต้องทำความเข้าใจแก้ไขในหน้าที่ที่เราทำได้ เราทำได้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ถ้าเราต้องทำให้ดีมากกว่าที่ทุกคนต้องการมากกว่านี้ คงทำไม่ได้”

“ส่วนโพสต์อันนั้นเคยเข้าไปหาลูกแล้วเขาโทรหาตำรวจ และตำรวจก็แนะวิธีถ้าจะมาหาลูกอย่ามาในยามวิกาล 2 ทุ่มไปแล้ว อย่ามา อย่าพยายามเข้าไปเกินรั้วบ้าน มันผิด มันกลายเป็นบุกรุก ถ้ามายืนแค่พื้นที่สาธารณะ ถนนและหน้าประตูบ้าน เขาไม่มีสิทธิ์เรียกตำรวจมาจับ

ส่วนเรื่อง รปภ.ไม่ให้เข้า เขาก็จะห้าม รปภ.ไม่ให้เราเข้าไป ความที่ รปภ. เขาเอ็นดูเรา อยู่ตรงนั้นก็ซื้อข้าว กาแฟตอนไปใส่บาตร เขาก็เห็นเราจูงมือลูกเดินเล่นทั้งวันคนเดียว ไม่เคยเห็นพ่อจูงมือนะคะ เห็นแต่แม่นะคะ เพราะฉะนั้นเขาก็จะเอ็นดูเรา พาวีจิเดินตั้งแต่บ้านถึงป้อมยาม เป็นปัญหากับ รปภ. รปภ. ก็จะกราบเรา เพราะเขาจะเอา รปภ. ออก จะเอายามออกที่ให้แม่เข้ามา แต่ไม่ได้เข้าบ้านนะคะ ก็จะให้ยามออก

“แต่วันนี้เป็นวันเกิดของลูก และ รปภ. น่ารักมาก เขาให้เพราะเราบอกว่าเป็นวันเกิดของวีจิ ก็อนุญาตให้เข้าไปแต่ไม่ได้เข้าบ้าน และเราก็ต้องไม่ทำให้ รปภ. เดือดร้อน เพราะมันมีครั้งหนึ่งที่เขานั่งลงจะกราบ บอกคุณติ๊กออกไปเถอะครับ ผมไม่อยากถูกไล่ออก เราก็ท้อเหมือนกัน ก็ต้องกลับทั้งๆ ที่เรารู้ว่าอยู่บ้าน เพราะเขาเพิ่งลงคลิปเป่าเค้ก ก็ไม่เป็นไรเขาบอกว่าลูกหลับ ก็มีวิธีมาหาเหตุผลมาทำให้สบายใจได้ ทั้งๆ เหตุผลนั้นมันจะจริงหรือไม่ก็ตาม”

ต่อไปนี้จะเจอลูกยากกว่าเดิมมั้ย? “น่าจะยากนะ ทำใจแล้ว แต่เราต้องมูฟออน ไม่ให้ใครคนหนึ่งมาทำให้เราวนลูปความเจ็บปวดที่มีแค่เขาคนเดียวที่ลิขิตเป็นผู้กำหนดโชคชะตากุ้งพลอยให้เจ็บปวด โดยเอาเรื่องลูกมาเป็นเครื่องมือและโล่กำบัง”

มองเรื่องการฟ้องร้องยังไง? “เอาจริงๆ การฟ้องร้อง ต่อให้เราทะเลาะกัน มันยังเบากว่าการไปฟ้องร้อง ขอแค่คนเรามันมีเมตตา มนุษย์จริยธรรมข้างในมันไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก ลูกไม่ได้ออกมาจากคนเดียวได้ มันต้องทำด้วยกัน มันต้องมีความรับผิดชอบ ไม่ใช่ทำด้วยกัน ลูกออกมาน่ารักแล้วไม่แยแส เห็นแก่ตัวอันนี้เป็นอะไรที่กุ้งพลอยไม่ชอบ มันไม่แมน กุ้งพลอยไม่ชอบคนไม่แมน”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7611447
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7611447